ไปต่อหรือพอแค่นี้ (ไม่อนุญาติให้ตัดไฮไลท์ไปลง FB)

คือผมคบกับภรรยามาปีนี้เป็นปีที่ 10 แล้วที่ผ่านมาดีตลอดผ่านอุปสรรคอะไรมากันเยอะ เขายอมรับในข้อเสียเราได้เช่นบ้านรกบ้าง นอนตื่นสายบ้าง ชีวิตเริ่มจากติดหนี้จนถึงกระทั่งมีเงินเก็บซื้อรถและบ้านเพื่อวางรากฐานครอบครัวในอนาคต เรามีความสุขในการทำให้เขามีความสุข แต่เมื่อ 1ปีครึ่งที่แล้วภรรยาจับได้ว่าผมมีอีกคนที่คบกันมา 4 ปี แล้วภรรยาช็อกมากและเสียใจจนเป็นโรคซึมเศร้า พอวันที่ภรรยาจบได้ ผมได้จบความสันพันธ์ทุกอย่างกับผู้หญิงคนนั้น และขอโอกาสแก้ตัวกับภรรยา ซึ่งภรรยาไม่ได้ให้คำตอบอะไรแต่คำตอบชัดเจนคือภรรยาบอกว่าไม่ให้อภัยไปตลอดชีวิต ต่อจาหลังที่จับได้ภรรยาช็อกร้องไห้ฟูมฟายกรีดร้องแบบคนไม่มีสติผมเลยอยากให้ภรรยาโล่งใจขึ้นมาบ้างโดยการที่พาไปรับอากาศที่ทะเล แต่ระหว่างทางภรรยาไม่มีสติถึงขั้นหักพวงมาลัยเพื่อจะเข้าไปชนแบริเออ หลังจากนั้นอาการซึมเศร้าทำให้ไม่หลับไม่นอนไม่กินซึ่งผมก็ดูแลตลอดอยู่ข้างๆตลอดให้เขารู้ว่าเราปรับปรุงตัวจิงๆผ่านมาปีครึ่งผมดูแลตลอดเขาก็เห็นว่าเราปรับปรุงตัวจิงๆ ทางบ้านภรรยาก็เห็นว่าเรารู้สึกผิดชอบๆและปรับปรุงตัวจิงๆ แต่ปัญหาคือด้วยความสงสัยของภรรยาก็ไปขุดๆออกมาพบว่าก่อนจับได้นั้นผมได้ไปเที่ยวที่ไหนกับผู้หญิงคนนั้นและมาเค้นถาม ผมก็ตอบไปว่าไม่ได้ไป (ส่วนตัวเพราะอยากจบเรื่องให้มันจบไปและรู้ว่าถ้าเขารู้อาการมันจะเป็นยังไงในเมื่อทุกอย่างมันเริ่มดีขึ้นมาอยากให้ฝังเรื่องผิดพลาดไปในความหลังหมด) แต่กลายเป็นว่าภรรยาผมงัดหลักฐานขึ้นมาทำให้ผมต้องยอมรับและภรรยาก็ไม่มีสติทำลายข้าวของทำร้ายตัวเองอีก และมองมาที่ผมว่าเป็นคนโกหกไม่มีความจิงใจ ทั้งที่เราโกหกเพราะต้องการให้มันจบไม่อยากให้รู้แล้วมาเป็นอาการแบบนี้ ทำให้ครอบครัวภรรยาเริ่มไม่พอใจและบอกว่าการโกหกของเรามันเป็นการปกปิดความผิดตัวเองมันเป็นพื้นฐานของความไว้ใจ หลังจากนั้นผมก็ดูแลภรรยามาอย่างดีตลอด จนภรรยาก็ขุดมาจับได้อีกครั้งว่าหลังจากแต่งงานกันเสรจแล้วผมยังไปเที่ยวกับผู้หญิงคนนั้นอีก คราวนี้ภรรยาปาแหวนแต่งงานทิ้งเลยและก็กรีดโวยวายคลั่งอีกแล้ว จนถึงขั้นจะกินน้ำยาล้างห้องน้ำแต่ผมไปดึงมือได้ทัน (นี้คือสาเหตุทำมัยผมถึงไม่บอกเรื่องให้หมดเวลาภรรยาถามและต้องโกหก) ผมก็รับแรงกระแทกพอควรในการดูแลภรรยาที่เป็นโรคซึมเศร้าตลอดที่ผ่านมาทั้งอารมสวิง ร้องไห้ เศร้า เสียใจ เครียดแค้น เราก็ยอมมาตลอดเพราะเราทำผิดจิงและทำให้ภรรยามาเป็นแบบนี้ จนถึงเหตุการณ์ที่ผมรับไม่ได้อีกคือภรรยาโทรไปหาน้องชายผู้หญิงคนนั้นและถามรายละเอียดทั้งหมดเพราะผมไม่ยอมบอก น้องชายก็บอกรายละเอียดผมกับผู้หญิงคนนั้นทั้งหมด และได้ยินคุยโทรศัพกับทางครอบครัวว่าจะคบกับน้องชายผู้หญิงคนนั้น แล้วก็ได้ยินครอบครัวเขาบอกมาว่าจะมองหน้าพี่สาวเขาติดหรือเพราะพี่สาวเขาแย่งสามีเราไป ซึ่งผมรู้สึกไม่โอเครแล้วเพราะที่ผ่านมาผมยอมฝังเรื่องไปทั้งหมดแล้วปรับปรุงตัวหมดแล้วไม่อยากณรื้อฟื้นหรือหาอะไรอีกแล้ว จนผมเริ่มรู้สึกถอดใจแล้ว และยอมรับความจิงว่ามันคงกลับไปดีๆแบบเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว ในหัวสมองผมที่ผ่านมา 1 ปีครึ่งเห็นภรรยานอนไม่หลับนอนร้องไห้ทุกวันในใจก็เจ็บและเสียใจมากได้แต่คิดเพราะเราทำให้เขาเป็นแบบนี้หรือเราควรจะจบกันให้เขาไปเจอทางใหม่ที่ดีกว่านี้ คิดในหัวมาตลอดทุกเวลา จนเหตุการณ์ที่ภรรยาไปคุยกับน้องชายผู้หญิงคนนั้นทำให้ผมเริ่มรู้สึกไม่โอเครแล้วเริ่มเฟดตัวออกห่างมาเรื่อยๆ ภรรยาที่เมื่อก่อนเห็นผมเป็นเซฟโซนของเขามาตลอดพอเห็นผมเปลี่ยนไปก็เริ่มจะมาง้อและขอให้กลับไปเป็นแบบเดิม ถึงมันจะต้องทุกข์กันไปตลอดชีวิตก็ตาม แต่บางเรื่องเราก็มีความสุขกันได้ แต่ผมลังเลว่าจะยังไงในใจเทไปที่จบกันที่ 80% เพราะคิดแล้วว่าถ้าไปกันต่ออนาคตมันอึมครึมแน่นอนไม่มีความสุขทั้ง 2 ฝ่าย มีความสุขกันไม่เต็มที่ปัจจัยที่จะทำให้ภรรยาเกิดอาการเครียดมีเยอะมากทั้งชื่อ(พี่สะใภชื่อเดียวกัน) อาชีพ สถานที่ แม้แต่เรื่องบางเรื่องก็จะโยงไปหาได้ แต่ใจอยากกลับไปอีก 20% นั้นคือเขาทำเพื่อเรามาตลอดเลยจนถึงตอนแต่งงานเมื่อ 2 ปีที่แล้วแล้วเราจะมายอมแพ้เรื่องแบบนี้ได้ยังไงอีกอย่างภรรยาผมพ่อและแม่ไม่มี มีแต่น้องและญาติๆ ซึ่งเขาโดดเดี่ยวมากจนมีผมเป็นที่พึ่งทางใจเดียวและเปนเซฟโซน ความสุขให้เขา และเป็นห่วงเขาเพราะตั้งแต่รู้เรื่องอันสุดท้ายมาไม่สามารถขับรถได้เลยภายใน 1 เดือนขับชนไปแล้ว 5 รอบไม่มีสมาธิและไม่มีสติในการขับรถไปทำงานเลย ผมเลยตั้งเงื่อนไขไปว่ากลับไปอะได้แต่ขอให้ลบรูปที่แคพมาทั้งหลายและข้อความแชทระหว่างผมกับภรรยาทิ้งแล้วเริ่ม 0 กันใหม่ (เวลาภรรยาไม่พอใจจะเอารูปผู้หญิงคนนั้นส่งมาบเ่งแล้วเหน็บว่ามีความสุขดีนี้ ชอบเอาคำพิมในแชทของผมที่เคยพูดไปละส่งมาให้มันรู้สึกบั่นทอนจิตใจกัน) ภรรยาก็บอกรูปที่แคพอะลบได้ไม่เก็บไว้ให้มันเป็นกาละกิณีในโทรศัพหรอกแต่แชทจะไม่ลบ ผมก็บอกว่าลบทิ้งไปอะไรที่มันจะกระตุ้นให้เหลือแต่ความคิดในสมองพอแล้วค่อยๆประคองกันไปแต่ทางภรรยาก็ไม่ยอม
**จนถึงตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าควรไปต่อหรือจบเพื่อที่จะให้เขาเข้มแขงได้ด้วยตัวคนเดียวแล้วเปิดโอกาสเจอสิ่งที่ดีกว่าแต่ก็เสียดายเวลาคบกันมา 10 ปีเพราะถ้าไม่มีเรื่องราวนี้ต่างคนต่างดูแลกันดี เป็นที่อิจฉาในทุกๆคน
**เรื่องราวทั้งหมดที่ไปเที่ยวกับผู้หญิงคนนั้นเป็นก่อนแต่งงานและหลังแต่งงาน 1 ครั้ง แต่ภรรยามาจับได้ทีหลังไม่ใช่ว่าจับได้ยังไปอีก คือตั้งแต่จับได้หยุดการติดต่อกับผู้หญิงคนนั้นทันทีพร้อมบอกความจิงไปว่าแต่งงานแล้ว ซึงได้คุยกับผู้หญิงคนนั้นแล้วว่าถ้าแต่งงานเราจะเลิกกันซิงผู้หญิงคนนั้นก็เข้าใจ
**ไทมไลน์
-ไปเที่ยวกับผู้หญิงคนนั้น กุมภา 2563
-แต่งงาน พฤษจิกายน 2564
-ไปเที่ยวกับผู้หญิงคนนั้น ต้นธันวาคม 2564
-ภรรยาจับได้ปลายธันวาคม 2564
-หลังจากนั้นหยุดทุกอย่างทั้งการติดผู้หญิงคนนั้หมดเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่