ทริปสายโหด อยู่โหมดโปรดปรานค่ะ ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นทริปฮันนีมูนดีไหม เพราะแต่งงานได้ไม่ถึง 3 เดือน สามีก็ชวนมาล่องแก่งซะละ..เอ๊ะยังไง 55
แก่งลำน้ำว้า ถือเป็นเส้นทางล่องแก่งติด 1 ใน 5 เลยนะตัวเธอ..
น้ำว้า ลำน้ำสายนี้ช่างชื่อเหมือนกล้วย (น้ำว้า) แต่ประทานโทษ!!! การจะผจญฝ่ามันไปไม่ได้ง่ายๆ เหมือนปอกกล้วยน้ำว้าหรอกนะ
หากแต่เป็นตรงกันข้าม เพราะนี่คือสายน้ำแห่งการล่องแก่งที่ได้ชื่อว่าโหดหินติดอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย
น้ำว้า มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาผีปันน้ำในเขตอำเภอบ่อเกลือ ไหลผ่านขุนเขา ป่าไพร ไปรวมกับแม่น้ำน่านในอำเภอเวียงสา
เดิมลำน้ำว้าเป็นเส้นทางล่องแพไม้ไผ่หาของป่าของชาวบ้าน ต่อมาถูกพัฒนาเป็นเส้นทางล่องแก่งผจญภัย
แบ่งเป็น 3 ช่วง คือ น้ำว้าตอนบน ตอนกลาง และตอนล่าง
น้ำว้าตอนบน มีสายน้ำดุดัน รุนแรง กราดเกรี้ยว เส้นทางมีความคดเคี้ยว บางช่วงสูงชัน มีความยากมากในระดับ 3-5(++)
นับว่าโหดที่สุดในบรรดา 3 ช่วง เหมาะสำหรับคนว่ายน้ำเป็น และมีความชำนาญในการล่องแก่ง
ส่วนน้ำว้าตอนล่าง มีระดับสายน้ำอยู่ที่ 1-3 ถือว่าชิลล์สุดของเส้นทางล่องแก่งน้ำว้า สามารถล่องได้ตลอดทั้งปี
ทริปล่องแก่งสุดมันส์นี้เราใช้ระยะเวลา 3 วัน 2 คืน..
ออกเดินทางเย็นวันศุกร์ที่ 4 กันยายน เวลา 19.00 น. เดินทางโดยรถตู้ จากกรุงเทพ ฯ ไปถึงน่านก็เช้ามืดพอดี
(ค่าใช้จ่ายตลอดทริปนี้ คนละ 6,200 บาท)
เราเคยมาเที่ยวน่านแล้วครั้งนึงค่ะ แต่เป็นการเที่ยวแบบ Slow life เบาๆ ชิลล์ ๆ กินเที่ยวปั่นจักรยานชมวัดวาอารามเบิกบานใจกันไป
แต่ครั้งนี้เราจะมาแบบสายโหดค่ะ กับการล่องแก่งที่ขึ้นชื่อว่าโหดหลายเด้อ แต่เราไม่กลัว และเราก็ว่ายน้ำไม่เป็นไม่แข็ง
ไม่ได้เลยสักอย่าง แถมไม่เคยล่องแก่งเลยแม้แต่ครั้งเดียว 555++
เราติดสอยห้อยตามทริปทัวร์มากับพี่ ๆ น้ำใจงามหลายสิบชีวิต จาก กทม. เดินทางกันมาแบบ 1 ตื่น แว้บเดียวถึงน่านแล้วค่ะ
รถตู้มาจอดให้เราได้ล้างหน้าแปรงฟันเพื่อทำตัวให้เบิกบานกันที่ร้านอาหารเฮือนฮอม ร้านอาหารชื่อดัง ซึ่งเราเคยมากินตอนมาเที่ยวครั้งแรกแล้ว
แต่คราวนี้ไม่ได้ทานอาหารนะแวะพักล้างหน้า เพื่อเดินทางไปต่อ ค่อยกลับมาทานตอนวันกลับ
ระหว่างรอเดินทางต่อ เราเอาฤกษ์เอาชัยด้วยการใส่บาตรไหว้พระสักเล็กน้อยค่ะ
หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยแล้ว ก็ออกเดินทางโดยรถตู้กันต่อ เพื่อไปยังจุดเริ่มต้นต้นสายของลำน้ำ
ใช้เวลาโดยประมาณ 2 ชั่วโมง ระหว่างทางน้องสาวเราต้องแวะจัดหนักท่ามกลาง
บรรยากาศธรรมชาติ สุนทรีย์เป็นที่สุด จึงทำให้ได้ลงมาสุดหายใจกันบ้าง ถ่ายรูปเล่นกันบ้างแก้อาการเบารถกันบ้างตามอัธยาศัย
เมื่อมาถึงที่หมาย เราจัดเตรียมของใช้ที่จำเป็นใส่กระเป๋ากันน้ำ ใส่ชูชีพให้เรียบร้อย พร้อมมาฟังคำแนะนำในการปฎิบัติตัวจากเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด
จากนั้นแบ่งทีม 6 ลำ โดยทั้ง 6 ลำจะมีกัปตันผู้ชำนาญการคอยคัดเรือหัวท้าย เราอยู่ลำที่ 6 และเป็นลำที่ไม่คว่ำเลยตลอดทริปจ้า
หลังจากล่องมาได้ไม่นาน ได้สนุกกันแว้บเดียวก็ต้องหยุดชะงักกันชั่วขณะ
เนื่องจากกระแสน้ำข้างหน้ามีความอันตราย และเชี่ยวมาก เราจึงต้องหยุดละสละเรือยางไปล่องเองอย่างโดดเดียว
ส่วนลูกเรือทั้งหลายก็เปลี่ยนกิจกรรมมาเป็นเดินลุยป่าขึ้นเขาเลาะโขดหินกันไปก่อน เมื่อข้ามเส้นทางสายโหดไปได้แล้วเราจึงล่องกันต่อไปได้
โดยระหว่างรอเรือยางนั้น ทีมใครทีมมันต่างก็ชักภาพถ่ายบรรยากาศกันอย่างชื่นบาน กัปตันทีมบอกว่าเรากำลังอยู่น้ำว่าตอนบน (ที่โหดอะ)
และช่วงที่เรามาถือว่ามีความเสี่ยงอยู่บ้าง เนื่องจากเป็นช่วงที่มีกระแสน้ำแรงในบางจุด ดังนั้นจึงต้องป้องกันไว้ก่อนเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย
ผ่านจุดวิกฤตมา 1 ยกใหญ่ ก็ได้เวลายกพลขึ้นบกกันแล้ว เที่ยงพอดี แถมเหนื่อยจากการขำมาตลอดทาง ในความตลกของกัปตันเรือของเรา
พี่สาด..กัปตันเฮฮาของเราชวนขำไม่หยุด ตบมุกกันกระจาย นอกจากจะพายเก่งแล้วยังตลกมากอีกนะตัวเทอ...
แต่คิดว่าคงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้ลูกเรือผ่อนคลาย และไม่กลัวสายน้ำหฤโหดแห่งนี้ก็เป็นได้นะ..โฮ๊ะๆๆ
มื้อเที่ยงนี้เราเป็นอาหารง่าย ๆ ที่ทางทัวร์จัดเตรียมไว้ให้ “กระเพราหมู-ไก่+ไข่ดาว” ว่ากันไป
หลังจากทานมื้อกลางวัลเรียบร้อยก็ไม่รอช้าประจำเรือ ประจำทีม และออกลุยกันต่อเลยจ้า
ช่วงบ่ายนี้เราพร้อมจะลุยต่อแล้วกับด่านต่อไป เตรียมพร้อมกว่าเดิมด้วยพลังกระเพราหมู ยู้ฮู้ๆ...
และแล้ว...สนุกกันได้แพร้บเดียว ก็ต้องยกพลขึ้นบกกันอีกเป็นรอบที่ 2 เนื่องจากมีเรือบางลำคว่ำอีกเป็นระลอกที่ 2
ละเบื้องหน้าก็มีแก่งที่หนักขึ้นไปอีก ฝนก็ดันตกพร่ำลงมาช่วยสร้างบรรยากาศอีกแรงนึงด้วย ชีวิตช่างงดงามดีแท้ บริหารน่องกันไปจ๊ะ..
และในช่วงชุลมุนก่อนลงเรือพร้อมเดินทางต่อก็ได้มีเหตุให้ต้องแยกจากคุณสามีโดยบังเอิญ กลายเป็นอยู่คนละลำไป
ทำให้คุณสามีได้รับการกินน้ำไปอึกใหญ่จากสาเหตุเรือคว่ำนะจ๊ะ...บันเทิง ดีที่ไม่เป็นอะไรมากค่ะ คว่ำแบบไม่รู้ตัว
สำหรับวันนี้คงต้องพอเท่านี้ และกลับที่พักไปกินยาคลายเส้นก่อนนะจ้าวววว
ผ่านไปหนึ่งวันกับการล่องแก่งลำน้ำว้าตอนบน เราพักกันที่บ้านริมว้า ซึ่งเป็นจุดที่รถตู้นำสัมภาระมารอเราอยู่แล้ว
เช้านี้เราตื่นมากับคำถามในใจที่ว่า “จะไปต่อดีป่าวแว้” เพราะจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อวาน ก็ทำเอาใจฝ่อกันไปหลายคนเหมือนกัน
ด้วยอาการปวดขาแขนอย่างหนักหน่วง ยกขาแทบจะไม่ไหว อยากจะเปลี่ยนแผนไปจิบกาแฟ ชิลล์ ๆ สวย ๆ ในเมืองกันเลยทีเดียว.....
ระหว่างการตัดสินใจเรามีเวลาคิดไปพร้อมกับกินมื้อเช้าไปด้วย และสร้างกำลังใจไปด้วยอีกแรงด้วยการใส่บาตรกับพระชาวต่างชาติ
ที่ได้เดินมาบิณฑบาตท่ามกลางฝนพรำ ทุกคนจึงพนมมือพร้อมใจรับพร..ขอให้สนุกและปลอดภัยทุกคนด้วยเถิด สาธุๆๆ
จากนั้น..เราได้เดินมาคุยกับหัวหน้าแก้งค์ พี่สาด..กัปตันที่คัดหัวเรือได้เก่งมาก ไม่คว่ำเลย
และตัดสินใจกันว่าจะลุยต่อ ไปให้สุด ๆ แต่เนื่องจากเมื่อคืนฝนตกอย่างหนัก อาจทำให้ลำน้ำมีปริมาณน้ำที่มากขึ้นด้วย
ทางทีมงานจึงลงความเห็นว่าให้เลื่อนเวลาออกเดินทางออกไปสักหน่อย เพื่อรอดูสถานกาณ์และระดับน้ำนี้ด้วย
หลังจากเฝ้าดูระดับน้ำมาได้สักพัก ซึ่งแนวโน้มก็ไม่ได้ลดลงสักเท่าไร แต่ 9 โมงเช้าแล้ว ถ้าออกช้ากว่านี้อาจจะสายได้
เราจึงตัดสินใจเตรียมตัวออกเดินทางกันต่อ และไปวัดใจกันอีกทีหน้างาน พร้อมเช็คสภาพของเรือก่อนออกเดินทางกันค่ะ...ลุย
และแล้วโชคก็ไม่เข้าข้าง เพราะกระแสน้ำแรงสมดังคำขู่ของกัปตันสาดที่ได้กล่าวไว้ แก่งที่เราล่องมาเป็นแก่งขนาดใหญ่ยาวและต่อเนื่อง
เล่นซะกล้ามแขน กล้ามขา รวมทั้งกล้ามก้นขึ้นกันเลยทีเดียว และจากฝนตกเมื่อคืนยิ่งทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้น
ส่งผลให้การล่องแก่งของเราลำบากไปอีก แต่ก็สนุกนะ เพราะน้ำเยอะก็มันส์นะเธอ
แต่แนวโน้มไม่เป็นเช่นนั้นเพราะมีกัปตันบางทีมที่ไม่ค่อยชำนาญเรื่องสายน้ำโหดแห่งนี้ จึงพาให้ลูกเรือล่มกันเป็นแถบ ๆ
แถมคนกู้เรือก็เหนื่อยกับการตามเก็บลูกเรือ เรือ และกัปตันที่ไม่ค่อยชำนาญอีก เราจึงมาได้ไม่ถึงครึ่งทาง
บทสรุปคือ จำเป็นจะต้องยกพลขึ้นบกตามเดิม..แงๆ แต่ก็เพื่อความปลอดภัยนะคะ
พวกเราจึงเดินลัดเลาะ เดินป่ากันไปเรื่อย ๆ เดินกันแบบเปียกอับชื้นจ๊ะ
เราเดินมาจนถึงเวลามื้อเที่ยงของเราพอดี เที่ยงนี้จึงเป็นเหมือนที่ฝันไว้ค่ะ เดินป่า กินอาหารกลางป่า บอกเลยว่าอร่อยมาก
ข้าวเหนียว ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม มีจานรองเป็นใบตองอ่อนนุ่ม จกกันมันเลยค่ะ (ปากมันนะ..อิอิ)
กินเสร็จก็เดินทางกันต่อค่ะ เดินไปเรื่อย ๆ ชมนกชมไม้ เพราะเราจะต้องเดินทางไปอีกหมู่บ้านนึงค่ะ เป็นหมู่บ้านที่เรานัดรถตู้ให้มารอรับค่ะ
เราเดินเท้ากันมาสักพักก็มาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นหมู่บ้านสุดท้ายที่เราจะสามารถขึ้นมาได้
ตามแผนแล้วถ้าเราไม่แวะเดินขึ้นเขา เราก็จะได้ล่องแก่งกันมาเรื่อย ๆ จนถึงหมู่บ้านนี้และเดินมาขึ้นรถตู้กัน
และในเมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนเดิมที่นัดไว้ ทำให้รถตู้ที่เดินทางไปไกลนั้นจำต้องวนรถกลับมารับพวกเราที่หมู่บ้านแห่งนี้
เราจึงต้องให้เวลารถตู้วนกลับมาสักหน่อย (จริงๆ ก็ไม่หน่อย นานเลย 55+) ระหว่างรอทุกคนจึงต้องหากิจกรรมอื่น ๆ ทำฆ่าเวลา
จนกว่ารถตู้จะมา รอ..รอ รอ....ฉันรอเธออยู่
เมื่อรถตู้มาถึง เรารีบขึ้นรถและออกเดินทางเพื่อมุ่งหน้าไปตัวเมืองน่านกันค่ะ
ใช้เวลาไม่นานก็ถึงเมืองน่านแล้ว มีเวลาเดินชมเมืองอีกหน่อย กับบรรยากาศวิถีไทย ใกล้วัดภูมินทร์ พักผ่อนเดินเล่นระหว่างรอมื้อเย็น
เราทานมื้อเย็นอันแสนอร่อยกันที่ร้านเฮือนฮอมก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ อย่างปลอดภัยค่ะ
จบทริปกระซิบรักเมืองน่าน ทริปล่องแก่งที่สนุกจนสามีหันมากระซิบว่า "มาล่องแก่งกันอีกไหมจ๊ะ"
ฉันรีบตอบทันทีว่า "ไม่จ๊ะ"
ขอบคุณผู้ร่วมทริปค่ะ เป็นทริปที่ประทับใจและสนุกมาก ๆ
หากใครยังไม่เคยล่องแก่งควรมาลองสักครั้งนะคะ หากกลัวก็เริ่มจากระดับต้นก่อนก็ได้ค่ะ ที่นครนายกมีแบบระดับต้น นั่งชิลล์ๆ ค่ะ
[CR] โหด-มัน-ฮา_ล่องแก่งลำน้ำว้า@น่าน
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้