สวัสดีค่ะ คือ เราอยากมาเล่าแล้วก็ถามความคิดเห็นกับทุกคนที่เข้ามาอ่าน และ คนที่เคยเจอแบบนี้ว่าแก้ปัญหากันยังไงค่ะ
เริ่มจากเราเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัว เราเพิ่งแต่งงานกับสามีได้ไม่นาน สามีก็ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน สามีกับครอบครัวเราเข้ากันได้ดีมาก เล่นกันตลอด สักพักเราก็มีข่าวดีว่า เราทีน้อง ก็ดีใจกันยกใหญ่เลยค่ะ แต่ตรงนี้ยังไม่ใช่ปัญหา
ปัญหามันเกิดต่อจากนี้ค่ะ จริงๆเรากับสามียังไม่พร้อมมีลูกนะคะ ก็ไม่คิดว่าจะมาไวขนาดนี้ บางสิ่งบางอย่างเราทั้งคู่เลยยังไม่พร้อม สามีกับเราเลือกที่จะไปรพ.รัฐค่ะ แต่ แม่ยาย อยากให้ไปรพ.เอกชน เพราะเขาให้เหตุผลว่า รพ.เอกชน เขารู้จักคนในนั้น และ มันดีกว่า เราทั้งคู่ก็นั่งคุยกันเรื่องงบประมาณในการจ่ายฝากครรภ์แต่ละครั้ง และค่าคลอด สามีบอก มันเกินไปจริงๆ สามีกับเราก็คุยกับแม่แล้ว แต่แม่ก็ย้ำเรื่องให้ไปรพ.เอกชนอยู่บ่อยครั้ง พูดว่า เค้าแค่แนะนำ ไม่ได้บังคับ ตอนนั้นสามียังไม่ได้คิดอะไรค่ะ แต่ก็รู้สึกไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เพราะเขารู้เงินเดือนแต่ละเดือนดีว่าจะพอมั้ย ช่วงนั้นสามีเราเพิ่ฃเข้าบ้านมาใหม่ๆค่ะ สามีเราเลยอยากเอาใจแม่ยายมากๆ เลยทำตามที่แม่ยายแนะนำ (ที่ไม่ค่อยอยากเท่าไหร่) เราก็ดำเนินชีวิตไปเรื่อยๆ
จน วันนึงของการกินข้าวด้วยกัน แม่ยายถามสามีว่า ทำงานเป็นไงบ้าง ตามประสาคนเป็นห่วง สามีบอกก็เหนื่อยครับ แม่ของเราเลยเริ่มแนะนำอะไรบางอย่างที่ไปในทางที่ดีนะ สามีเราก็ขอบคุณที่ให้คำแนะนำ แต่ มันเริ่มที่จะไม่ใช่ละ เพราะ เมื่อสามีเรามีโปรเจกต์ทำอะไรสักอย่าง แม่ยายจะเข้ามาแนะนำให้ไปในทางที่แม่อยากให้เป็น แต่ มันคนละอย่างกับที่สามีคิดไว้ เมื่อสามีเลือกที่จะขอบคุณและนำมันมาเป็นตัวเลือก แม่ก็จะเริ่มหงุดหงิด ไม่พอใจ ที่ทำไม สามีของเราถึงไมืทำตามที่เราพูด แม่ก็จะเริ่มพูดหรือแนะนำคำเดิม ประมาณว่า ทำไมถึงไม่ลองทำอย่างที่แม่บอกละ ลองทำดูสิ ทำไมไม่ทำสักทีละ สามีเราเลยเริ่มรู้สึกว่า เค้ากำลังโดนบังคับ เลยมาปรึกษากับเราว่า เค้าควรทำยังไง เราเลยบอกว่า เราจะคุยกับแม่ให้ แต่พอเราคุยกับแม่ แม่ก็น้อยใจหาว่าเรากับสามีไม่รักเขาบ้าง หาว่าเรารักแต่สามี เค้าแค่แนะนำในทางที่ดี เราก็มาเล่าให้สามีฟัง สามีก็บอกไม่เป็นไร จนเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เวลาที่สามีจะทำอะไร ก็จะโดนแม่ยายเบรคทุกครั้ง ด้วยคำว่า แนะนำ ความหวังดี และคำว่า “ทำไม” ทำไมไม่ทำ ทำไมไม่ฟังกันบ้าง แม่หวังดีนะ ในเวลาที่สามีมาอยู่ในบ้านเรา มันมีแต่คำว่า ทำไม ทำไม และก็ทำไม ตอนแรกสามีเราพอรับได้นะคะ จนมาเรื่อยๆ เริ่มมีการเปรียบเทียบในเชิงที่เขาบอกว่าแนะนำ คนนั้นเขาทำได้ดีมากเลยนะ ทำไมถึงไม่ทำแบบนั้นละ อันนี้เราเข้าใจสามีเราเลยแหละ เพราะเราเองก็โดนตลอด ไม่เคยโอเคกับแบบนี้เลย แต่เขาเป็นแม่เรา เราก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะเราไม่เคยที่จะขัดแม่เราเลยตั้งแต่เด็ก พอโตมาก็มีขัดใจบ้างแต่ก็ต้องทำตาม เพราะคนที่แนะนำคือแม่ เราเข้าใจในความเป็นแม่ แต่สามีเรานี่สิ ที่พยายามเข้าใจเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้ จนสามีเราอึดอัดอยากพาเรากับลูกแยกบ้านอยู่ เราเลยจับมือกับสามีไปคุยกับแม่อีกครั้ง ค่ะ แม่เราก็ตะวาดเหมือนเดิม พูดเหมือนว่าสามีเราจะแย่งลูกกับหลานเขาไป พูดประมาณว่า ถ้าจะแยกอยู่ก็แยกไปคนเดียว ไม่ให้เรากับหลานไป ตอนนั้นเราทะเลาะกับสามีก็บ่อยครั้งที่เวลาเขาให้เราเลือก เราเองก็ไม่อยากให้ลูกต้องแยกอยู่กับพ่อของเขา แต่เราเองก็ไม่กล้าออกมาจากแม่ตัวเอง สามีเราจะสนิทกับพ่อตามากกว่าค่ะ พ่อเราไม่ว่าอะไรเลยว่าเราจะแยกอยู่หรือไม่ แต่ก็เข้าใจว่าท่านก็ไม่ได้อยากให้ไปหรอก แต่ท่านก็ไม่อยากให้เราอึดอัด สามีเราเลยมาคุยกับเราอีกครั้งว่า ถ้าแม่เรายังบังคับนู้นนี่นั่นเขาอยู่ เขาจะไปจากบ้านหลังนี้จริงๆ และถามเรา ว่า เราจะไปด้วยมั้ย ค่ะ เราตอบว่าไปด้วย ถ้าเธอไปไหน เค้าจะไปด้วย เราสามคนจะไม่ทิ้งกัน มันเลยทำให้แม่พูดขึ้นมาว่า ขนาดเรายังไม่อยากให้ลูกห่างจากตัว ทำไมเราต้องห่างจากแม่ด้วย เราไม่เคนอยากออกจากบ้านเราเลยนะคะ ทุกวันนี้สามีเราเลือกที่จะไม่คุยกับแม่เรา เพราะไม่อยากมีปัญหาอีก แม่เราก็น้อยใจ และไม่เข้าใจว่าทำไมสามีเราทำอย่างงั้นเราจึงเป็นคนกลางที่เคลียร์ทั้งสองคน ผลสุดท้ายคือพอบอกปัญหาของแต่ละคนออกมา สามีเรารับได้ค่ะ แต่แม่เรารับไม่ได้ ที่ไปหาว่าเขาบังคับทั้งๆที่เขาหวังดี แม่เราเลยเริ่มที่จะ พูดจนเราทั้งคู่รู้สึกเครียดและรู้สึกผิดกับเขา ทั้งๆที่เราไม่ผิด เพราะแม่เราไม่ยอมรับในสิ่งที่เราทั้งคู่เลือกเลยสักครั้ง แต่แม่พูดให้เรารู้สึกผิดอยู่บ่อยครั้ง จนเราอึดอัด และเริ่มทนไม่ไหว อยากออกก็อยากออก แต่พอคิดจะออกก็รู้สึกผิดที่จะออกจากบ้านนี้ สามีเราก็เริ่มทนไม่ไหวแล้วเหมือนกันที่เค้าเลือกจะทำอะไรโดยเขาเป็นคนตัดสินใจเองไม่ได้เลย
จริงๆ เรื่องมันละเอียดกว่านี้ค่ะ แต่นี่คือสิ่งที่เราทั้งคู่อึดอัดที่สุด เราอยากให้สองคนกลับมาเป็นลูกเขยกับแม่ยายที่เข้ากันได้ดีเหมือนตอนแรก ใครอยากแนะนำอะไรแนะนำได้เลยนะคะ หรือ อยากแชร์ประสบการณ์อะไรพิมพ์ได้เลยค่ะ เราอยากอ่านจริงๆ ว่าทุกคนแก้ปัญหายังไงกัน
ปัญหาลูกเขย-กับแม่ยาย
เริ่มจากเราเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัว เราเพิ่งแต่งงานกับสามีได้ไม่นาน สามีก็ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน สามีกับครอบครัวเราเข้ากันได้ดีมาก เล่นกันตลอด สักพักเราก็มีข่าวดีว่า เราทีน้อง ก็ดีใจกันยกใหญ่เลยค่ะ แต่ตรงนี้ยังไม่ใช่ปัญหา
ปัญหามันเกิดต่อจากนี้ค่ะ จริงๆเรากับสามียังไม่พร้อมมีลูกนะคะ ก็ไม่คิดว่าจะมาไวขนาดนี้ บางสิ่งบางอย่างเราทั้งคู่เลยยังไม่พร้อม สามีกับเราเลือกที่จะไปรพ.รัฐค่ะ แต่ แม่ยาย อยากให้ไปรพ.เอกชน เพราะเขาให้เหตุผลว่า รพ.เอกชน เขารู้จักคนในนั้น และ มันดีกว่า เราทั้งคู่ก็นั่งคุยกันเรื่องงบประมาณในการจ่ายฝากครรภ์แต่ละครั้ง และค่าคลอด สามีบอก มันเกินไปจริงๆ สามีกับเราก็คุยกับแม่แล้ว แต่แม่ก็ย้ำเรื่องให้ไปรพ.เอกชนอยู่บ่อยครั้ง พูดว่า เค้าแค่แนะนำ ไม่ได้บังคับ ตอนนั้นสามียังไม่ได้คิดอะไรค่ะ แต่ก็รู้สึกไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เพราะเขารู้เงินเดือนแต่ละเดือนดีว่าจะพอมั้ย ช่วงนั้นสามีเราเพิ่ฃเข้าบ้านมาใหม่ๆค่ะ สามีเราเลยอยากเอาใจแม่ยายมากๆ เลยทำตามที่แม่ยายแนะนำ (ที่ไม่ค่อยอยากเท่าไหร่) เราก็ดำเนินชีวิตไปเรื่อยๆ
จน วันนึงของการกินข้าวด้วยกัน แม่ยายถามสามีว่า ทำงานเป็นไงบ้าง ตามประสาคนเป็นห่วง สามีบอกก็เหนื่อยครับ แม่ของเราเลยเริ่มแนะนำอะไรบางอย่างที่ไปในทางที่ดีนะ สามีเราก็ขอบคุณที่ให้คำแนะนำ แต่ มันเริ่มที่จะไม่ใช่ละ เพราะ เมื่อสามีเรามีโปรเจกต์ทำอะไรสักอย่าง แม่ยายจะเข้ามาแนะนำให้ไปในทางที่แม่อยากให้เป็น แต่ มันคนละอย่างกับที่สามีคิดไว้ เมื่อสามีเลือกที่จะขอบคุณและนำมันมาเป็นตัวเลือก แม่ก็จะเริ่มหงุดหงิด ไม่พอใจ ที่ทำไม สามีของเราถึงไมืทำตามที่เราพูด แม่ก็จะเริ่มพูดหรือแนะนำคำเดิม ประมาณว่า ทำไมถึงไม่ลองทำอย่างที่แม่บอกละ ลองทำดูสิ ทำไมไม่ทำสักทีละ สามีเราเลยเริ่มรู้สึกว่า เค้ากำลังโดนบังคับ เลยมาปรึกษากับเราว่า เค้าควรทำยังไง เราเลยบอกว่า เราจะคุยกับแม่ให้ แต่พอเราคุยกับแม่ แม่ก็น้อยใจหาว่าเรากับสามีไม่รักเขาบ้าง หาว่าเรารักแต่สามี เค้าแค่แนะนำในทางที่ดี เราก็มาเล่าให้สามีฟัง สามีก็บอกไม่เป็นไร จนเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เวลาที่สามีจะทำอะไร ก็จะโดนแม่ยายเบรคทุกครั้ง ด้วยคำว่า แนะนำ ความหวังดี และคำว่า “ทำไม” ทำไมไม่ทำ ทำไมไม่ฟังกันบ้าง แม่หวังดีนะ ในเวลาที่สามีมาอยู่ในบ้านเรา มันมีแต่คำว่า ทำไม ทำไม และก็ทำไม ตอนแรกสามีเราพอรับได้นะคะ จนมาเรื่อยๆ เริ่มมีการเปรียบเทียบในเชิงที่เขาบอกว่าแนะนำ คนนั้นเขาทำได้ดีมากเลยนะ ทำไมถึงไม่ทำแบบนั้นละ อันนี้เราเข้าใจสามีเราเลยแหละ เพราะเราเองก็โดนตลอด ไม่เคยโอเคกับแบบนี้เลย แต่เขาเป็นแม่เรา เราก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะเราไม่เคยที่จะขัดแม่เราเลยตั้งแต่เด็ก พอโตมาก็มีขัดใจบ้างแต่ก็ต้องทำตาม เพราะคนที่แนะนำคือแม่ เราเข้าใจในความเป็นแม่ แต่สามีเรานี่สิ ที่พยายามเข้าใจเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้ จนสามีเราอึดอัดอยากพาเรากับลูกแยกบ้านอยู่ เราเลยจับมือกับสามีไปคุยกับแม่อีกครั้ง ค่ะ แม่เราก็ตะวาดเหมือนเดิม พูดเหมือนว่าสามีเราจะแย่งลูกกับหลานเขาไป พูดประมาณว่า ถ้าจะแยกอยู่ก็แยกไปคนเดียว ไม่ให้เรากับหลานไป ตอนนั้นเราทะเลาะกับสามีก็บ่อยครั้งที่เวลาเขาให้เราเลือก เราเองก็ไม่อยากให้ลูกต้องแยกอยู่กับพ่อของเขา แต่เราเองก็ไม่กล้าออกมาจากแม่ตัวเอง สามีเราจะสนิทกับพ่อตามากกว่าค่ะ พ่อเราไม่ว่าอะไรเลยว่าเราจะแยกอยู่หรือไม่ แต่ก็เข้าใจว่าท่านก็ไม่ได้อยากให้ไปหรอก แต่ท่านก็ไม่อยากให้เราอึดอัด สามีเราเลยมาคุยกับเราอีกครั้งว่า ถ้าแม่เรายังบังคับนู้นนี่นั่นเขาอยู่ เขาจะไปจากบ้านหลังนี้จริงๆ และถามเรา ว่า เราจะไปด้วยมั้ย ค่ะ เราตอบว่าไปด้วย ถ้าเธอไปไหน เค้าจะไปด้วย เราสามคนจะไม่ทิ้งกัน มันเลยทำให้แม่พูดขึ้นมาว่า ขนาดเรายังไม่อยากให้ลูกห่างจากตัว ทำไมเราต้องห่างจากแม่ด้วย เราไม่เคนอยากออกจากบ้านเราเลยนะคะ ทุกวันนี้สามีเราเลือกที่จะไม่คุยกับแม่เรา เพราะไม่อยากมีปัญหาอีก แม่เราก็น้อยใจ และไม่เข้าใจว่าทำไมสามีเราทำอย่างงั้นเราจึงเป็นคนกลางที่เคลียร์ทั้งสองคน ผลสุดท้ายคือพอบอกปัญหาของแต่ละคนออกมา สามีเรารับได้ค่ะ แต่แม่เรารับไม่ได้ ที่ไปหาว่าเขาบังคับทั้งๆที่เขาหวังดี แม่เราเลยเริ่มที่จะ พูดจนเราทั้งคู่รู้สึกเครียดและรู้สึกผิดกับเขา ทั้งๆที่เราไม่ผิด เพราะแม่เราไม่ยอมรับในสิ่งที่เราทั้งคู่เลือกเลยสักครั้ง แต่แม่พูดให้เรารู้สึกผิดอยู่บ่อยครั้ง จนเราอึดอัด และเริ่มทนไม่ไหว อยากออกก็อยากออก แต่พอคิดจะออกก็รู้สึกผิดที่จะออกจากบ้านนี้ สามีเราก็เริ่มทนไม่ไหวแล้วเหมือนกันที่เค้าเลือกจะทำอะไรโดยเขาเป็นคนตัดสินใจเองไม่ได้เลย
จริงๆ เรื่องมันละเอียดกว่านี้ค่ะ แต่นี่คือสิ่งที่เราทั้งคู่อึดอัดที่สุด เราอยากให้สองคนกลับมาเป็นลูกเขยกับแม่ยายที่เข้ากันได้ดีเหมือนตอนแรก ใครอยากแนะนำอะไรแนะนำได้เลยนะคะ หรือ อยากแชร์ประสบการณ์อะไรพิมพ์ได้เลยค่ะ เราอยากอ่านจริงๆ ว่าทุกคนแก้ปัญหายังไงกัน