รีวิวอาการปวดหัวมาราธอน

สวัสดีค่ะ นี่คือกระทู้แรกของเรา เราแค่อยากจะแชร์อาการปวดหัวมาราธอน เผื่อว่ามีใครที่กำลังทรมานกับอาการปวดหัว อาจจะทำให้มีข้อมูลเบื้องต้น อย่างไรเรายังคงแนะนำให้พบแพทย์เพื่อรักษาอาการให้ตรงจุดและถูกวิธีดีกว่านะคะ

เริ่มแรก เรามีอาการปวดหัวไมเกรนมาเป็นเวลาหลายปี (อาจจะตั้งแต่เริ่มทำงานในปีแรก ซึ่งเกิดจากอาการเครียด) ปกติเราจะทานพาราเซตามอล นอนพัก ตื่นมาก็หายค่ะ เป็นแบบนี้มาหลายปี เนื่องจากเราทำงานออฟฟิศ ต้องใช้คอมพิวเตอร์ตลอดวัน ทำให้เรามีอาการตึงตามต้นคอบ่าไหล่ มีอาการพวกออฟฟิศซินโดรม เราก็อาศัยกินยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้ปวด ไปนวด นอนพัก มันก็หายนะคะ

จนเมื่อปี 2021 เรามีอาการป่วยเป็นซึมเศร้า เลยไปพบจิตแพทย์ ได้ยารักษากลุ่มของอาการซึมเศร้า เรารักษาอยู่หกเดือน อาการดีขึ้น จิตแพทย์จึงให้หยุดยาค่ะ หลังจากนั้น เราก็ได้รับการโปรโมทให้ทำตำแหน่งงานที่สูงขึ้น มีความเครียดและกดดันมากขึ้นกว่าเดิม เราเริ่มกลับมามีอาการปวดหัว ซึ่งรอบนี้หนักกว่าเดิม มีอาการบ้านหมุน ตาพร่ามัวไปหนึ่งข้าง แต่เรายังคงรักษาด้วยการทานยากลุ่มแก้ปวด และคลายกล้ามเนื้อเช่นเดิม แรกๆ มันก็ได้ผลนะคะ แต่ต่อมาร่างกายน่าจะเกิดการดื้อยา ไม่ก็ร่างกายอาจจะป่วยพังแล้วก็ได้ ยาที่เคยทานแล้วได้ผล ตอนนี้คือไม่ได้ผลอีกแล้ว เราไปพบหมอนะคะ เล่าอาการให้ฟัง ได้ยารักษากลุ่มไมเกรนมา แม้จะเป็นยาที่แรงที่สุด (ตามที่หมอแจ้ง เพราะไปพบหลายครั้ง มีการเปลี่ยนยาแล้ว) มันก็ไม่รู้สึกอะไรแล้ว อาการไม่ดีขึ้นเลยค่ะ เรามีอาการปวดหัวแบบแสบเหมือนมีกรดไหลออกมาบริเวณหลังกกหูซ้ายลามลงมาที่ท้ายทอยด้านซ้าย ซึ่งมันปวดแค่บริเวณนี้บริเวณเดียว ไม่มีการย้ายตำแหน่ง ทานยาไม่ได้ผลเลย ทางคุณหมอก็เขียนใบส่งตัวให้ไปทำ MRI ที่โรงพยาบาล (เราอยู่ต่างประเทศค่ะ โดยปกติเวลาไปหาหมอที่นี่ เราจะไม่สามารถไปโรงพยาบาลได้ทันที ต้องพบหมอที่คลินิกก่อน หากหมอวินิจฉัยแล้วว่าต้องไปโรงพยาบาล ถึงจะออกใบส่งตัวให้ไปได้ค่ะ) เอาตรงๆ ณ ตอนนั้นก็กลัวนะคะ ทั้งค่าใช้จ่าย ทั้งการคุยกับหมอซึ่งน่าจะเป็นศัพท์เฉพาะทาง ภาษาอังกฤษของเราก็ไม่ได้ดีขนาดนั้นค่ะ เราก็กังวลไปต่างๆ นานา เราเองไม่ได้อยากทานยาตลอดเวลา เพราะเราสงสารตับไต อวัยวะของเราเหมือนกัน เราอาศัยการรักษาด้วยวิธีอย่างอื่น เช่น นั่งสมาธิ ออกกำลังกาย พักผ่อน ทำกิจกรรมที่ชอบ คือเราลองกิจกรรมทุกอย่างที่ผ่อนคลาย ซึ่งน่าจะทำให้เราหายเครียด หรือหายปวดหัวบ้าง แต่มันไม่ได้ผลเลยค่ะ จนที่สุดแล้วเราเริ่มมีอาการปวดหัวเรื้อรังไม่หายอีกเลย ตั้งแต่ตุลาคม 2022 มันเป็นอาการที่ปวดมากหรือปวดน้อย ปวดแบบทนได้ หรือหากเครียด ก็จะปวดมากๆ จนนอนไม่หลับเลยค่ะ (ปวดตลอดเวลา) ถ้าใครไม่เคยปวดหัว จะไม่เข้าใจในความทรมานนี้เลยค่ะ ได้แต่รู้สึกแย่ๆ ขอแค่ไม่ปวดหัวได้ไหม แต่ก็ทน จนสุดท้ายตัดสินใจลาออกจากงาน เพราะคิดว่าปัจจัยหลักน่าจะมาจากความเครียดที่ได้จากงาน คิดว่าจะกลับมารักษาตัวที่ไทยจะดีกว่า ทนตั้งแต่ตุลาคม 2022 จนถึงพฤษภาคม 2023

เรากลับมาบ้าน เรายังไม่ไปหาหมอทันทีนะคะ เรากะว่าลองพักแบบไม่ทำอะไร ไม่คิดอะไร ไม่มีงาน ไม่มีสิ่งที่ต้องใช้สมอง นอนและกินอย่างเพียงพอดูก่อนสักเดือน เผื่อมันจะดีขึ้น แต่สุดท้ายแล้ว ไม่หายปวดหัวนะคะ ก็เลยไปหาหมอ (ในที่สุด!! อย่าเพิ่งตำหนิเราเลยค่ะ เราแค่ไม่อยากรู้ว่าเราป่วยร้ายแรง เรากลัวและกังวล เราก็เลยไม่ไปหาหมอค่ะ)

คุณหมอท่านนี้ เป็นหมอเฉพาะทางด้านโรคสมองและระบบประสาท ท่านก็ซักประวัติ และยังไม่ส่งตัวไป x-ray สมองนะคะ เพราะจากข้อมูลทั้งหมด และตัวอย่างยาที่เราเอาให้คุณหมอดู คุณหมอเลยให้ลองรักษาด้านระบบปลายประสาทดูก่อนค่ะ ดูว่าร่างกายจะตอบสนองกับยาไหม เพราะถ้าอาการดีขึ้น จะได้ไม่ต้องเสียเงิน x-ray สมองให้สิ้นเปลือง

คุณหมอลงความเห็นว่าหากเรามีเนื้องอกในสมอง 8 เดือนที่ผ่านมา เนื้องอกต้องโตขึ้นและเบียดสมองเรา เราต้องมีอาการทางร่างกายแล้วค่ะ หากเป็นที่เส้นเลือดสมอง ผู้ป่วยจะไม่สามารถทนได้มา 8 เดือนแน่นอน อาการเส้นเลือดในสมอง มันจะอันตรายและเกิดแบบฉับพลัน เราจะไม่อยู่มาแบบทนได้โดยที่เราไม่มีอาการอะไรเลยนอกจากปวดอย่างเดียว (ตอนมาพบหมอท่านนี้ พวกอาการบ้านหมุน ตาพร่า เราหายแล้วนะคะ เหลืออาการปวดแสบอย่างเดียว) หากเป็นไมเกรน เราจะต้องมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย แต่ที่ผ่านมาไม่มีเลยค่ะ คุณหมอบอกว่าที่เราทานยากลุ่มไมเกรน กลุ่มกล้ามเนื้อ แล้วไม่ได้ผล นั่นเพราะมันไม่ใช่สาเหตุ (กินยาไม่ถูกโรค มันเลยไม่เห็นผล) เรามีความดันปกติ เคยตรวจเลือด ไม่มีไทรอยด์ คุณหมอเลยลองให้ทานยารักษาระบบปลายประสาทดู ซึ่งให้ลองทานเริ่มแรกในระยะ 2 สัปดาห์ดูก่อน แล้วเช็คอาการอีกทีค่ะ

เราจดบันทึกอาการเราทุกวันนะคะ ในสัปดาห์แรก เรากินยาแล้วแต่ยังคงปวดหัวค่ะ เพียงแต่เว้นระยะ ไม่ได้ปวดตลอดเวลาเหมือนที่เป็นมาแล้ว แต่ปวดแสบเหมือนเดิม หากคิดระดับความปวดจาก 10 เราให้ 3 ค่ะ  ซึ่งยังคงปวดจุดเดิม แต่ในสัปดาห์ที่สอง ช่วง 4-5 วันสุดท้ายของสัปดาห์ เราไม่ปวดหัวแล้วค่ะ เริ่มดีขึ้น เราดีใจมากเลยนะ

ตอนนี้เรายังคงทานยาอยู่นะคะ เป็นช่วงที่คุณหมอให้ทานยาต่อเนื่องไปอีกหนึ่งเดือน หากได้ผลและไม่ปวดแล้วถึงจะค่อยๆ ลดขนาดยาลงค่ะ  

เราแค่อยากเล่าเรื่องความทรมานของการปวดหัวเท่านั้นนะคะ ไม่มีเจตนาอย่างอื่น และสิ่งที่เราเขียนไม่สามารถเอาไปอ้างอิงอะไรได้นะคะ หากมีอาการปวดหัว แนะนำให้หาหมอดีที่สุดค่ะ ยิ่งรักษาเร็ว ยิ่งดีกับตัวเรา และก็ไม่ควรหายาทานเองสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะจะเกิดอันตรายได้ค่ะ และอย่าได้รอเวลาแบบเรานะคะ เราเองคิดไปต่างๆ นานา ว่าจะมีเนื้องอกไหม จะเป็นพวก Stroke ไหม เส้นเลือดในสมองจะแตกไหม แล้วก็จิตตก ไม่มีความสุขเลยค่ะ ทำให้เสียโอกาสในงานด้วย ถ้าหาหมอเฉพาะทางและได้รักษาอย่างถูกต้อง ก็จะส่งผลดีในการใช้ชีวิตและสภาพจิตของเราค่ะ  ขอบคุณที่อ่านค่ะ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ยา สุขภาพจิต สุขภาพกาย
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่