เพื่อไทย ไร้แผนสำรอง หาก‘พิธา’ เป็นนายกฯไม่ได้ มั่นใจมีทางออก ปมประธานสภา
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7733142
นพดล มั่นใจ ปัญหาชิงประธานสภา ยันได้ข้อยุติในวงเพื่อไทย 27 มิ.ย.นี้ เชื่อประชาชนไม่ผิดหวัง ปัดมีแผนสำรอง หาก ‘พิธา’ เป็นนายกฯไม่ได้
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 มิ.ย.2566 ที่รัฐสภา นายนพดล ปัทมะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้ารายงานตัวต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ถึงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่มีข่าวว่ายังไม่สามารถเจรจาให้เป็นไปตามแนวทางที่ตัวแทนพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย เจรจาร่วมกันได้ว่า มั่นใจว่าจะหาข้อสรุป และทางออกแน่นอน
ทางออกมี 2 ทาง คือ เป็นของพรรคก้าวไกล หรือของพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ดังนั้น คณะเจรจา รวมทั้งท่าที ส.ส.พรรคเพื่อไทย คงพูดคุย เชื่อว่ามีทางออกที่ดีกับประชาชน ซึ่งจะไม่กระทบต่อความมุ่งมั่นในการตั้งรัฐบาล 8 พรรค
“
กรณีแสดงความเห็นที่หลากหลายในพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นปกติของพรรคและนักการเมมือง จะให้ทุกคนเห็นตรงกันไม่ง่าย แต่วันที่ 27 มิ.ย.นี้ที่หารือในในพรรค จะมีข้อยุติที่เป็นประโยชน์ทุกฝ่าย โดยพรรคเพื่อไทยคิดเสมอว่าต้องไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง ข้อสรุปที่ได้จะเอื้อต่อการร่วมรัฐบาลกันต่อไป ผมมั่นใจว่ามีทางออกที่ดี จะไม่มีปัญหาที่ประชาชนฟังแล้วผิดหวังและลดทอนความคาดหวังของรัฐบาล 8 พรรค” นาย
นพดล กล่าว
เมื่อถามถึงท่าทีของส.ว.ที่ชัดเจนอย่างมากจะไม่โหวตให้นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดดนายกฯ พรรคก้าวไกลเป็นนายกฯ กังวลว่าจะทำให้นาย
พิธาไม่ได้เสียงที่เพียงพอหรือไม่ นาย
นพดล กล่าวว่า ตนไม่มีข้อมูลว่ามี ส.ว. ที่จะโหวต หรือไม่โหวตให้นาย
พิธาเท่าไร แต่ขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังยึดมั่นสนับสนุนให้นายพิธา เป็นนายกฯ ส่วนเหตุอื่นจะเป็นอย่างไร หรือสถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร ขอให้รอดู
เมื่อถามว่าหากโหวตเลือกนายกฯ ไม่ได้ กังวลจะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งล่าช้าหรือไม่ และพรรคเพื่อไทยมีแผนสำรองหรือไม่ นาย
นพดล กล่าวว่า แน่นอนว่าการตั้งรัฐบาลล่าช้า มีผลกระทบทั้งในแง่ความมั่นใจจากนักลงทุนและไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ ดังนั้น ทุกฝ่ายทราบดีว่าต้องตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด อ
“
ขณะนี้พรรคเพื่อไทยไม่มีแผนสำรองในเรื่องดังกล่าว และยังยึดตามเอ็มโอยูที่ 8 พรรคร่วมลงนามร่วมกัน ผมมองว่าการจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี นี่เรารอมาเดือนกว่าแล้ว” นาย
นพดล กล่าว
“พรเพชร” รับ สว. เสียงแตก โหวตนายกฯ เชื่อแต่ละคนมีเหตุผล-วุฒิภาวะ เลือกคนดีคนเก่ง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7733080
“พรเพชร” รับ สว. เสียงแตก โหวตนายกฯ เชื่อแต่ละคนมีเหตุผล-วุฒิภาวะ เลือกคนดีคนเก่ง พัฒนาประชาธิปไตย ‘มั่นใจ’ไม่เลื่อนวันโหวตประธานสภาฯ 4 ก.ค.
เมื่อเวลา 07.45 น. วันที่ 26 มิ.ย.2566 ที่วัดราชบพิตรสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร กทม. นาย
พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมพิธีเปิดสมัยประชุมรัฐสภา วันที่ 3 ก.ค.ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงเสด็จพระราชดำเนินประกอบรัฐพิธีเปิดสมัยประชุมรัฐสภา เวลา 17.00 น.โดยมี นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี(ครม.) คณะทูตานุทูตจากประเทศต่างๆ ส.ส. และส.ว. สำหรับความพร้อมตนได้ลงพื้นที่ตรวจดูความเรียบร้อยแล้ว จะเป็นห่วงก็แค่แม้จะเป็นห้องโถงใหญ่ แต่เนื่องจากจะมีผู้เข้ามาร่วมจำนวนมาก เกรงว่าที่จะคับแคบ แต่คิดว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย และกำชับส่วนต่างๆให้ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง
ส่วนการรายงานตัวส.ส. ทราบใกล้จะครบแล้ว และจะประสานไปยังเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพราะในวันที่ 4 ก.ค. จะมีการประชุม รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร เวลา 09.00-09.30 น.
ส่วนการแสดงวิสัยทัศน์ของแคนดิเดตประธานสภาฯคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน โดยจะเป็นการประชุมลับและลงมติลับ ส่วนวิธีการโหวตทำได้ 2 แบบ โดยแบบแรกคือการกดปุ่มแสดงตน แต่วิธีนี้สามารถค้นหาย้อนหลังได้ว่าใครเลือกใคร ส่วนวิธีที่ 2 เป็นการหย่อนบัตร ซึ่งวิธีนี้จะใช้เวลานานหน่อย แต่ก็ต้องดูว่าเขาจะใช้วิธีไหน
เมื่อถามว่า วันโหวตเลือกประธานสภาฯและนายกรัฐมนตรี จะมีการเลื่อนวันอีกหรือไม่ นาย
พรเพชร กล่าวว่า ไม่ได้อยู่ที่ดุลพินิจของตน ตนไม่มีดุลพินิจที่จะไปสั่งการอะไรทั้งสิ้น ถ้าสภาฯพร้อมเมื่อไหร่ก็จะมีการแจ้งมา และก็จะดำเนินการ ทั้งนี้ การโหวตเลือกประธานสภาฯ ยังเป็นวันที่ 4 ก.ค. ยกเว้นหัวหน้าพรรคต่างๆไปตกลงกันใหม่ร่วมกัน อาจจะเปลี่ยนก็ได้ แต่ขณะนี้ตนเชื่อว่าจะไม่เปลี่ยน และวันนั้นจะมีการโหวตเลือกรองประธานสภาฯ 2 คนด้วย
นาย
พรเพชร กล่าวว่า สำหรับ คุณสมบัติของประธานสภาฯตนไม่สามารถให้ความคิดเห็นได้ว่า เป็นคนอายุน้อยหรือเป็นคนอายุมากที่มีประสบการณ์ เพราะการเลือกประธานสภาแต่ละครั้งมีเหตุผลต่างกัน แต่หลักที่ปฏิบัติกันมาตามปกติประธานสภาจะของพรรคที่มีเสียงข้างมาก แต่บางครั้งก็ไม่เป็น แต่มันก็ต้องมีเหตุผล ซึ่งเขาก็ต้องอธิบายได้
เมื่อถามว่า ทิศทางการโหวตนายกฯของส.ว. เสียงจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ นาย
พรเพชร กล่าวว่า พูดได้เลยว่าไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันหรอก ตนไม่ทราบว่าใครคิดยังไง เขามีความคิดของเขา แต่ละคนมีเหตุผลและวุฒิภาวะ เลือกที่จะตอบได้ว่าทำไมถึงเลือกและทำไมถึงไม่เลือกในการออกเสียง
เมื่อถามว่า แกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้มาพูดคุยด้วยหรือไม่ นาย
พรเพชร กล่าวว่า ไม่ได้มาพูดคุย เพราะท่านทราบดีว่าตนต้องทำหน้าที่เป็นกลาง ซึ่งไม่มีพรรคไหนมาคุยกับตน เพราะพวกเขาทราบว่าตนต้องทำหน้าที่อย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันโหวตนายกฯจะเรียบร้อยหรือไม่ นาย
พรเพชร กล่าวว่าไม่น่าจะมีอะไรไม่เรียบร้อย แต่อาจจะมีความวุ่นวายในช่วงการอภิปราย ก็คิดว่าทุกท่านก็คงเข้าใจว่าต้องใช้สิทธิ์อยู่ในกรอบในการอภิปรายหรือการชี้แจงตามขอบเขต ก็เชื่อว่าไม่น่าจะมีอะไรวุ่นวาย
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ทางส.ว.จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ นาย
พรเพชร กล่าวว่า ไปทำอย่างนั้นไม่ได้ แต่ตนคิดเอาเองอาจจะมีการซักถาม หากมีปัญหาหรือข้อสงสัยอะไร แต่ก็เป็นหน้าที่ของประธานสภาฯที่จะดูแลเรื่องความเรียบร้อย
เมื่อถามว่า มองคุณสมบัติคนที่จะมาเป็นนายกฯอย่างไร นาย
พรเพชร กล่าวว่า เลือกคนดีคนเก่ง นี่เป็นหลักอย่างหนึ่ง ดีและเก่งสามารถนำพาประเทศชาติ ให้มีความมั่นคงในระบอบประชาธิปไตย ตนย้ำมาโดยตลอด ขอให้ส.ว. ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเลือกคนที่มีความรู้ความสามารถ และที่สำคัญต้องคำนึงถึงประเทศชาติ
เมื่อถามว่า สังคมกดดันให้เลือกนายกฯจากฝั่งรัฐบาลเสียงข้างมาก นาย
พรเพชร ถามกลับว่า สังคมหมายถึงใคร ผู้สื่อข่าวว่า พรรคที่มีประชาชนเลือกมาเป็นอันดับ 1 นาย
พรเพชร กล่าวว่า ก็คงเป็นธรรมดาที่ประชาชนอยากให้พรรคที่เลือกได้สมประสงค์ แต่ก็ขอให้อยู่ในขอบเขต
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME เดือนพ.ค.ชะลอตัวหลังสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว-กังวลต้นทุนพุ่ง
https://siamrath.co.th/n/457426
สสว.เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI) เดือนพฤษภาคม 2566 ชะลอตัวลงหลังจากปรับตัวพุ่งสูงขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และผลจากสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว รวมถึงผู้ประกอบการยังคงมีความกังวลด้านต้นทุน
นาย
วีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SME Sentiment Index: SMESI) ประจำเดือนพฤษภาคม 2566 เปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า พบว่า ค่าดัชนี SMESI อยู่ที่ระดับ 53.0 ลดลงจากระดับ 55.3 ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงในทุกองค์ประกอบ ผลจากกำลังซื้อที่ชะลอตัวลงหลังจากที่พุ่งสูงขึ้นช่วงเทศกาลสงกรานต์ในเดือนก่อน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวและโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ที่จบลงไป นอกจากนั้นผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังมีความกังวลด้านต้นทุน แม้แนวโน้มเงินเฟ้อจะปรับลดลงแล้วก็ตาม แต่ระดับของค่าใช้จ่ายยังคงสูง โดยเฉพาะค่าไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิงและสินค้าในกลุ่มอาหารสดและผัก อย่างไรก็ตามค่าดัชนี SMESI ยังสูงกว่าค่าฐาน สะท้อนว่าผู้ประกอบการยังมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจประเทศ
ทั้งนี้ องค์ประกอบความเชื่อมั่นปรับตัวลดลงทุกองค์ประกอบ โดยดัชนีด้านกำไรปรับตัวลดลงมากที่สุด อยู่ที่ระดับ 57.1 จากระดับ 61.4 รองลงมา ด้านคำสั่งซื้อโดยรวม อยู่ที่ระดับ 63.9 จากระดับ 67.0 และปริมาณการผลิต/การค้า/การบริการ การลงทุนโดยรวม ต้นทุนโดยรวม และการจ้างงาน ความเชื่อมั่นลดลงอยู่ที่ระดับ 57.3 52.1 37.4 และ 50.0 ตามลำดับ จากระดับ 59.6 54.3 39.1 และ 50.5 ตามลำดับ โดยเกือบทุกองค์ประกอบ
ค่าดัชนีฯ อยู่สูงกว่าค่าฐานที่ 50 ค่อนข้างมาก แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการยังมีความเชื่อมั่นในแต่ละองค์ประกอบในระดับที่ดีอยู่ จะมีเพียงด้านต้นทุนที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 50 ซึ่งผู้ประกอบการมีความกังวลเกี่ยวกับค่าไฟฟ้า
โดยเมื่อพิจารณารายภาคธุรกิจพบว่า ภาคธุรกิจสำคัญปรับตัวลดลงทั้งหมด โดยเฉพาะกับภาคการค้าและภาคการบริการ ในสาขาที่ได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยว ภาคการค้า มีค่าดัชนี SMESI ลดลงสูงสุดอยู่ที่ 50.1 จาก 54.0 เหตุเพราะกำลังซื้อลดลง การสิ้นสุดเทศกาลซึ่งส่งผลต่อการจับจ่ายใช้สอยและการเดินทาง รองลงมา คือ ภาคการบริการ อยู่ที่ระดับ 56.2 จากระดับ 58.4 ผลจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวปรับตัวลดลงในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบทางลบจากราคาต้นทุนที่สูงขึ้น แต่กลุ่มบริการอื่น ๆ ยังมีคำสั่งซื้อต่อเนื่อง เช่น การก่อสร้าง หรือกลุ่มบริการกีฬา และภาคการผลิต อยู่ที่ระดับ 51.9 จากระดับ 52.9 ชะลอตัวลง โดยเฉพาะกับกลุ่มผลิตอาหารและเครื่องดื่มที่เผชิญกับราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ในกลุ่มเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ ส่วนภาคธุรกิจการเกษตร อยู่ที่ระดับ 51.1 จากระดับ 51.6 ชะลอตัวลงในกลุ่มของการค้าขายสินค้าและผลผลิตทางการเกษตรมียอดขายที่ลดลง
สำหรับดัชนี SMESI รายภูมิภาค เดือนพฤษภาคม 2566 พบว่า ทุกภูมิภาคค่าดัชนีฯ ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่ยังคงมีระดับความเชื่อมั่นสูงกว่าค่าฐานที่ 50 โดยเฉพาะภูมิภาคท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ภาคตะวันออกและภาคใต้ จากการสิ้นสุดช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยภูมิภาคที่ค่าดัชนีปรับตัวลดลงมากที่สุด ได้แก่ ภาคตะวันออก อยู่ที่ระดับ 50.4 จากระดับ 54.7 ชะลอตัวลงจากภาคการท่องเที่ยวและภาคการค้า นอกจากนี้สาขาธุรกิจที่พึ่งพาการก่อสร้างชะลอตัวลงเช่นกัน เนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวชะลอการปรับปรุงร้านค้า รองลงมาคือ ภาคใต้ ปรับตัวลดลง อยู่ที่ระดับ 56.3 จากระดับ 59.4 เนื่องจากเข้าสู่ฤดูมรสุมของภาคใต้ฝั่งอันดามัน ส่งผลให้ความต้องการท่องเที่ยวและการเดินทางในภาคใต้ลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ กระทบโดยตรงกับภาคบริการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงผู้ประกอบการนำเที่ยวทางทะเล ในขณะที่ภาคธุรกิจการเกษตรยังขยายตัวเนื่องจากเป็นช่วงผลผลิตออกสู่ตลาด ภาคเหนือ อยู่ที่ระดับ 54.2 จากระดับ 56.7 เป็นการชะลอตัวลงจากภาคบริการเป็นหลัก รวมถึงการผลิตและบริการกลุ่มอาหาร
JJNY : พท.มั่นใจมีทางออกปมปธ.สภา│“พรเพชร”รับสว.เสียงแตก│ดัชนีเชื่อมั่นSME พ.ค.ชะลอตัว กังวลต้นทุน│ภาคธุรกิจรอชัดตั้งนายก
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7733142
นพดล มั่นใจ ปัญหาชิงประธานสภา ยันได้ข้อยุติในวงเพื่อไทย 27 มิ.ย.นี้ เชื่อประชาชนไม่ผิดหวัง ปัดมีแผนสำรอง หาก ‘พิธา’ เป็นนายกฯไม่ได้
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 มิ.ย.2566 ที่รัฐสภา นายนพดล ปัทมะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้ารายงานตัวต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ถึงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่มีข่าวว่ายังไม่สามารถเจรจาให้เป็นไปตามแนวทางที่ตัวแทนพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย เจรจาร่วมกันได้ว่า มั่นใจว่าจะหาข้อสรุป และทางออกแน่นอน
ทางออกมี 2 ทาง คือ เป็นของพรรคก้าวไกล หรือของพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ดังนั้น คณะเจรจา รวมทั้งท่าที ส.ส.พรรคเพื่อไทย คงพูดคุย เชื่อว่ามีทางออกที่ดีกับประชาชน ซึ่งจะไม่กระทบต่อความมุ่งมั่นในการตั้งรัฐบาล 8 พรรค
“กรณีแสดงความเห็นที่หลากหลายในพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นปกติของพรรคและนักการเมมือง จะให้ทุกคนเห็นตรงกันไม่ง่าย แต่วันที่ 27 มิ.ย.นี้ที่หารือในในพรรค จะมีข้อยุติที่เป็นประโยชน์ทุกฝ่าย โดยพรรคเพื่อไทยคิดเสมอว่าต้องไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง ข้อสรุปที่ได้จะเอื้อต่อการร่วมรัฐบาลกันต่อไป ผมมั่นใจว่ามีทางออกที่ดี จะไม่มีปัญหาที่ประชาชนฟังแล้วผิดหวังและลดทอนความคาดหวังของรัฐบาล 8 พรรค” นายนพดล กล่าว
เมื่อถามถึงท่าทีของส.ว.ที่ชัดเจนอย่างมากจะไม่โหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดดนายกฯ พรรคก้าวไกลเป็นนายกฯ กังวลว่าจะทำให้นายพิธาไม่ได้เสียงที่เพียงพอหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า ตนไม่มีข้อมูลว่ามี ส.ว. ที่จะโหวต หรือไม่โหวตให้นายพิธาเท่าไร แต่ขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังยึดมั่นสนับสนุนให้นายพิธา เป็นนายกฯ ส่วนเหตุอื่นจะเป็นอย่างไร หรือสถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร ขอให้รอดู
เมื่อถามว่าหากโหวตเลือกนายกฯ ไม่ได้ กังวลจะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งล่าช้าหรือไม่ และพรรคเพื่อไทยมีแผนสำรองหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า แน่นอนว่าการตั้งรัฐบาลล่าช้า มีผลกระทบทั้งในแง่ความมั่นใจจากนักลงทุนและไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ ดังนั้น ทุกฝ่ายทราบดีว่าต้องตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด อ
“ขณะนี้พรรคเพื่อไทยไม่มีแผนสำรองในเรื่องดังกล่าว และยังยึดตามเอ็มโอยูที่ 8 พรรคร่วมลงนามร่วมกัน ผมมองว่าการจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี นี่เรารอมาเดือนกว่าแล้ว” นายนพดล กล่าว
“พรเพชร” รับ สว. เสียงแตก โหวตนายกฯ เชื่อแต่ละคนมีเหตุผล-วุฒิภาวะ เลือกคนดีคนเก่ง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7733080
“พรเพชร” รับ สว. เสียงแตก โหวตนายกฯ เชื่อแต่ละคนมีเหตุผล-วุฒิภาวะ เลือกคนดีคนเก่ง พัฒนาประชาธิปไตย ‘มั่นใจ’ไม่เลื่อนวันโหวตประธานสภาฯ 4 ก.ค.
เมื่อเวลา 07.45 น. วันที่ 26 มิ.ย.2566 ที่วัดราชบพิตรสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร กทม. นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมพิธีเปิดสมัยประชุมรัฐสภา วันที่ 3 ก.ค.ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงเสด็จพระราชดำเนินประกอบรัฐพิธีเปิดสมัยประชุมรัฐสภา เวลา 17.00 น.โดยมี นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี(ครม.) คณะทูตานุทูตจากประเทศต่างๆ ส.ส. และส.ว. สำหรับความพร้อมตนได้ลงพื้นที่ตรวจดูความเรียบร้อยแล้ว จะเป็นห่วงก็แค่แม้จะเป็นห้องโถงใหญ่ แต่เนื่องจากจะมีผู้เข้ามาร่วมจำนวนมาก เกรงว่าที่จะคับแคบ แต่คิดว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย และกำชับส่วนต่างๆให้ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง
ส่วนการรายงานตัวส.ส. ทราบใกล้จะครบแล้ว และจะประสานไปยังเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพราะในวันที่ 4 ก.ค. จะมีการประชุม รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร เวลา 09.00-09.30 น.
ส่วนการแสดงวิสัยทัศน์ของแคนดิเดตประธานสภาฯคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน โดยจะเป็นการประชุมลับและลงมติลับ ส่วนวิธีการโหวตทำได้ 2 แบบ โดยแบบแรกคือการกดปุ่มแสดงตน แต่วิธีนี้สามารถค้นหาย้อนหลังได้ว่าใครเลือกใคร ส่วนวิธีที่ 2 เป็นการหย่อนบัตร ซึ่งวิธีนี้จะใช้เวลานานหน่อย แต่ก็ต้องดูว่าเขาจะใช้วิธีไหน
เมื่อถามว่า วันโหวตเลือกประธานสภาฯและนายกรัฐมนตรี จะมีการเลื่อนวันอีกหรือไม่ นายพรเพชร กล่าวว่า ไม่ได้อยู่ที่ดุลพินิจของตน ตนไม่มีดุลพินิจที่จะไปสั่งการอะไรทั้งสิ้น ถ้าสภาฯพร้อมเมื่อไหร่ก็จะมีการแจ้งมา และก็จะดำเนินการ ทั้งนี้ การโหวตเลือกประธานสภาฯ ยังเป็นวันที่ 4 ก.ค. ยกเว้นหัวหน้าพรรคต่างๆไปตกลงกันใหม่ร่วมกัน อาจจะเปลี่ยนก็ได้ แต่ขณะนี้ตนเชื่อว่าจะไม่เปลี่ยน และวันนั้นจะมีการโหวตเลือกรองประธานสภาฯ 2 คนด้วย
นายพรเพชร กล่าวว่า สำหรับ คุณสมบัติของประธานสภาฯตนไม่สามารถให้ความคิดเห็นได้ว่า เป็นคนอายุน้อยหรือเป็นคนอายุมากที่มีประสบการณ์ เพราะการเลือกประธานสภาแต่ละครั้งมีเหตุผลต่างกัน แต่หลักที่ปฏิบัติกันมาตามปกติประธานสภาจะของพรรคที่มีเสียงข้างมาก แต่บางครั้งก็ไม่เป็น แต่มันก็ต้องมีเหตุผล ซึ่งเขาก็ต้องอธิบายได้
เมื่อถามว่า ทิศทางการโหวตนายกฯของส.ว. เสียงจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ นายพรเพชร กล่าวว่า พูดได้เลยว่าไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันหรอก ตนไม่ทราบว่าใครคิดยังไง เขามีความคิดของเขา แต่ละคนมีเหตุผลและวุฒิภาวะ เลือกที่จะตอบได้ว่าทำไมถึงเลือกและทำไมถึงไม่เลือกในการออกเสียง
เมื่อถามว่า แกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้มาพูดคุยด้วยหรือไม่ นายพรเพชร กล่าวว่า ไม่ได้มาพูดคุย เพราะท่านทราบดีว่าตนต้องทำหน้าที่เป็นกลาง ซึ่งไม่มีพรรคไหนมาคุยกับตน เพราะพวกเขาทราบว่าตนต้องทำหน้าที่อย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันโหวตนายกฯจะเรียบร้อยหรือไม่ นายพรเพชร กล่าวว่าไม่น่าจะมีอะไรไม่เรียบร้อย แต่อาจจะมีความวุ่นวายในช่วงการอภิปราย ก็คิดว่าทุกท่านก็คงเข้าใจว่าต้องใช้สิทธิ์อยู่ในกรอบในการอภิปรายหรือการชี้แจงตามขอบเขต ก็เชื่อว่าไม่น่าจะมีอะไรวุ่นวาย
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ทางส.ว.จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ นายพรเพชร กล่าวว่า ไปทำอย่างนั้นไม่ได้ แต่ตนคิดเอาเองอาจจะมีการซักถาม หากมีปัญหาหรือข้อสงสัยอะไร แต่ก็เป็นหน้าที่ของประธานสภาฯที่จะดูแลเรื่องความเรียบร้อย
เมื่อถามว่า มองคุณสมบัติคนที่จะมาเป็นนายกฯอย่างไร นายพรเพชร กล่าวว่า เลือกคนดีคนเก่ง นี่เป็นหลักอย่างหนึ่ง ดีและเก่งสามารถนำพาประเทศชาติ ให้มีความมั่นคงในระบอบประชาธิปไตย ตนย้ำมาโดยตลอด ขอให้ส.ว. ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเลือกคนที่มีความรู้ความสามารถ และที่สำคัญต้องคำนึงถึงประเทศชาติ
เมื่อถามว่า สังคมกดดันให้เลือกนายกฯจากฝั่งรัฐบาลเสียงข้างมาก นายพรเพชร ถามกลับว่า สังคมหมายถึงใคร ผู้สื่อข่าวว่า พรรคที่มีประชาชนเลือกมาเป็นอันดับ 1 นายพรเพชร กล่าวว่า ก็คงเป็นธรรมดาที่ประชาชนอยากให้พรรคที่เลือกได้สมประสงค์ แต่ก็ขอให้อยู่ในขอบเขต
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME เดือนพ.ค.ชะลอตัวหลังสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว-กังวลต้นทุนพุ่ง
https://siamrath.co.th/n/457426
สสว.เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI) เดือนพฤษภาคม 2566 ชะลอตัวลงหลังจากปรับตัวพุ่งสูงขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และผลจากสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว รวมถึงผู้ประกอบการยังคงมีความกังวลด้านต้นทุน
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SME Sentiment Index: SMESI) ประจำเดือนพฤษภาคม 2566 เปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า พบว่า ค่าดัชนี SMESI อยู่ที่ระดับ 53.0 ลดลงจากระดับ 55.3 ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงในทุกองค์ประกอบ ผลจากกำลังซื้อที่ชะลอตัวลงหลังจากที่พุ่งสูงขึ้นช่วงเทศกาลสงกรานต์ในเดือนก่อน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวและโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ที่จบลงไป นอกจากนั้นผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังมีความกังวลด้านต้นทุน แม้แนวโน้มเงินเฟ้อจะปรับลดลงแล้วก็ตาม แต่ระดับของค่าใช้จ่ายยังคงสูง โดยเฉพาะค่าไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิงและสินค้าในกลุ่มอาหารสดและผัก อย่างไรก็ตามค่าดัชนี SMESI ยังสูงกว่าค่าฐาน สะท้อนว่าผู้ประกอบการยังมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจประเทศ
ทั้งนี้ องค์ประกอบความเชื่อมั่นปรับตัวลดลงทุกองค์ประกอบ โดยดัชนีด้านกำไรปรับตัวลดลงมากที่สุด อยู่ที่ระดับ 57.1 จากระดับ 61.4 รองลงมา ด้านคำสั่งซื้อโดยรวม อยู่ที่ระดับ 63.9 จากระดับ 67.0 และปริมาณการผลิต/การค้า/การบริการ การลงทุนโดยรวม ต้นทุนโดยรวม และการจ้างงาน ความเชื่อมั่นลดลงอยู่ที่ระดับ 57.3 52.1 37.4 และ 50.0 ตามลำดับ จากระดับ 59.6 54.3 39.1 และ 50.5 ตามลำดับ โดยเกือบทุกองค์ประกอบ
ค่าดัชนีฯ อยู่สูงกว่าค่าฐานที่ 50 ค่อนข้างมาก แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการยังมีความเชื่อมั่นในแต่ละองค์ประกอบในระดับที่ดีอยู่ จะมีเพียงด้านต้นทุนที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 50 ซึ่งผู้ประกอบการมีความกังวลเกี่ยวกับค่าไฟฟ้า
โดยเมื่อพิจารณารายภาคธุรกิจพบว่า ภาคธุรกิจสำคัญปรับตัวลดลงทั้งหมด โดยเฉพาะกับภาคการค้าและภาคการบริการ ในสาขาที่ได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยว ภาคการค้า มีค่าดัชนี SMESI ลดลงสูงสุดอยู่ที่ 50.1 จาก 54.0 เหตุเพราะกำลังซื้อลดลง การสิ้นสุดเทศกาลซึ่งส่งผลต่อการจับจ่ายใช้สอยและการเดินทาง รองลงมา คือ ภาคการบริการ อยู่ที่ระดับ 56.2 จากระดับ 58.4 ผลจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวปรับตัวลดลงในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบทางลบจากราคาต้นทุนที่สูงขึ้น แต่กลุ่มบริการอื่น ๆ ยังมีคำสั่งซื้อต่อเนื่อง เช่น การก่อสร้าง หรือกลุ่มบริการกีฬา และภาคการผลิต อยู่ที่ระดับ 51.9 จากระดับ 52.9 ชะลอตัวลง โดยเฉพาะกับกลุ่มผลิตอาหารและเครื่องดื่มที่เผชิญกับราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ในกลุ่มเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ ส่วนภาคธุรกิจการเกษตร อยู่ที่ระดับ 51.1 จากระดับ 51.6 ชะลอตัวลงในกลุ่มของการค้าขายสินค้าและผลผลิตทางการเกษตรมียอดขายที่ลดลง
สำหรับดัชนี SMESI รายภูมิภาค เดือนพฤษภาคม 2566 พบว่า ทุกภูมิภาคค่าดัชนีฯ ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่ยังคงมีระดับความเชื่อมั่นสูงกว่าค่าฐานที่ 50 โดยเฉพาะภูมิภาคท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ภาคตะวันออกและภาคใต้ จากการสิ้นสุดช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยภูมิภาคที่ค่าดัชนีปรับตัวลดลงมากที่สุด ได้แก่ ภาคตะวันออก อยู่ที่ระดับ 50.4 จากระดับ 54.7 ชะลอตัวลงจากภาคการท่องเที่ยวและภาคการค้า นอกจากนี้สาขาธุรกิจที่พึ่งพาการก่อสร้างชะลอตัวลงเช่นกัน เนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวชะลอการปรับปรุงร้านค้า รองลงมาคือ ภาคใต้ ปรับตัวลดลง อยู่ที่ระดับ 56.3 จากระดับ 59.4 เนื่องจากเข้าสู่ฤดูมรสุมของภาคใต้ฝั่งอันดามัน ส่งผลให้ความต้องการท่องเที่ยวและการเดินทางในภาคใต้ลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ กระทบโดยตรงกับภาคบริการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงผู้ประกอบการนำเที่ยวทางทะเล ในขณะที่ภาคธุรกิจการเกษตรยังขยายตัวเนื่องจากเป็นช่วงผลผลิตออกสู่ตลาด ภาคเหนือ อยู่ที่ระดับ 54.2 จากระดับ 56.7 เป็นการชะลอตัวลงจากภาคบริการเป็นหลัก รวมถึงการผลิตและบริการกลุ่มอาหาร