สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
คุณ A ประกอบทำอาชีพเดียวเงินเดือน 6 หลัก หรือ 1 แสนอัพ แล้วนั่งกินกาแฟบ่อยๆ ทำงาน 4 วัน ประชุมรัวๆ มี space ของเวลาให้เล่น
คุณ B ประกอบอาชีพหลักด้วย อวดว่าทำงาน 2 อาชีพเลย งานหลักเงินเดือน 2 หมื่น รายได้อาชีพสองอีก 3 หมื่น รวมกันก็แค่ 5 หมื่น
คุณดูความเหนื่อยในการหาเงินดู
แต่คุณ A พอมีเงินแล้วทำเงินเย็นไปลงทุนกองทุนดีกว่ากันผลเดือนละ 5000-10000 พอใจแล้ว หรือ จะเล็งค้าขายด้วยก็ได้ทำขำ งานอดิเรกทำเงินได้ก็มีให้เลือก พอมีเวลา
คุณ C เป็นนักธุรกิจใหญ่โตต้องทำกำไรให้ได้ถึง 1 แสนบาทถึงจะสู้คุณ A ได้ แต่สภาพคือแพคของวนไป ด่าลูกน้องวนไป สภาพชีวิตนักลงทุนมันไม่ง่ายหลอก
แต่ก็ยังแพ้คุณ A เพราะทำอาชีพที่เปลี่ยนแรงเป็นเงินง่ายๆ ความเสี่ยงต่ำ แต่ถ้าแรงที่ใช้ไปกับเวลาที่จ่ายไป กับเงินที่ได้ โคตรไม่สอดคล้องกัน ยังไงก็สู้คุณ A ไม่ได้ทุกข้อ
แต่การจะเป็นคุณ A ก็ต้องเก่งมากเหมือนกันอาจจะจบสูงทำงานดีมีโปรไฟล์เก่งภาษาอังกฤษเองปะแค่นั้นเองชิว การศึกษาก็ทำให้การีนตีเงินเดือนดีๆเหมือนกัน
คุณ D ไม่ทำอะไรเลยรายได้ 50 K จบแค่นั้น ไม่มีอะไร ไม่คิดทำอะไร แต่มีบ้าน แค่นี้ก็พอใจอยู่นะ
แต่ไม่ควรไปเอาคุณ E ที่ทำธุรกิจระดับหลักล้านมาเทียบเด็ดขาด เพราะธุรกิจเขามันคนละสเกลกันครับ มันเทียบไม่ได้แค่เขาทำธุรกิจทางเดียวไม่ต้องมีธุรกิจ 2 ก็รวยแล้ว เขาไม่ได้มีอาชีพที่สองเหมือนกันบางคน เพราะอันเดียวอาจจะปวดหัวแต่ส่วนใหญ่จะมีสองธุรกิจ
เขาเหมือนคุณ A แต่อาชีพหลักคือนักลงทุนระดับหลักล้านเองปะชิวๆ ทำได้อยู่แล้วง่ายออก
คนส่วนมาก
เกลียดชีวิตแบบคุณ D มันง่ายไปรายได้ทางเดียว
แต่อยากได้ชีวิตแบบคุณรวยแบบ E รวยจัดๆ
แต่มีเวลาชีวิตแบบคุณ A เวลามันเหลือ
แต่สภาพแบบคุณ B หลงเชื่อว่าอาชีพที่สองมันเวริค
โดยที่เวลาชีวิตจริง ที่ได้ใช้คือเหมือนคุณ C แทบไม่มีเวลา
ดังนั้นคำตอบคือ work life balance ครับ คำโก้ที่เขาชอบเอามาขายกันอะ เขาวัดกันว่าถ้าเงินและเวลาที่ใช้มันลงตัวแล้วมีชีวิตที่ดีมันก็เพียงพอ ที่ต้องหามันก็พอเกษียณได้แล้ว
แล้วคนส่วนใหญ่ที่หลงเชื่อว่ามีอาชีพที่ 2 3 มันไม่รู้เลยว่า ต้นทุนตัวเอง ทำได้แค่ไหน นี่ก็เป็นจุดสำคัญ ตำราลงทุนทุกคนบอกไว้หมดว่าต้นทุนคือสิ่งที่ใช้ในการลงทุน ไม่มีการลงทุนอะไรที่ไม่ใช้ทุนที่เป็นเงินเลย
นอกจากงานประจำ
บางคนไม่เกิดมาเหมาะกับการลงทุนเลยด้วยซ้ำ ที่เขาเรียกว่าหัวคิดไม่ได้แบบนักลงุทน แต่เขาดันเป็นคนที่เก่งในงานที่สเปเชียลมากๆเงี้ย หรือมีความสามารถพิเศษอื่นทำเงินได้ มันก็มีปะคนแบบนี้
แล้วต้นทุนชีวิตอีก ถ้าชีวิตนี้ต้องหาเงินเลี้ยงปากท้องกี่ชีวิต บ้านต้องผ่อนรถต้องหา เงินเกษียณต้องมี
ให้ตายยังไงก็ต้องมีอาชีพที่ 2 3 เพื่อทำเงินให้ได้เยอะเท่าคุณ A เฉยๆ เพื่อที่ไม่เจอปัญหาทางการเงินครับเท่านั้นเอง ถ้าไม่รวยพอก็ต้องหาเงินเพิ่มให้พอ ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีหลอก
แต่ถ้าคิดแบบโง่ๆ ก็แค่พัฒนาเรียนดีๆ ตั้งใจดันโปรไฟล์ไปให้เงินเดือน 6 หลัก ก็จบไหมหละ อาชีพที่ 2 แทบไร้ค่าไปเลย ไม่ต้องเสี่ยงด้วย
แต่ก็ใช่ว่าการไม่เสี่ยงเลยก็ใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไปทุกอาชีพ มีความเสี่ยงหมด เมื่อมีเรื่องของสุขภาพมาเกี่ยวข้อง อาจจะทำให้คนแบบคุณ A ก็ต้องเสี่ยงบ้าง
การไม่เสี่ยงเลยอาจจะไม่ทำให้มีโอกาศถูกโชคครั้งใหญ่ แต่การลงทุนแบบ ALL-IN ก็ไม่ใช่การลงทุนที่ฉลาด
คุณ B ประกอบอาชีพหลักด้วย อวดว่าทำงาน 2 อาชีพเลย งานหลักเงินเดือน 2 หมื่น รายได้อาชีพสองอีก 3 หมื่น รวมกันก็แค่ 5 หมื่น
คุณดูความเหนื่อยในการหาเงินดู
แต่คุณ A พอมีเงินแล้วทำเงินเย็นไปลงทุนกองทุนดีกว่ากันผลเดือนละ 5000-10000 พอใจแล้ว หรือ จะเล็งค้าขายด้วยก็ได้ทำขำ งานอดิเรกทำเงินได้ก็มีให้เลือก พอมีเวลา
คุณ C เป็นนักธุรกิจใหญ่โตต้องทำกำไรให้ได้ถึง 1 แสนบาทถึงจะสู้คุณ A ได้ แต่สภาพคือแพคของวนไป ด่าลูกน้องวนไป สภาพชีวิตนักลงทุนมันไม่ง่ายหลอก
แต่ก็ยังแพ้คุณ A เพราะทำอาชีพที่เปลี่ยนแรงเป็นเงินง่ายๆ ความเสี่ยงต่ำ แต่ถ้าแรงที่ใช้ไปกับเวลาที่จ่ายไป กับเงินที่ได้ โคตรไม่สอดคล้องกัน ยังไงก็สู้คุณ A ไม่ได้ทุกข้อ
แต่การจะเป็นคุณ A ก็ต้องเก่งมากเหมือนกันอาจจะจบสูงทำงานดีมีโปรไฟล์เก่งภาษาอังกฤษเองปะแค่นั้นเองชิว การศึกษาก็ทำให้การีนตีเงินเดือนดีๆเหมือนกัน
คุณ D ไม่ทำอะไรเลยรายได้ 50 K จบแค่นั้น ไม่มีอะไร ไม่คิดทำอะไร แต่มีบ้าน แค่นี้ก็พอใจอยู่นะ
แต่ไม่ควรไปเอาคุณ E ที่ทำธุรกิจระดับหลักล้านมาเทียบเด็ดขาด เพราะธุรกิจเขามันคนละสเกลกันครับ มันเทียบไม่ได้แค่เขาทำธุรกิจทางเดียวไม่ต้องมีธุรกิจ 2 ก็รวยแล้ว เขาไม่ได้มีอาชีพที่สองเหมือนกันบางคน เพราะอันเดียวอาจจะปวดหัวแต่ส่วนใหญ่จะมีสองธุรกิจ
เขาเหมือนคุณ A แต่อาชีพหลักคือนักลงทุนระดับหลักล้านเองปะชิวๆ ทำได้อยู่แล้วง่ายออก
คนส่วนมาก
เกลียดชีวิตแบบคุณ D มันง่ายไปรายได้ทางเดียว
แต่อยากได้ชีวิตแบบคุณรวยแบบ E รวยจัดๆ
แต่มีเวลาชีวิตแบบคุณ A เวลามันเหลือ
แต่สภาพแบบคุณ B หลงเชื่อว่าอาชีพที่สองมันเวริค
โดยที่เวลาชีวิตจริง ที่ได้ใช้คือเหมือนคุณ C แทบไม่มีเวลา
ดังนั้นคำตอบคือ work life balance ครับ คำโก้ที่เขาชอบเอามาขายกันอะ เขาวัดกันว่าถ้าเงินและเวลาที่ใช้มันลงตัวแล้วมีชีวิตที่ดีมันก็เพียงพอ ที่ต้องหามันก็พอเกษียณได้แล้ว
แล้วคนส่วนใหญ่ที่หลงเชื่อว่ามีอาชีพที่ 2 3 มันไม่รู้เลยว่า ต้นทุนตัวเอง ทำได้แค่ไหน นี่ก็เป็นจุดสำคัญ ตำราลงทุนทุกคนบอกไว้หมดว่าต้นทุนคือสิ่งที่ใช้ในการลงทุน ไม่มีการลงทุนอะไรที่ไม่ใช้ทุนที่เป็นเงินเลย
นอกจากงานประจำ
บางคนไม่เกิดมาเหมาะกับการลงทุนเลยด้วยซ้ำ ที่เขาเรียกว่าหัวคิดไม่ได้แบบนักลงุทน แต่เขาดันเป็นคนที่เก่งในงานที่สเปเชียลมากๆเงี้ย หรือมีความสามารถพิเศษอื่นทำเงินได้ มันก็มีปะคนแบบนี้
แล้วต้นทุนชีวิตอีก ถ้าชีวิตนี้ต้องหาเงินเลี้ยงปากท้องกี่ชีวิต บ้านต้องผ่อนรถต้องหา เงินเกษียณต้องมี
ให้ตายยังไงก็ต้องมีอาชีพที่ 2 3 เพื่อทำเงินให้ได้เยอะเท่าคุณ A เฉยๆ เพื่อที่ไม่เจอปัญหาทางการเงินครับเท่านั้นเอง ถ้าไม่รวยพอก็ต้องหาเงินเพิ่มให้พอ ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีหลอก
แต่ถ้าคิดแบบโง่ๆ ก็แค่พัฒนาเรียนดีๆ ตั้งใจดันโปรไฟล์ไปให้เงินเดือน 6 หลัก ก็จบไหมหละ อาชีพที่ 2 แทบไร้ค่าไปเลย ไม่ต้องเสี่ยงด้วย
แต่ก็ใช่ว่าการไม่เสี่ยงเลยก็ใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไปทุกอาชีพ มีความเสี่ยงหมด เมื่อมีเรื่องของสุขภาพมาเกี่ยวข้อง อาจจะทำให้คนแบบคุณ A ก็ต้องเสี่ยงบ้าง
การไม่เสี่ยงเลยอาจจะไม่ทำให้มีโอกาศถูกโชคครั้งใหญ่ แต่การลงทุนแบบ ALL-IN ก็ไม่ใช่การลงทุนที่ฉลาด
แสดงความคิดเห็น
อาชีพที่สอง จำเป็นมากขนาดไหน ในวันนี้
อยากทราบว่าคนในพันทิป หลายๆคนทำกันกี่อาชีพในวันนี้ และคิดว่าวันข้างหน้าจะทำกี่อาชีพ ในเวลาเดียวกัน
อาชีพที่ 2 ในตอนนี้ของทุกคนเป็นงานแบบไหน ทำอะไรบ้าง รายได้เท่าไหร่ เพียงพอไหม
แล้วอาชีพที่ 2 ในฝันของทุกคนคืองานแนวไหน ทำอะไรบ้าง คาดหวังรายได้เท่าไหร่
ส่วนตัวยังไม่ได้ลงมือทำ แค่คิดว่าอยากไปเป็นนักชงกาแฟพาร์ทไทม์ครับ วันละ 300 ก็พอแล้วแค่อยากใช้เวลาว่างให้เกิดรายได้เฉยๆ