JJNY : ทูตสหรัฐปฏิเสธข่าว│พวงเพ็ชร ลั่นทำสำเร็จทุกนโยบาย│‘พิธา’มั่นใจเสียงส.ว.หนุนพอนั่งนายกฯ│สินค้าเกษตรอ่วม ฉุดส่งออก

ทูตสหรัฐประจำไทยปฏิเสธข่าวแทรกแซงเลือกตั้ง ยันไม่ได้หนุนพรรคการเมืองใด
https://www.matichon.co.th/politics/news_4049946
 
 
ทูตสหรัฐประจำไทยปฏิเสธข่าวแทรกแซงเลือกตั้ง ยันไม่ได้หนุนพรรคการเมืองใด
 
นายโรเบิร์ต โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์กับสื่อไทยเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน เนื่องในโอกาส 190 ปี ความสัมพันธ์สหรัฐ-ไทย โดยตอนหนึ่งของการสัมภาษณ์ได้มีการพูดถึงการเลือกตั้งของไทย และชี้แจงในหลายประเด็นที่สหรัฐถูกกล่าวหาในช่วงที่ผ่านมา
 
นายโกเดคกล่าวแสดงความยินดีที่คนไทยออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก แสดงถึงเจตจำนงของพวกเขาที่ต้องการให้เสียงของตนเป็นที่ประจักษ์ สหรัฐให้การสนับสนุนการเลือกตั้งที่เสรี เป็นธรรม น่าเชื่อถือ และครอบคลุม ซึ่งเป็นหนึ่งในค่านิยมขั้นพื้นฐานของเรา
 
สำหรับข้อกล่าวอ้างถึงทฤษฎีสมคบคิดที่เป็นอันตรายและมีมาอย่างต่อเนื่องนั้น ผมขออธิบายให้ชัดเจนว่า เราปฏิเสธข่าวลือที่เป็นเท็จว่าสหรัฐแทรกแซงการเลือกตั้งของไทย เราไม่ได้ให้การสนับสนุนผู้ลงสมัครหรือพรรคการเมืองใดๆ เราสนับสนุนเฉพาะกระบวนการประชาธิปไตยเท่านั้น และมันขึ้นกับคนไทยเองเท่านั้นที่จะเลือกว่ารัฐบาลของตัวเอง” นายโกเดคกล่าว
 
นายโกเดคกล่าวด้วยว่า คนไทยเหมือนกับคนอเมริกันตรงที่เราให้ความสำคัญกับเสรีภาพ ความยุติธรรม ประชาธิปไตย และอำนาจอธิปไตย และเราตั้งตารอที่จะได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลชุดใหม่ต่อไป


  
สก.เพื่อไทยแถลงผลงาน 1 ปี พวงเพ็ชร ลั่นทำสำเร็จทุกนโยบาย ถ้าเป็นรัฐบาล
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7735506
 
สก.เพื่อไทยแถลงผลงาน 1 ปี พวงเพ็ชร โวทำสำเร็จทุกนโยบาย ยันแก้ปัญหารถไฟฟ้า-ขนส่งมวลชนได้แน่ถ้าเป็นรัฐบาล
 
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 27 มิ.ย.66 ที่ Think Lab พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดงานแถลงข่าวผลงาน 1 ปีสมาชิกสภากรุงเทพฯ พรรคพท.โดยมีแกนนำพรรค ส.ก.กทม.พรรคพท.ทั้ง 20 เขต เข้าร่วมงาน อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นายวราวุธ ยันต์เจริญ คณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ประธานสภาฯ กทม.
 
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ครบรอบ 1 ปี 401 วันสำหรับการทำงานของ ส.ก. ย้อนไปเมื่อวันที่ 22 พ.ค.65 เป็นบรรยากาศที่พวกเราตื่นเต้น ปีติสำหรับการเลือกตั้ง ส.ก. เพราะเป็นความคาดหวังที่พี่น้องอยากกำหนดชะตาตัวเองผ่านการเลือกตั้ง พรรคพท.เห็นความสำคัญในการปกครองระบอบประชาธิปไตย เราส่งผู้สมัคร ส.ก.ทั้ง 50 เขต โดยพี่น้องให้ความไว้วางใจเลือกเรามา 20 เขต มากที่สุดที่พี่น้องเคยให้โอกาส เชื่อมั่นในพรรคพท. เลือกเราในนโยบาย เราสามารถสื่อสารทางการเมืองได้ว่าเราเป็นใคร แล้วจะทำอะไรเพื่อประชาชน ผลการเลือกตั้งสะท้อนว่าพี่น้องต้องการการเปลี่ยนแปลง ในส่วนของการเลือกตั้ง ส.ส.กทม.อาจไม่ประสบความสำเร็จ เราต้องเคารพการตัดสินใจของพี่น้องประชาขชน ยืนยันว่าคนกรุงเทพฯ หรือจังหวัดไหนต้องการคุณภาพชีวิต สิทธิเสรีภาพ ในภาวะการเมืองไม่ปกติ พวกเราอย่าโทษตัวเอง อย่าโทษประชาชน
 
น.พ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า สำหรับบทบาท ส.ก.เป็นตัวแทนของประชาชนในการออกข้อบัญญัติกรุงเทพฯ เพื่อใช้ในการบริหารราชการกรุงเทพฯ ที่สำคัญคือการควบคุมการบริหารราชการของผู้บริหาร กทม.ซึ่งพี่น้องอยากเห็นว่าส.ก.เข้าไปทำหน้าที่แทนพวกเขาอย่างไร พี่น้องคือเจ้าของอำนาจและหัวใจของการปกครอง เราหวังว่าการทำงานของพวกเราไม่ว่าสถานะไหน จะสามารถตอบสนองคนกรุงเทพฯ ได้
 
นายวิรัตน์ กล่าวว่า 1 ปีที่ผ่านมาเราสามารถผลักดันนโยบายหลักที่เราหาเสียงไว้ได้ทั้ง 5 ด้าน เช่น กองทุนพัฒนาชุมชน 2 แสนบาท 437 สถานศึกษาสร้างรายได้ ส่วนนโยบายบางเรื่อง เช่น นโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ขณะนี้ยังผลักดันไม่สำเร็จเพราะยังมีข้อพิพาทอยู่นั้น เราก็ไม่นิ่งนอนใจ เราพยายามผลักดันให้เป็นรูปธรรมให้สำเร็จในช่วงที่เราปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ เราตั้งใจให้สภากทม.เข้าถึงได้ ไม่มีการหมกเม็ดซ่อนเร้น และในช่วงเดือน ก.ค.นี้จะมีการประชุมสภา กทม.เพื่อพิจารณางบประมาณรายจ่ายกทม.ประจำปี 67 จำนวน 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งอยากให้พี่น้องช่วยกันจับตา
 
จากนั้นนางพวงเพ็ชร ให้สัมภาษณ์ภายหลังการแถลงผลงาน ถึงขั้นตอนหลังจากนี้จะขับเคลื่อนอย่างไรถึงการเลือกตั้งครั้งถัดไปว่า วันนี้เป็นงานที่แถลงผลการทำงานของส.ก. ใน 3 เรื่อง คือ 

1. นโยบายของพรรคที่เราได้มีการทำไปแล้ว 

2. เรื่องความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งส.ก. ก็นำญัตติเข้ามาสภากทม. เพื่อแก้ไข 

และ 3. เรื่องในอนาคตว่าในปีหน้าเราจะทำอะไรกันบ้าง โดยในวันนี้ส.ก.ทุกคน ลงพื้นที่ทำงานต่อเนื่องด้วยความซื่อสัตย์ และความตั้งใจที่จะทำให้พี่น้องชาวกรุงเทพมหานคร ซึ่งในเรื่องของเส้นเลือดฝอย งานต่างๆที่ลงพื้นที่จะเป็นเรื่องของในพื้นที่ แต่หากเราได้ร่วมรัฐบาลจะสามารถประสานร่วมกับเส้นเลือดใหญ่ ฉะนั้น งานในกทม.ยังติดขัด ที่ในบางครั้งต้องไปอาศัยในเรื่องของกระทรวงมหาดไทย หรือสาธารณสุข รวมถึงอีกหลายกระทรวงที่เราต้องประสานร่วมกัน ทั้งนี้ ส.ก.ทุกคน ที่ได้รับเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยทำงานเต็มที่ด้วยความสามารถ
 
เมื่อถามว่าผลงาน 1 ปีที่ผ่านมาถือน่าเป็นที่น่าพอใจหรือไม่ นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า น่าพอใจมาก เพราะทุกคนตอบรับดีมาก โดยเฉพาะนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่เราทำสำเร็จทุกนโยบาย
 
เมื่อถามว่าหลังจากนี้วางเป้าหมายอย่างไร นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า เราจะทำงานเรื่องของส.ก.ให้เต็มพื้นที่ และในเรื่องของส.ส. ที่สอบไม่ผ่าน ก็ทำพื้นที่ต่อเนื่อง เราไม่ได้ทิ้งคะแนนเสียงที่มอบให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งเราต้องทำงานให้กับชาวกทม. ต่อไป
 
เมื่อถามถึงท่าทีของพรรคพท.ถึงรถไฟฟ้าสายสีเขียว นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า ตอนนี้มีกรรมการวิสามัญ ตั้งขึ้นมาเพื่อศึกษาเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว และระบบมวลชนทั้งหมดของกทม. ฉะนั้นต้องติดตามว่ากำลังจะเรียกบริษัทต่างๆ เข้ามาว่าทำอะไรไปแล้วบ้างและเป็นอย่างไร
 
เมื่อถามว่าปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีทั้งภาคใหญ่ และภาคกทม. ทางสภากทม.จะแก้ปัญหาอย่างไร นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า ต้องได้รับการแก้ไขหลังจากที่เรามีรัฐบาล เพราะงานบางอย่างอนุญาตมาโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) มาตรา 44 ฉะนั้น บางอย่างต้องนำไปเข้าสภาใหญ่ เมื่อถามย้ำว่า ปัญหาเรื่องดังกล่าวยืดเยื้อมาตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ยังแก้ไม่ได้ คิดว่าหากตั้งรัฐบาลเสร็จ สภากทม.กับรัฐบาล สามารถแก้ปัญหาได้เร็วหรือไม่ นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า ตนคิดว่าหากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ปัญหาในเรื่องของรถไฟฟ้า และระบบขนส่งมวลชน ต้องได้รับการแก้ไขปัญหาทั้งหมดอย่างแน่นอน



‘พิธา’ มั่นใจ เสียงส.ว.หนุนพอนั่งนายกฯ ไม่กังวลศาลรธน. สั่งอสส. แจงคำร้อง ม.112
https://www.matichon.co.th/politics/news_4049964

‘พิธา’ มั่นใจเสียง ส.ว.หนุนพอนั่งนายกฯ คาดจะใช้บรรทัดฐานเดียวกับปี’62 ขออย่าฝืนมติ ปชช. ไม่กังวลศาล รธน.สั่ง อสส.แจงคำร้อง ม.112
 
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะ ส.ส.ของพรรค จำนวน 150 คน เดินทางเข้ารายงานตัว ส.ส.ต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยนายพิธากล่าวก่อนการเข้ารายงานตัวถึงการที่ได้ ส.ส. มากกว่าการเลือกตั้งครั้งที่แล้วว่า โดยรวมเพิ่มขึ้น 2 เท่า สิ่งที่สำคัญคงไม่ใช่เรื่องของตัวเลข แต่เป็นเรื่องของการทำงานที่มีความตั้งใจที่จะเป็น ส.ส.ให้สมกับที่ได้รับเลือกมา มีกฎหมายก้าวหน้าสำคัญๆ สำหรับพี่น้องประชาชนหลายๆ รูปแบบอยู่ ไม่ว่าจะเป็น LGBTQ+ ชาติพันธุ์ คนพิการ เอสเอ็มอี หรือแรงงาน เป็นกฎหมายที่รอเราอยู่ และมีหลายเรื่องที่พยายามจะทำในสภาชุดที่แล้วแต่ก็ถูกปัดตกไป คราวนี้ก็หวังว่าจะทำให้ระบบนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหารสามารถที่จะแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้จริงๆ 
 
นายพิธากล่าวต่อว่า ที่เดินทางมารายงานตัวในวันนี้เนื่องจากติดโควิด-19 ทำให้มารายงานตัวก่อนหน้านี้ไม่ได้ เมื่อแข็งแรงขึ้นจึงเลือกวันนี้ 27 มิถุนายน ก็มีความสำคัญกับประวัติศาสตร์ชาติไทยพอสมควร เป็นนิมิตหมายที่ดี
 
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ที่มี ส.ว.หลายคนออกมาระบุว่าจะไม่โหวตเลือกนายพิธาเป็นนายกฯ นายพิธากล่าวว่า ไม่กังวลใจ เท่าที่มีโอกาสได้พูดคุยกับ ส.ว.ก็มีหลายท่านที่มีดุลพินิจและหลักการที่จะใช้ในการโหวตเลือกตามบรรทัดฐานที่เคยทำไว้ในปี 2562 ที่เคยพูดไว้ว่า ถ้าใครที่รวมเสียงในสภาล่างได้เกิน 250 เสียง ก็ไม่อยากจะฝืนมติของสภาล่าง ซึ่งเป็นมติที่มาจากประชาชนอีกที ดังนั้น ถ้าบรรทัดฐานเป็นเช่นนั้นแล้ว โดยภาพรวม ส.ว.ทั้ง 250 คน น่าจะเป็นไปตามหลักการ เชื่อว่า ส.ว.น่าจะยึดให้มั่น ไม่ใช่เรื่องของบุคคลว่าจะโหวตหรือไม่โหวตนายพิธา ถ้ายึดหลักการให้มั่นก็ไม่มีอะไรน่ากังวลใจ

เมื่อถามถึงกรณี นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา ออกมากล่าวว่ามี ส.ว.เพียง 5 คนที่จะโหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯนั้น นายพิธากล่าวว่า ต้องยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่าสิ่งที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค เคยพูดไว้เป็นเรื่องจริง เราทำงานเต็มที่ที่จะพยายามทลายกำแพง และสร้างความเข้าใจระหว่าง 2 สภา เป็นเรื่องจริงที่ว่ามีความคืบหน้าขึ้นเรื่อยๆ ส.ว.ไม่ได้มีโอกาสพูดกับสื่อทุกคน ไม่ว่าจะเป็นฝั่งที่เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย เมื่อถามย้ำว่าสามารถระบุเป็นตัวเลขได้หรือไม่ว่า ส.ว.ที่สนับสนุนมีจำนวนเท่าไหร่ นายพิธากล่าวว่า เพียงพอกับการที่ตนเป็นนายกฯ
 
นายพิธากล่าวกรณีขณะที่เจรจากับ ส.ว.นั้นได้มีการชี้แจงด้วยหรือไม่ในการแก้ไขมาตรา 112 ว่าหลายๆ เรื่องที่เป็นข้อกังวลใจส่วนใหญ่แล้วเราจะพูดในเรื่องของหลักการ ซึ่งหลักการขณะนี้และปี 2562 คงจะเป็นสิ่งเดียวกัน
 
เมื่อถามว่าจะมีการลดเพดานในการแก้ไขมาตรา 112 เพื่อแลกกับเสียงสนับสนุนของ ส.ว.ที่จะเพิ่มขึ้นหรือไม่ หรือจะแก้ไขตามที่เคยหาเสียงกับประชาชนไว้ นายพิธากล่าวว่า การแก้ไขมาตรา 112 เป็นสิ่งที่เราพูดไว้ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งในเกือบทุกเวทีดีเบต และได้พูดชัดเจนตกผลึกว่า การแก้ไขมาตรา 112 น่าจะเป็นทางออกให้กับสังคมไทย ในช่วงที่ผ่านมามาตรา 112 ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการรังแกคนเห็นต่างรวมทั้งเยาวชน ซึ่งไม่ได้เป็นผลดีกับสถาบันใดเลย
 
และการที่เราจะเก็บรักษาสิ่งที่เรารักต้องมีการแก้ไขตามบริบทสังคมที่เปลี่ยนไป ตรงนี้คงไม่ได้เป็นประเด็นที่ทำให้เส้นทางการตั้งรัฐบาลสะดุดลง แต่เมื่อมีข้อมูลจากหลายฝ่ายอาจจะทำให้คนเข้าใจผิด แก้ไขก็คือแก้ไข ไม่ใช่ยกเลิก” นายพิธากล่าว และว่า เท่าที่คุยกับหลายฝ่ายก็ทำให้เขาเข้าใจมากขึ้น ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคแต่อย่างใด
 
เมื่อถามว่าหากมีเงื่อนไขที่ทำให้นายพิธาไปไม่ถึงการเป็นนายกฯ จะทำอย่างไร นายพิธากล่าวว่า เป็นสิ่งที่น่ากังวลใจ เพราะเหมือนกับการเอาเสียงที่มาจากการเลือกตั้งของพี่น้องประชาชน มาปะทะกับสถาบันโดยตรง เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมและอันตราย เพราะฉะนั้นอย่าเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้าง เพราะมีหลายเรื่องที่เราเห็นตรงกันที่จะต้องบริหารจัดการ ทั้งในเรื่องของนิติบัญญัติและรัฐสภา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่