หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[SR] รีวิว AUDI e-tron GT PERFORMANCE รถยนต์ไฟฟ้าที่สวยที่สุด แถมขับดีมาก !
กระทู้รีวิว
Audi
รถยนต์
รถยนต์ไฟฟ้า
AUDI ถือว่าเป็นค่ายแรกๆในไทยที่เริ่มเอารถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาขายตั้งแต่ e-tron SUV ถ้ามองเทียบกับค่ายยุโรปคันอื่นๆ และ ถ้ามองย้อนไป 1-2 ปีก่อน AUDI ได้เปิดตัว etron-GT และ มีการโชว์ในหนัง Avengers Endgame ที่เป็นรถยนต์ของทาง Tony Stark : IRON MAN นั้นเองครับ บอกเลยว่าทางผมเองนั้นชอบดีไซน์ งานออกแบบของรุ่นนี้ตั้งแต่แรกเจอ รวมถึงด้วยเทคโนโลยีการขับขี่ของ AUDI ทำให้คาดหวังตั้งแต่แรกๆเลยว่ามันน่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับดีที่สุดคันนึงในตลาด แถมมีญาติห่างคือ PORSCHE TAYCAN ด้วยเพราะระบบขับเคลื่อน งานออกแบบหลายๆส่วนใช้แบบเดียวกัน รวมถึง Platform ของตัวรถ แต่โดยส่วนตัวผมชอบเส้นสาย ดีไซน์ e-tron GT มากกว่าพอสมควร ทั้งภายนอก และภายในของตัวรถทั้งหมดนะ และ ครั้งนี้เราได้มีโอกาสอยู่กับมันหลากหลายวันและบอกเลยว่า ขอยกให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับสนุก และสวยที่สุดเท่าที่ได้ลองมาหลากหลายรุ่นเลย
AUDI e-tron GT ในไทยตอนนี้จะเน้นไปทางรุ่น PERFORMANCE ที่จะรองรับการชาร์จไว AC 22kW และ ล้อ รวมถึงเบรกที่ดูสวยกว่ารุ่นเริ่มต้นครับ ส่วนทางด้านพละกำลังและมอเตอร์ ระยะทางนั้นจะหนีกันไม่มากนัก มาพร้อมกับ มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ (2 Electric Motors) ซึ่งพละกำลัง Normal Mode กำลังสูงสุด 476 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 630 นิวตันเมตร แต่ถ้าเปิด Boost Mode จะได้กำลังสูงสุด 530 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 630 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 2 สปีด และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro พร้อมระบบกระจายแรงบิด wheel-selective torque control ทำ อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 4.5 วินาที และ อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 4.1 วินาที (Boost Mode) พร้อมกับ ความเร็วสูงสุด Top Speed 245 km/h พร้อมกับใช้งานแบต แบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุขนาด 93.4 kWh รองรับระยะทาง 523 กิโลเมตร มาตรฐาน NEDC นั้นเอง ถ้า WLTP น่าจะอยู่ในช่วง 480 กิโลเมตรครับ รองรับ ชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด ขนาด 270 kW และ กระแสไฟฟ้าสลับ AC Onboard Charger ขนาด 22 kW ถ้าใช้ตู้ไฟฟ้า DC 270 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 0% ประมาณ 20 นาที ได้ 80% และแบตเทคโนโลยี 800V นั้นเองครับ ใช้แบตเตอรี่ แบบ 36 Modules ติดตั้งอยู่ใต้พื้นรถ สามารถเปลี่ยนซ่อม Repairable แยก Modules ได้ ไม่ต้องเปลี่ยนยกแผง พร้อมกับ ล้อ 21 นิ้ว เบรกสีส้ม และทางด้านออฟชัน Blind Spot และ เตือนออกนอกเลน ดึงพวงมาลัยกลับ และ Pre Sense รอบคันให้มาครบถือว่ามากกว่าหลายๆตัวในค่าย อีกทั้ง ยังได้เครื่องเสียง Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ รวมถึงไฟหน้าเทพแบบ Matrix LED พร้อมไฟ Audi laser และเอฟเฟ็กต์ไฟด้านหน้า (Light staging) ครบๆ แต่น่าเสียดายว่า ยังคงไม่มี Adaptive Cruise Control และระบบช่วยขับอื่นๆใส่เข้ามา อีกทั้ง หลังคากระจกไม่มีออฟชันหลังคาทึบให้เลือกครับ แต่สเปกการขับขี่ ดีไซน์ภาพรวมค่อนข้างจัดเต็มกันเลยทีเดียว
- e-tron GT quattro Performance 7,249,000 บาท รองรับชาร์จ AC : 22kW
EXTERIOR
งานออกแบบหลายๆส่วนแน่นอนว่าหลายๆคนอาจจะมองแล้วนึกถึง TAYCAN จริงๆมันคือญาติกันเลยรูปทรง เทคโนโลยี ขนาดตัวรถ แต่บอกตรงๆเลยว่าชอบ AUDI เส้นสายค่อนข้างมีมิติมากกว่า และ ดูมีอะไรมากกว่าของอีกค่ายนะ ทั้งด้านหน้าและท้ายรถ มาพร้อมกับมิติตัวถัง ยาว 4,989 มิลลิเมตร และ กว้าง 1,964 มิลลิเมตร รวมถึง สูง 1,413 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ : 2,898 มิลลิเมตร เป็นรถที่ กว้าง และ แบน เตี้ยมากๆครับ ในการขับขี่ในเมือง หรือ ตามซอยในกรุงเทพอาจจะแน่นพอสมควร รวมถึงตามที่จอดรถบางที่อาจจะแน่นๆเปิดประตูลำบาก แต่ยังดีที่รุ่นนี้บางครั้ง ก็สามารถจอด Supercar ได้ถ้าหาก รปภ เค้าให้จอด หรือ ช่วงวันธรรมดาครับ ก็สะดวกพอสมควรเลยแหละ ส่วนที่เราเห็นจะเป็นสีเทา Suzuka Grey เทาขาว เวลาเจอแสงจะสีขาว แต่ในร่มจะเทาๆหม่นๆ
เราจะเห็นว่ารูปทรง สัดส่วนตัวรถมันเป็นรถที่สวยและลงตัวมากๆ มัดกล้ามเส้นสายซุ้มล้อคือดูโดดเด่นเมื่อเจอแสงแดดต่างๆเส้นสายคมชัดเจน และ ดีเทลดูดีตัวรถเตี้ยและแบน แต่ก็สามารถปรับช่วงล่างยกสูง หรือ โหลดต่ำได้อีกในโหมดประหยัดรถจะต่ำที่สุดครับ แต่ในภาพนั้นจะเป็นแบบปกติพื้นฐาน รูปทรงสวยสปอร์ตมากๆ พร้อมกับล้อ 21 นิ้วจะค่อนข้างเต็มซุ้มล้อแน่นๆสวยงามรวมถึงตัวรถ ตัดสีขาวดำลงตัว ยกให้มันเป็นรถที่สวยและสัดส่วนดีมากๆ และในด้านท้ายเราจะเห็นไฟท้ายแนวยาว และ กันชนหลัง Diffuser ขนาดใหญ่ และ สปอยเลอร์หลังแบบยกเองได้
หน้าตรงแบบนี้เราจะเห็นเลยว่า AUDI พยายามออกแบบหน้ารถให้มีความรู้สึกว่ามีกระจังหน้าอยู่แบบรถยนต์ทั่วไปแต่ปิดทึบมากกว่าเดิม เล่นสีเทาเรียบๆ และ เสริมด้วยสีเทาเข้มรอบๆพร้อมกับบรรดาช่องดักลมของจริงข้างๆ และ ตรงกลาง แต่เราจะเห็นพวก เรดาร์กลมๆ แต่น่าเสียดายว่าในไทยเองไม่ได้ใช้งานครับ รวมถึงกล้องรอบคันต่างๆครบ เซนเซอร์ครบ ส่วนด้านท้ายเองนั้นจะเห็นไฟท้ายแนวยาวๆ มีลูกเล่นนิดหน่อยไม่เรียบเกินไป พร้อมกับ หลังคาลาดยาวจนถึงขอบฝากระโปรง รวมถึง สปอยเลอร์หลังที่ ยกระดับเองเมื่อความเร็วสูง หรือ จะเปิดปิดเองได้ในตัวรถเช่นกัน
ไฟหน้ารูปทรงสวยงามแบบยุคใหม่ของ AUDI แน่นอนว่าตัวนี้เทคโนโลยีสูงที่สุดคือมาพร้อมกับ LASER LIGHT และเสริมด้วย MATRIX เข้าไปทำให้มันสว่างไกล และ แบ่งพิกเซลได้ดีขึ้นกว่าเดิมไปอีก ไกลกว่า LED ทั่วไป 2 เท่าแถมเป็นไปที่สว่างไกลถึง 600 เมตร และแสงเข้มคมมากๆ ซึ่งไฟหลักจะอยู่มุมๆ และ ไฟเลี้ยวจะเป็นแบบวิ่งเช่นกัน รวมถึงมี Effect เวลาปลดล็อกไฟวิ่งสวยงามอย่างมาก รวมถึงไฟท้ายก็เช่นกันเป็น Full LED ทั้งหมด พร้อมไฟ Light Staging เช่นกันครับ และแน่นอนว่ารุ่นนี้จะมาพร้อมกับที่ชาร์จ 2 ฝั่งของตัวรถ รองรับ AC 22kW และ ด้านซ้ายของตัวรถจะเป็น DC 270kW แต่ AC จะชาร์จ 2 ข้างพร้อมกันไม่ได้นะออกแบบเพื่อความสะดวกต่อการชาร์จ
กระจังหน้าแบบปิดทึบทั้งหมดในไทยเองนั้นจะได้เป็นสีเทาทั้งหมดไม่ได้เปลี่ยนสีตามตัวรถ รวมถึงมีเซนเซอร์รอบคันมาให้ครบ และกล้องรอบคันดีไซน์ดีเทลค่อนข้างดูดีเป็นทรง 6 เหลี่ยมมิติสวยงามและมีช่องรับอากาศเข้าตัวระบบแอร์ของรถเล็กน้อย ส่วนทางด้านกระจกมองข้างมี Blind Spot และ กล้องรอบคันมาให้แน่นอนว่ายังคงใช้งานกระจก ไม่ได้เป็นกล้องแบบ etronช่วงแรกๆครับ รวมถึงมุมมองในการใช้งานจริงๆไม่มีมุมอับอะไรแม้ขนาดจะไม่ใหญ่มากนัก ส่วนทางด้านล้อในรุ่นนี้เราจะได้ 21 นิ้วลวดลายสวยงามเล่นสีดำ ผสมกับสีเงินด้านๆสวยงามออกแบบกึ่งสปอร์ตแต่ก็เน้นเรื่อง Aerodynamic อยู่บ้างครับพร้อมกับช่วงล่างถุงลมที่ปรับนุ่ม แข็ง และ ยกสูง หรือ ต่ำได้อีก และ เบรกขนาดใหญ่ 6 Pot สีส้มสวยงาม รองรับพละกำลัง 530 แรงม้าได้แบบเอาอยู่สบายๆ
และอย่างที่บอกว่า รถยนต์ไฟฟ้าเน้นเรื่อง Aerodynamic ทำให้ช่องรีดอากาศต่างๆเป็นของจริงทั้งหมดด้านข้างตัวรถแบบดียวกับ TAYCAN และ เส้นสายซุ้มล้อจุดนี้เป็นส่วนที่ผมมองว่ามันสวยกว่า TAYCAN เส้นสายคมๆ มัดกล้ามชัดๆ และ เล่นกับแสงได้แบบนี้เป็นจุดที่อีกคันไม่มี และทำให้รถดูเป็น Muscle Car ได้เลยนะ ขอชื่นชมเส้นสายคันนี้จริงๆครับ และ ทำให้รถดูแบน กว้างมากกว่าเดิม แม้ว่าจะแอบขัดใจมือเปิดน่าจะเป็นแบบซ่อนไม่งั้นจะสวยลงตัวเลย
และแน่นอนว่าด้วยการพัฒนาพื้นฐานของรถยนต์ไฟฟ้าทำให้หน้ากระโปรงนั้นจะโล่งและรองรับการใส่ของได้สบายมีความจุ 85 ลิตร สามารถใส่กระเป๋าเดินทาง ใส่ของได้สบายๆหรือในภาพนั้นจะเป็นที่ชาร์จพกพาที่ให้มากับตัวรถนั้นเองครับ ถือว่าเป็นจุดนึงที่รถยนต์ไฟฟ้าควรจะมีช่องเก็บของแบบนี้ ส่วนการเปิดนั้นจะอยู่ตรงขอบประตูคนขับนั้นเอง
INTERIOR
งานออกแบบภายในเป็นจุดนึงที่ AUDI เองทำได้ดีเพราะว่าไม่ใช่แค่หน้าจอ Tablet มาแปะ แต่เป็นการออกแบบผสานหน้าจอลงไปบนคอนโซลแบบเนียนๆ และ ปรับมาใช้งานปุ่มปรับแอร์แบบปุ่มจริงๆไม่ใช่หน้าจอสัมผัสแล้ว เพราะว่าในแง่ของการใช้งานจริงๆหลายคนน่าจะชอบแบบนี้มากกว่า รวมถึงตัวผมด้วยเช่นกันครับ แม้ว่าเพื่อนร่วมค่ายแบบ TAYCAN จะเป็นจอสัมผัสล้วน แต่คันนี้กลับกลายเป็นปุ่มและเน้นระบบแมนนวลเป็นหลักซึ่งหลายๆคนน่าจะชอบแบบนี้มากกว่า และ เส้นสายภายในถือว่าสวยลงตัว แม้ว่าแสงสีอาจจะไม่ได้เยอะแบบพวก A7 A8 เท่าไรนักครับ ส่วนวัสดุงานประกอบในตัวนี้ถือว่าคุณภาพแน่น สมราคา และ วัสดุค่อนข้างทำผิวสัมผัสได้เนียนลงตัวเอาเรื่อง
เมื่อดูช่องแอร์แน่นอนว่าจะวางอยู่ตำแหน่งค่อนข้างต่ำ แต่ก็สามารถใช้งานได้ไม่มีปัญหาครับแอร์จะไม่เป่ามือเวลาขับและยังคงปรับแบบมือได้ไม่ต้องผ่านหน้าจออะไรให้ยุ่งยากและเราจะเห็นส่วนควบคุมแอร์ทั้งหมดเป็นแบบปุ่มจริงๆ แยกซ้าย ขวา และ มีหน้าจอดิจิทัลเสริมให้ครับ เพราะว่าในรุ่นก่อนๆมีผู้ใช้งานหลายคนไม่ค่อยชอบแบบจอสัมผัส ทำให้รุ่นใหม่ๆตอนนี้ AUDI ปรับมาใช้งานแบบปุ่มกดจริงๆอีกครั้ง และ เราจะเห็นว่าคอนโซลกลางค่อนข้างโล่งเพราะได้ปรับเกียร์เป็นแบบสวิทช์ไฟฟ้าเรียบๆแล้วทำให้ดูโล่งขึ้นและดีไซน์มีไฟส่องข้างล่างดูคล้ายๆปุ่มลอยขึ้นมา ส่วนทางด้านหน้าจอหลัก MMI รองรับ Apple Carplay สัมผัสติดนิ้ว แต่ในแง่ของ UI UX อาจจะเรียบๆไม่ได้หวือหวาแบบค่ายอื่นๆ ยังคงเน้นความเรียบ 2D มากกว่าเน้นสีดำแดงขาวเช่นเดิมครับ ซึ่งถ้าไปมองค่ายอื่นๆตอนนี้เน้นแสงสีหวือหวา และ 3D UI กันไปแล้วอันนี้ก็แล้วแต่ชอบเลยทำให้ถ้าชอบแสงสี หวือหวา ค่ายนี้อาจจะไม่ตอบโจทย์
ชื่อสินค้า:
AUDI e-tron GT PERFORMANCE
คะแนน:
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
- ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
- ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
รีวิว AUDI E-TRON SPORTBACK รถพลังงานไฟฟ้า 100% ขับขี่หนักแน่น อัตราเร่งดึงสะใจ !
AUDI ประเทศไทยได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นที่ 2 ที่นำเข้ามาขายในชื่อ e-Tron ซึ่งในก่อนหน้านี้เคยมีรุ่น e-Tron ปกติเข้ามาขายในไทยแล้วเป็นทรง
Techhangout
จาก ม.เกษตร ไป มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ยังไงได้บ้างครับ
จาก ม.เกษตร ไป มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ยังไงได้บ้างครับ
สมาชิกหมายเลข 5505741
รถยนต์คันแรก
สวัสดีครับตามกระทู้เลย ผมไม่รู้เรื่องรถยนต์เลย คือผมอยากได้รถสักคันไว้ใช้งานใน กทม และคิดว่าจะออกต่างจังหวัดบ้างเป็นบางครั้งครับ สำหรับงบคิดตั้งไว้ไม่เกิน 750k คำถามครับ ควรดาวน์สูงไหม? ตั้งใจว่
สมาชิกหมายเลข 3890136
คราบสกปรกบนฝาถังน้ำมัน+สีเริ่มหลุด
ตามในรูปเลยค่ะ มีน้ำยาอะไรทำความสะอาดหรือขัดมันได้ไหมคะ แล้วตรงสีที่มันเริ่มหลุดนี้ เราล้างทำความสะอาดแล้วเอาสีแต้มทาไปเลยได้ไหมคะ หรือปล่อยมันไปดีกว่า
สมาชิกหมายเลข 5177028
Neta V ดีไหม
สวัสดีค่ะ ดิฉันกำลังมองหารถไฟฟ้าสักคันเพราะอยากประหยัดค่าน้ำม้นและอยากเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดมลพิษบนท้องถนน ไปเจอรีวิว Neta V แล้วถูกใจรูปลักษณ์และสีน่าโดนมาก สีน่ารักมาก ส่วนตัวดิฉันต้องไป-กลับ กทม
สมาชิกหมายเลข 7549057
รวมรุ่นรถยนต์ทรงกล่อง (Boxy Car) ที่มีขายในไทย
Boxy Car เป็นสไตล์ของรถยนต์ ที่มีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมคล้ายๆ กับกล่อง มีทั้งแบบเล็กแล้วก็แบบคันใหญ่บิ๊กเบิ้ม Car2Day เห็นว่าช่วงนี้ ดีไซน์ทรงกล่องนี้กำลังได้รับความนิยม ก็เลยรวบรวมมาให้ ตั้งแต่คันเล็กก
สมาชิกหมายเลข 8944800
มีงบ 1,500,000 หนูควรซื้อรถไฟฟ้าคันไหนดี
คือหนูมีงบซื้อรถอยู่ 1,500,000 ค่ะ คือเล็งไว้เลยว่าจะเอารถไฟฟ้าแน่ๆ หนูใช้ชีวิตในเมืองค่ะ ไม่ออกต่างจังหวัดบ่อย ไกลสุดคือพัทยา ทีนี้หนูเล็งไว้ 2 ค่าย คือ MG IM6 กับ BYD SELION7 พี่ๆ ช่วยแนะนำได้มั้ยคะ
สมาชิกหมายเลข 7423562
Tesla เปิดตัว Model 3 รุ่นใหม่ในจีน วิ่งได้ไกล 830 กม. (CLTC) เริ่มประมาณ 1.3 ล้านบาท
Tesla ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Model 3 รุ่นใหม่ในประเทศจีนอย่างเป็นทางการ โดยรุ่นนี้มีระยะทางวิ่งสูงสุดอยู่ที่ 830 กม. ตามมาตรฐาน CLTC ซึ่งถือเป็นรถ Tesla ที่วิ่งได้ไกลที่สุดในปัจจุบัน หลังจากที่ได้ผ่านข
สมาชิกหมายเลข 8457357
“เนปาล” ประเทศที่ EV ขายดี เพราะรลดภาษี และแบรนด์จีนบุกเต็มเหนี่ยว
จากที่เคยเป็นทางเลือกในประเทศร่ำรวย ’รถยนต์ไฟฟ้า’ กำลังกลายเป็นกระแสหลักในหลายมุมโลก รวมถึงประเทศกำลังพัฒนาอย่าง ‘เนปาล’ ที่หลายคนอาจนึกไม่ถึง https://www.facebook.com/share/p
สมาชิกหมายเลข 2933266
[-ข่าว] เปิดราคา Nissan MARCH โฉมใหม่ ในร่างไฟฟ้า วิ่งไกล 408 กม. เริ่ม 9 แสนกว่า!!
Nissan เปิดราคาอย่างเป็นทางการของ MICRA หรือที่คนไทยรู้จักกันชื่อ MARCH เวอร์ชันไฟฟ้าล้วนที่อังกฤษ เริ่มต้นที่ 22,995 ปอนด์ ราวๆ 992,000 บาท และรุ่นท็อปอยู่ที่ 29,865 ปอนด์ ราวๆ 1,290,000 บาท ราคานี้
สมาชิกหมายเลข 8912721
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
Audi
รถยนต์
รถยนต์ไฟฟ้า
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 10
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[SR] รีวิว AUDI e-tron GT PERFORMANCE รถยนต์ไฟฟ้าที่สวยที่สุด แถมขับดีมาก !
AUDI ถือว่าเป็นค่ายแรกๆในไทยที่เริ่มเอารถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาขายตั้งแต่ e-tron SUV ถ้ามองเทียบกับค่ายยุโรปคันอื่นๆ และ ถ้ามองย้อนไป 1-2 ปีก่อน AUDI ได้เปิดตัว etron-GT และ มีการโชว์ในหนัง Avengers Endgame ที่เป็นรถยนต์ของทาง Tony Stark : IRON MAN นั้นเองครับ บอกเลยว่าทางผมเองนั้นชอบดีไซน์ งานออกแบบของรุ่นนี้ตั้งแต่แรกเจอ รวมถึงด้วยเทคโนโลยีการขับขี่ของ AUDI ทำให้คาดหวังตั้งแต่แรกๆเลยว่ามันน่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับดีที่สุดคันนึงในตลาด แถมมีญาติห่างคือ PORSCHE TAYCAN ด้วยเพราะระบบขับเคลื่อน งานออกแบบหลายๆส่วนใช้แบบเดียวกัน รวมถึง Platform ของตัวรถ แต่โดยส่วนตัวผมชอบเส้นสาย ดีไซน์ e-tron GT มากกว่าพอสมควร ทั้งภายนอก และภายในของตัวรถทั้งหมดนะ และ ครั้งนี้เราได้มีโอกาสอยู่กับมันหลากหลายวันและบอกเลยว่า ขอยกให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับสนุก และสวยที่สุดเท่าที่ได้ลองมาหลากหลายรุ่นเลย
AUDI e-tron GT ในไทยตอนนี้จะเน้นไปทางรุ่น PERFORMANCE ที่จะรองรับการชาร์จไว AC 22kW และ ล้อ รวมถึงเบรกที่ดูสวยกว่ารุ่นเริ่มต้นครับ ส่วนทางด้านพละกำลังและมอเตอร์ ระยะทางนั้นจะหนีกันไม่มากนัก มาพร้อมกับ มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ (2 Electric Motors) ซึ่งพละกำลัง Normal Mode กำลังสูงสุด 476 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 630 นิวตันเมตร แต่ถ้าเปิด Boost Mode จะได้กำลังสูงสุด 530 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 630 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 2 สปีด และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro พร้อมระบบกระจายแรงบิด wheel-selective torque control ทำ อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 4.5 วินาที และ อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 4.1 วินาที (Boost Mode) พร้อมกับ ความเร็วสูงสุด Top Speed 245 km/h พร้อมกับใช้งานแบต แบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุขนาด 93.4 kWh รองรับระยะทาง 523 กิโลเมตร มาตรฐาน NEDC นั้นเอง ถ้า WLTP น่าจะอยู่ในช่วง 480 กิโลเมตรครับ รองรับ ชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด ขนาด 270 kW และ กระแสไฟฟ้าสลับ AC Onboard Charger ขนาด 22 kW ถ้าใช้ตู้ไฟฟ้า DC 270 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 0% ประมาณ 20 นาที ได้ 80% และแบตเทคโนโลยี 800V นั้นเองครับ ใช้แบตเตอรี่ แบบ 36 Modules ติดตั้งอยู่ใต้พื้นรถ สามารถเปลี่ยนซ่อม Repairable แยก Modules ได้ ไม่ต้องเปลี่ยนยกแผง พร้อมกับ ล้อ 21 นิ้ว เบรกสีส้ม และทางด้านออฟชัน Blind Spot และ เตือนออกนอกเลน ดึงพวงมาลัยกลับ และ Pre Sense รอบคันให้มาครบถือว่ามากกว่าหลายๆตัวในค่าย อีกทั้ง ยังได้เครื่องเสียง Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ รวมถึงไฟหน้าเทพแบบ Matrix LED พร้อมไฟ Audi laser และเอฟเฟ็กต์ไฟด้านหน้า (Light staging) ครบๆ แต่น่าเสียดายว่า ยังคงไม่มี Adaptive Cruise Control และระบบช่วยขับอื่นๆใส่เข้ามา อีกทั้ง หลังคากระจกไม่มีออฟชันหลังคาทึบให้เลือกครับ แต่สเปกการขับขี่ ดีไซน์ภาพรวมค่อนข้างจัดเต็มกันเลยทีเดียว
- e-tron GT quattro Performance 7,249,000 บาท รองรับชาร์จ AC : 22kW
EXTERIOR
งานออกแบบหลายๆส่วนแน่นอนว่าหลายๆคนอาจจะมองแล้วนึกถึง TAYCAN จริงๆมันคือญาติกันเลยรูปทรง เทคโนโลยี ขนาดตัวรถ แต่บอกตรงๆเลยว่าชอบ AUDI เส้นสายค่อนข้างมีมิติมากกว่า และ ดูมีอะไรมากกว่าของอีกค่ายนะ ทั้งด้านหน้าและท้ายรถ มาพร้อมกับมิติตัวถัง ยาว 4,989 มิลลิเมตร และ กว้าง 1,964 มิลลิเมตร รวมถึง สูง 1,413 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ : 2,898 มิลลิเมตร เป็นรถที่ กว้าง และ แบน เตี้ยมากๆครับ ในการขับขี่ในเมือง หรือ ตามซอยในกรุงเทพอาจจะแน่นพอสมควร รวมถึงตามที่จอดรถบางที่อาจจะแน่นๆเปิดประตูลำบาก แต่ยังดีที่รุ่นนี้บางครั้ง ก็สามารถจอด Supercar ได้ถ้าหาก รปภ เค้าให้จอด หรือ ช่วงวันธรรมดาครับ ก็สะดวกพอสมควรเลยแหละ ส่วนที่เราเห็นจะเป็นสีเทา Suzuka Grey เทาขาว เวลาเจอแสงจะสีขาว แต่ในร่มจะเทาๆหม่นๆ
เราจะเห็นว่ารูปทรง สัดส่วนตัวรถมันเป็นรถที่สวยและลงตัวมากๆ มัดกล้ามเส้นสายซุ้มล้อคือดูโดดเด่นเมื่อเจอแสงแดดต่างๆเส้นสายคมชัดเจน และ ดีเทลดูดีตัวรถเตี้ยและแบน แต่ก็สามารถปรับช่วงล่างยกสูง หรือ โหลดต่ำได้อีกในโหมดประหยัดรถจะต่ำที่สุดครับ แต่ในภาพนั้นจะเป็นแบบปกติพื้นฐาน รูปทรงสวยสปอร์ตมากๆ พร้อมกับล้อ 21 นิ้วจะค่อนข้างเต็มซุ้มล้อแน่นๆสวยงามรวมถึงตัวรถ ตัดสีขาวดำลงตัว ยกให้มันเป็นรถที่สวยและสัดส่วนดีมากๆ และในด้านท้ายเราจะเห็นไฟท้ายแนวยาว และ กันชนหลัง Diffuser ขนาดใหญ่ และ สปอยเลอร์หลังแบบยกเองได้
หน้าตรงแบบนี้เราจะเห็นเลยว่า AUDI พยายามออกแบบหน้ารถให้มีความรู้สึกว่ามีกระจังหน้าอยู่แบบรถยนต์ทั่วไปแต่ปิดทึบมากกว่าเดิม เล่นสีเทาเรียบๆ และ เสริมด้วยสีเทาเข้มรอบๆพร้อมกับบรรดาช่องดักลมของจริงข้างๆ และ ตรงกลาง แต่เราจะเห็นพวก เรดาร์กลมๆ แต่น่าเสียดายว่าในไทยเองไม่ได้ใช้งานครับ รวมถึงกล้องรอบคันต่างๆครบ เซนเซอร์ครบ ส่วนด้านท้ายเองนั้นจะเห็นไฟท้ายแนวยาวๆ มีลูกเล่นนิดหน่อยไม่เรียบเกินไป พร้อมกับ หลังคาลาดยาวจนถึงขอบฝากระโปรง รวมถึง สปอยเลอร์หลังที่ ยกระดับเองเมื่อความเร็วสูง หรือ จะเปิดปิดเองได้ในตัวรถเช่นกัน
ไฟหน้ารูปทรงสวยงามแบบยุคใหม่ของ AUDI แน่นอนว่าตัวนี้เทคโนโลยีสูงที่สุดคือมาพร้อมกับ LASER LIGHT และเสริมด้วย MATRIX เข้าไปทำให้มันสว่างไกล และ แบ่งพิกเซลได้ดีขึ้นกว่าเดิมไปอีก ไกลกว่า LED ทั่วไป 2 เท่าแถมเป็นไปที่สว่างไกลถึง 600 เมตร และแสงเข้มคมมากๆ ซึ่งไฟหลักจะอยู่มุมๆ และ ไฟเลี้ยวจะเป็นแบบวิ่งเช่นกัน รวมถึงมี Effect เวลาปลดล็อกไฟวิ่งสวยงามอย่างมาก รวมถึงไฟท้ายก็เช่นกันเป็น Full LED ทั้งหมด พร้อมไฟ Light Staging เช่นกันครับ และแน่นอนว่ารุ่นนี้จะมาพร้อมกับที่ชาร์จ 2 ฝั่งของตัวรถ รองรับ AC 22kW และ ด้านซ้ายของตัวรถจะเป็น DC 270kW แต่ AC จะชาร์จ 2 ข้างพร้อมกันไม่ได้นะออกแบบเพื่อความสะดวกต่อการชาร์จ
กระจังหน้าแบบปิดทึบทั้งหมดในไทยเองนั้นจะได้เป็นสีเทาทั้งหมดไม่ได้เปลี่ยนสีตามตัวรถ รวมถึงมีเซนเซอร์รอบคันมาให้ครบ และกล้องรอบคันดีไซน์ดีเทลค่อนข้างดูดีเป็นทรง 6 เหลี่ยมมิติสวยงามและมีช่องรับอากาศเข้าตัวระบบแอร์ของรถเล็กน้อย ส่วนทางด้านกระจกมองข้างมี Blind Spot และ กล้องรอบคันมาให้แน่นอนว่ายังคงใช้งานกระจก ไม่ได้เป็นกล้องแบบ etronช่วงแรกๆครับ รวมถึงมุมมองในการใช้งานจริงๆไม่มีมุมอับอะไรแม้ขนาดจะไม่ใหญ่มากนัก ส่วนทางด้านล้อในรุ่นนี้เราจะได้ 21 นิ้วลวดลายสวยงามเล่นสีดำ ผสมกับสีเงินด้านๆสวยงามออกแบบกึ่งสปอร์ตแต่ก็เน้นเรื่อง Aerodynamic อยู่บ้างครับพร้อมกับช่วงล่างถุงลมที่ปรับนุ่ม แข็ง และ ยกสูง หรือ ต่ำได้อีก และ เบรกขนาดใหญ่ 6 Pot สีส้มสวยงาม รองรับพละกำลัง 530 แรงม้าได้แบบเอาอยู่สบายๆ
และอย่างที่บอกว่า รถยนต์ไฟฟ้าเน้นเรื่อง Aerodynamic ทำให้ช่องรีดอากาศต่างๆเป็นของจริงทั้งหมดด้านข้างตัวรถแบบดียวกับ TAYCAN และ เส้นสายซุ้มล้อจุดนี้เป็นส่วนที่ผมมองว่ามันสวยกว่า TAYCAN เส้นสายคมๆ มัดกล้ามชัดๆ และ เล่นกับแสงได้แบบนี้เป็นจุดที่อีกคันไม่มี และทำให้รถดูเป็น Muscle Car ได้เลยนะ ขอชื่นชมเส้นสายคันนี้จริงๆครับ และ ทำให้รถดูแบน กว้างมากกว่าเดิม แม้ว่าจะแอบขัดใจมือเปิดน่าจะเป็นแบบซ่อนไม่งั้นจะสวยลงตัวเลย
และแน่นอนว่าด้วยการพัฒนาพื้นฐานของรถยนต์ไฟฟ้าทำให้หน้ากระโปรงนั้นจะโล่งและรองรับการใส่ของได้สบายมีความจุ 85 ลิตร สามารถใส่กระเป๋าเดินทาง ใส่ของได้สบายๆหรือในภาพนั้นจะเป็นที่ชาร์จพกพาที่ให้มากับตัวรถนั้นเองครับ ถือว่าเป็นจุดนึงที่รถยนต์ไฟฟ้าควรจะมีช่องเก็บของแบบนี้ ส่วนการเปิดนั้นจะอยู่ตรงขอบประตูคนขับนั้นเอง
INTERIOR
งานออกแบบภายในเป็นจุดนึงที่ AUDI เองทำได้ดีเพราะว่าไม่ใช่แค่หน้าจอ Tablet มาแปะ แต่เป็นการออกแบบผสานหน้าจอลงไปบนคอนโซลแบบเนียนๆ และ ปรับมาใช้งานปุ่มปรับแอร์แบบปุ่มจริงๆไม่ใช่หน้าจอสัมผัสแล้ว เพราะว่าในแง่ของการใช้งานจริงๆหลายคนน่าจะชอบแบบนี้มากกว่า รวมถึงตัวผมด้วยเช่นกันครับ แม้ว่าเพื่อนร่วมค่ายแบบ TAYCAN จะเป็นจอสัมผัสล้วน แต่คันนี้กลับกลายเป็นปุ่มและเน้นระบบแมนนวลเป็นหลักซึ่งหลายๆคนน่าจะชอบแบบนี้มากกว่า และ เส้นสายภายในถือว่าสวยลงตัว แม้ว่าแสงสีอาจจะไม่ได้เยอะแบบพวก A7 A8 เท่าไรนักครับ ส่วนวัสดุงานประกอบในตัวนี้ถือว่าคุณภาพแน่น สมราคา และ วัสดุค่อนข้างทำผิวสัมผัสได้เนียนลงตัวเอาเรื่อง
เมื่อดูช่องแอร์แน่นอนว่าจะวางอยู่ตำแหน่งค่อนข้างต่ำ แต่ก็สามารถใช้งานได้ไม่มีปัญหาครับแอร์จะไม่เป่ามือเวลาขับและยังคงปรับแบบมือได้ไม่ต้องผ่านหน้าจออะไรให้ยุ่งยากและเราจะเห็นส่วนควบคุมแอร์ทั้งหมดเป็นแบบปุ่มจริงๆ แยกซ้าย ขวา และ มีหน้าจอดิจิทัลเสริมให้ครับ เพราะว่าในรุ่นก่อนๆมีผู้ใช้งานหลายคนไม่ค่อยชอบแบบจอสัมผัส ทำให้รุ่นใหม่ๆตอนนี้ AUDI ปรับมาใช้งานแบบปุ่มกดจริงๆอีกครั้ง และ เราจะเห็นว่าคอนโซลกลางค่อนข้างโล่งเพราะได้ปรับเกียร์เป็นแบบสวิทช์ไฟฟ้าเรียบๆแล้วทำให้ดูโล่งขึ้นและดีไซน์มีไฟส่องข้างล่างดูคล้ายๆปุ่มลอยขึ้นมา ส่วนทางด้านหน้าจอหลัก MMI รองรับ Apple Carplay สัมผัสติดนิ้ว แต่ในแง่ของ UI UX อาจจะเรียบๆไม่ได้หวือหวาแบบค่ายอื่นๆ ยังคงเน้นความเรียบ 2D มากกว่าเน้นสีดำแดงขาวเช่นเดิมครับ ซึ่งถ้าไปมองค่ายอื่นๆตอนนี้เน้นแสงสีหวือหวา และ 3D UI กันไปแล้วอันนี้ก็แล้วแต่ชอบเลยทำให้ถ้าชอบแสงสี หวือหวา ค่ายนี้อาจจะไม่ตอบโจทย์
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้