เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในหมู่บ้านเล็กๆ ห่างไกล ปารวตี (Usha Naik) หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า ป้าพุทธิ
พุทธิ เป็นหญิงชราฐานะยากจน ที่ทำงานเป็นคนรับใช้ตามบ้านเรือนของผู้มีอันจะกินในเมือง เพื่อเงินหาเลี้ยงปากท้อง
บ่อยครั้งที่เธอขัดสนถึงขั้นที่ต้องทะนุถนอมไม้ขีดไฟแต่ละก้าน และหยดน้ำมันที่มีอยู่น้อยนิดในห้องเล็กๆ ที่เธอพักอาศัย
แต่พุทธิ ก็ยังมีน้ำใจ แบ่งปันสิ่งต่างๆแก่ผู้อื่นเสมอ หากมีโอกาส
พุทธิ มี สุดามา หนุ่มเลี้ยงแพะที่เคารพเธออย่างมาก และบูดี้ ก็รักสุดามา ประหนึ่งเหมือนลูกชายแท้ๆ ของเธอเช่นกัน
จริงๆแล้ว บูดี้ มีลูกชายครับ แต่ว่า เขาได้ฆ่าตัวตัวตาย หลังมีหนี้สินที่ไม่อาจจะหาทางเอาเงินมาใช้คืนได้
ซึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในอินเดีย ที่ชนชั้นแรงงาน และคนยากจนหลายครอบครัวต้องประสบชะตากรรมอันทุกข์ยากเช่นนี้
เย็นวันหนึ่ง ได้มีนักการเมืองท้องถิ่นมาที่หมู่บ้านเพื่อหาเสียงและแจกจ่ายเงินให้กับชาวบ้านเพื่อให้พวกเขาลงคะแนนเสียงให้กับเขา
(ซื้อขายเสียง ไม่ดีนะคร๊าบบบบ)
นักการเมืองดังกล่าวให้เงินแก่เธอถึง 5,000 รูปี แน่นอนว่าป้าพุทธิ เกิดมาไม่เคยเห็นเงินจำนวนมหาศาลขนาดนี้มาก่อนแน่
เมื่อได้เงินมา พุทธิ จึงตัดสินใจเข้าเมืองเพื่อซื้อของใช้ใหม่ เธอพาสุดามาไปด้วย
แต่ขณะที่เธอซื้อของด้วยเงินที่ได้มาจากการซื้อเสียง และกำลังรอเงินทอนอยู่นั้น
โชคชะตาก็ได้เล่นงานกับหญิงชราที่น่าสงสารรายนี้ไปซะได้.....
1000 Rupee Note เป็นภาพยนตร์อินเดียภาษามาราตี (อินเดียตะวันตก) สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตคนอินเดียส่วนใหญ่ของประเทศ
ที่มีความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น ยากจน และมักจะถูกเอารัดเอาเปรียบในทุกๆด้านเสมอ ..
รวมทั้งปัญหาคอรัปชั่น ซึ่งเริ่มจากการเมืองในระดับท้องถิ่นไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ
และอีกปัญหาก็คือการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งมักจะพึ่งอะไรไม่ค่อยได้ และเป็นได้แค่เครื่องมือของบรรดานักการเมืองอีกที
คนทุกคนหวังจะมีความเป็นอยู่ที่ดีทั้งนั้นล่ะครับ ป้าพุทธิก็ไม่ต่างกัน
ผมเชื่อว่าเงินที่เธอได้มา หากว่าเป็นตอนที่ลูกชายเธอยังมีชีวิต ป้าคงรีบเอาเงินนี้ไปใช้หนี้ให้ลูกชายแน่ๆ
ในฉากจบของหนัง เราจะได้เห็นความมีน้ำใจอย่างแท้จริงของคนแปลกหน้าที่ไม่ได้รู้จักอะไรกับป้ามาก่อน (นอกเหนือจากที่สุดามา มีให้ป้าพุทธิ)
ซึ่งก็พอทดแทนความขมขื่น ที่หญิงชราต้องแบกรับเกือบตลอดทั้งเรื่อง
และนั่น ก็ทำให้ป้าได้เข้าใจว่าเงินที่ได้มา มันไม่มีค่าอะไรเลย หากไร้ซึ่งความสุขใจ....
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
== 1,000 Rupee Note (2014) ทุกขลาภของหญิงชราที่น่าสงสาร.. ==
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในหมู่บ้านเล็กๆ ห่างไกล ปารวตี (Usha Naik) หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า ป้าพุทธิ
พุทธิ เป็นหญิงชราฐานะยากจน ที่ทำงานเป็นคนรับใช้ตามบ้านเรือนของผู้มีอันจะกินในเมือง เพื่อเงินหาเลี้ยงปากท้อง
บ่อยครั้งที่เธอขัดสนถึงขั้นที่ต้องทะนุถนอมไม้ขีดไฟแต่ละก้าน และหยดน้ำมันที่มีอยู่น้อยนิดในห้องเล็กๆ ที่เธอพักอาศัย
แต่พุทธิ ก็ยังมีน้ำใจ แบ่งปันสิ่งต่างๆแก่ผู้อื่นเสมอ หากมีโอกาส
พุทธิ มี สุดามา หนุ่มเลี้ยงแพะที่เคารพเธออย่างมาก และบูดี้ ก็รักสุดามา ประหนึ่งเหมือนลูกชายแท้ๆ ของเธอเช่นกัน
จริงๆแล้ว บูดี้ มีลูกชายครับ แต่ว่า เขาได้ฆ่าตัวตัวตาย หลังมีหนี้สินที่ไม่อาจจะหาทางเอาเงินมาใช้คืนได้
ซึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในอินเดีย ที่ชนชั้นแรงงาน และคนยากจนหลายครอบครัวต้องประสบชะตากรรมอันทุกข์ยากเช่นนี้
เย็นวันหนึ่ง ได้มีนักการเมืองท้องถิ่นมาที่หมู่บ้านเพื่อหาเสียงและแจกจ่ายเงินให้กับชาวบ้านเพื่อให้พวกเขาลงคะแนนเสียงให้กับเขา
(ซื้อขายเสียง ไม่ดีนะคร๊าบบบบ)
นักการเมืองดังกล่าวให้เงินแก่เธอถึง 5,000 รูปี แน่นอนว่าป้าพุทธิ เกิดมาไม่เคยเห็นเงินจำนวนมหาศาลขนาดนี้มาก่อนแน่
เมื่อได้เงินมา พุทธิ จึงตัดสินใจเข้าเมืองเพื่อซื้อของใช้ใหม่ เธอพาสุดามาไปด้วย
แต่ขณะที่เธอซื้อของด้วยเงินที่ได้มาจากการซื้อเสียง และกำลังรอเงินทอนอยู่นั้น
โชคชะตาก็ได้เล่นงานกับหญิงชราที่น่าสงสารรายนี้ไปซะได้.....
1000 Rupee Note เป็นภาพยนตร์อินเดียภาษามาราตี (อินเดียตะวันตก) สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตคนอินเดียส่วนใหญ่ของประเทศ
ที่มีความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น ยากจน และมักจะถูกเอารัดเอาเปรียบในทุกๆด้านเสมอ ..
รวมทั้งปัญหาคอรัปชั่น ซึ่งเริ่มจากการเมืองในระดับท้องถิ่นไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ
และอีกปัญหาก็คือการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งมักจะพึ่งอะไรไม่ค่อยได้ และเป็นได้แค่เครื่องมือของบรรดานักการเมืองอีกที
คนทุกคนหวังจะมีความเป็นอยู่ที่ดีทั้งนั้นล่ะครับ ป้าพุทธิก็ไม่ต่างกัน
ผมเชื่อว่าเงินที่เธอได้มา หากว่าเป็นตอนที่ลูกชายเธอยังมีชีวิต ป้าคงรีบเอาเงินนี้ไปใช้หนี้ให้ลูกชายแน่ๆ
ในฉากจบของหนัง เราจะได้เห็นความมีน้ำใจอย่างแท้จริงของคนแปลกหน้าที่ไม่ได้รู้จักอะไรกับป้ามาก่อน (นอกเหนือจากที่สุดามา มีให้ป้าพุทธิ)
ซึ่งก็พอทดแทนความขมขื่น ที่หญิงชราต้องแบกรับเกือบตลอดทั้งเรื่อง
และนั่น ก็ทำให้ป้าได้เข้าใจว่าเงินที่ได้มา มันไม่มีค่าอะไรเลย หากไร้ซึ่งความสุขใจ....
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===