สวัสดีเพื่อนๆทุกคน ชวนเพื่อนมาอ่านประสบการณ์ของเราดีกว่า จะยาวยืดไปหน่อย แต่ขอบคุณเพื่อนที่สละเวลามาอ่านนะคะ

เมื่อพ่อ พี่ชายกับพี่สะใภ้ มาทำดีตอนขอให้เราช่วย แต่เวลาเราไม่สบายกลับไม่มีใครถามหาสักคน 
คาดหวังแต่ให้เราช่วยทุกอย่าง เพื่อให้เค้าสบายตัวเอง กับพี่ชายพ่อให้ทุกอย่าง ขนาดโดนจับยาเสพติดพ่อยังหาตังประกันจ่ายให้ตำรวจเกือบหมื่น 
ส่วนตัวพ่อมีแม่ใหม่เพราะแม่แท้ๆเราเสียไปเกือบสิบปีแล้วอันนี้พอเข้าใจข้าใจพ่อได้นะ แต่ไม่พอ พ่อยังมีผู้หญิงเก็บเพิ่มมาอีก "เราขอเรียกผู้หญิงคนนี้แทนว่า "น้า"
ก็แล้วกันเนอะ' คือเมื่อสองอาทิตย์น้าคนนี้หรือผู้หญิงในความลับของพ่อนี่แหละ แกป่วยเส้นเลือดตีบกะทันหัน หมอเลยส่งตัวมาที่โรงพยาบาลใกล้กับบ้านเรา ต้องบอกก่อนว่าเราอยู่บ้านสามี พ่อบังคับให้เราไปเฝ้าน้า เราเลยต้องจำใจไป เพราะญาติพี่น้องน้าแกไม่มีใครมาดูแลสักคน ลูกชายกับลูกสะไภ้น้าแกมาเยี่ยมแล้วก็กลับ พ่อให้เงินติดตัวเราไว้ซื้อข้าวกิน แค่200 ตั้งแต่วันแรกที่เราไปเฝ้า 
หมอให้แอดมิดกี่คืนยังไม่ทราบ แต่เราอยู่เฝ้าให้แค่สองคืนกลับต้องรียกลับ 
น้าแกหมอสั่งงดน้ำ งดอาหาร ถึงน้าแกก็ยังดีนะ
เอาตังให้เราไปหาของกิน หลังจากนั้นไม่นาน
พ่อเราโทรมาที่น้าเค้า น้าบอกพ่อไปว่าเอาตังให้เรา
ไปหาข้าวกินแล้ว พ่อไม่พอใจเราใหญ่เลย
แล้วพูดเชิงว่าเราจ่ายตังมากเกินไป "ให้ตังมันไปแล้วล่ะเวลาหมอให้เธอออกจากโรงบาลจะเอาค่าตังที่ไหนจ่ายค่ารถกลับบ้าน" 
'เพื่อนลองคิดดูสรุปคือเราผิดใช่ป่ะ' 
อุส่าไปเฝ้าให้แล้ว พอทำไม่ถูกใจโดนต่อว่ากลับมา พอวันที่สองรุ่งเช้าเราเลยตัดสินใจกลับบ้านก่อน
บอกฝากพยาบาลไว้ว่าคนไข้ไม่มีญาติที่มาเฝ้าให้ 
ไม่ได้เป็นอะไรกัน ฝากพยาบาลดูแลต่อให้ด้วย
น้าแกก็เดินได้เองปกติแล้ว หมอแค่ให้น้ำเกลืออย่างเดียว "เพื่อนคิดยังไงเราทำถูกเปล่าที่เรากลับบ้านก่อน เราไม่ไหวจริงๆ อีกอย่างอาการป่วยภูมิแพ้เราก็กำเริบ"
นี่ผ่านมาสองอาทิตย์กว่าแล้ว ตั้งแต่เรากลับ
จากโรงบาล พ่อไม่ติดต่อหาเราเลย
เพิ่งจะโทรมาเมื่อวาน ไม่ใช่ถามเรื่องอะไรหรอก จะให้เราหลาวดูแลพ่อของอาที่ต่างจังหวัด 
ซึ่งเป็นคนป่วยติดเตียงให้อาหารทางสาย เค้าจะให้ค่าจ้างหมื่นกว่า แต่เราต้องออกตัวก่อนเลยว่าเราเข้ารับอิสลามแล้ว แต่อาหารที่ไม่ฮาลาลเราจับต้องไม่ได้เราเลยบอกพ่อไปว่าให้เค้าไปหาคนอื่นเถอะ นี่เราก็ไม่สบายหลายวันแล้ว เราก็มีครอบครัวแล้วต้องทุกอย่างในบ้านสามีและอีกอย่างงานประจำเราก็มีจะให้เราทิ้งไปได้ยังไง พ่อตอบเราด้วยน้ำเสียงแบบเซ็งๆหน่อยๆว่างั้นโอเค เดี๋ยวบอกเค้าให้ว่าไม่สะดวก
และมีคำถามหนึ่งจากพ่อ ถามแบบไม่พอใจว่าวันนั้นเรากลับจากโรงพยาบาลถึงบ้านตอนไหนแล้ว
เราตอบว่าถึงตอนเที่ยงแล้ว เท่านั้นแหละพ่อ
ก็วางไปเลย ไม่ถามสักคำว่าเหนื่อยไหม อะไรยังไงบ้างวันนี้  พอพูดครั้งหนึ่งก็พูดถึงแต่ชื่อผู้หญิงของแกพ่อแกโทรไปถามผู้หญิงคนนั้นแล้ว เค้าบอกว่าโดนคนทำของใส่ด้วย ให้หมอบ้านมาแก้เคล็ดให้แล้ว "อันนี้แล้วแต่คว่มเชื่อส่วนบุคคลเนอะเพื่อนๆ" 
ตอนนี้หายดีไปทำงานได้ปกติแล้ว 
สรุปคือถ้าไม่มีเรื่องที่เค้าเดือดร้อนต้องการให้ช่วยไม่มีใครสนใจ เข้าใจนะว่าเราโตแล้ว จะให้คนเป็นพ่อมาโอ๋เอ๋ตลอดมันก็ไม่ใช่ แต่มันผิดกันตรงที่พี่ชายเรากลับได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งทำผิดต่อครอบครัวไม่มีใครกล้าต่อว่าเลย แต่เวลาพ่อเดือดร้อนมีแค่เราคนเดียวที่ยื่นมือเข้าไปช่วยตลอด 
และแถมคนเป็นพ่อยังสร้างภาระทิ้งไว้ให้เราอีกโดยการทิ้งเราให้ดูแลผู้หญิงของพ่อแกคนเดียว โดยที่พ่อไม่เคยเอ่ยปากถามสักคำว่าเรากินข้าวหรือยัง สบายดีไหม มีแต่ถามผู้หญิงแกว่าเป็นไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง
พ่อเรามาเฝ้าไม่ได้ไงเพราะกลัวแม่เลี้ยงจับพิรุธได้ #อันนี้เราก็บอกให้เพื่อนๆฟังตรงๆเนอะ#
ส่วนกับเรา พ่อไม่ค่อยมาหาหรอก เพราะที่บ้านสามีเราไม่ค่อยสบาย หรูหราบ้าน บางทีพ่อแกแอบมาหาผู้หญิงของแก แต่ไม่บอกเราสักคำว่าแกมา เพราะบ้านสามีเรากับบ้านผู้หญิงของพ่อห่างกันไม่กี่กิโลเอง
#เราขอต่อเรื่องพี่ชายเนอะ
ตอนประกันตัวพี่ชายจากสถานีตำรวจ 
แม่เลี้ยงไม่ไปนะ แต่ผู้หญิงเก็บพ่อไป พี่ชายกับพี่สัไภ้เรา คือพวกนางประจบเก่งแหละ เรียกผู้หญิงของพ่อว่า "แม่"แล้ว เรื่องพี่ชายโดนจับยาเสพติด ตรวจเจอฉี่ม่วง ไม่มีใครบอกสักคน เราได้ทราบข่าวกับยาย
 พ่อกับพี่ไภ้ไม่กล้าบอก แล้วมีช่วงนึงพี่สะไภ้ทักมาถามว่าเป็นอะไร ถ้าเป็นเรื่องหนึ่งพี่ชายเรา
พี่ขี้เกียจบอก เราก็ว่าอืมๆถึงบอกเราก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี  ช่วงนั้นพ่อไปขอให้พี่สะไภ้ช่วยค้าประกันตัวพี่ชาย สักพันครึ่งพันก็ยังดี พี่สะไภ้บอกว่าไม่มี แต่พอไม่นานยายโทรมาบอกว่าเค้าซื้อโทรศัพท์ใหม่
เครื่องหลายพันอยู่ สุดท้ายเรารู้จากปากผู้หญิงของพ่อว่าตอนที่ไปประกันตัวพี่ชาย แกได้ให้ตังไว้กับพี่ชายหลายบาทอยู่ และยังโอนมาให้เค้าใช้อยู่เรื่อยๆ 
นี่แหละว่าเหตุที่พี่ชายกับพี่สะไภ้เรียกผู้หญิงเก็บของพ่อ ว่า "แม่"ได้เต็มปาก 
แต่คงคิดไม่ถึงหรอก ผู้หญิงคนนั้รทำดีแค่ช่วงแรกๆแหละ กะทำคะแนนแข่งกับแม่เลี้ยง ผู้หญิงคนนี้แหละจะหลอกเอาตังพ่อหมด ยังตามไม่ทันอีก 
ขอห้าร้อย พันนึงพ่อต้องหาโอนทันทีนะ 
ถ้าไม่ให้จะเลิกกับพ่ออย่างเดียว เกือบเลิกกันไปหลายรอบแล้ว มอไซค์พ่อยังดาวน์ออกมาให้ขับตั้งห้าหกหมื่น  
มาถึงตัวเราทำอะไรก็ขัดหูขัดตาเค้าไปหมด 
พี่สะไภ้ก็คลอดลูกเดือนสิงหาคมนี้แล้ว ทาบทามจะให้เราไปช่วยเลี้ยงหลาน เราบอกว่าไม่ว่าง เราก็มีภาระที่ต้องทำเหมือนกัน และอีกอย่างพี่สะไภ้กับพี่ชาย ไม่ว่าคนในครอบครัวจะเตือนอะไรไม่เคยฟัง ซ้ำยังทำกิริยาไม่ดีใส่เค้าอีก ตอนนี้ไม่มีใครแล้ว ก็มีแต่พ่อเราคนเดียวที่ยังช่วยเหลืออยู่ ส่วนพ่อแม่และพี่น้องของฝั่งพี่สะไภ้เค้าก็รับไม่ได้แล้วเหมือนกัน
 เลยตัดไม่ยุ่งอีกเลย
พี่ชายเราระหว่างนี้อยู่ในช่วงรอศาลตัดสิน
ถ้าไม่มีตังจ่ายให้ศาลก็ติดอยู่หลังกำแพงประมาณปีสองปีไม่รวมกับคดีเก่าที่เคยมีประวัติมาหลายครั้งนะ
 ไม่ได้จะอิจฉาอะไรพี่ชายตัวเองหรอกนะ แต่สงสารพ่อมากกว่า ช่วยคนไม่สำนึกก็ช่วยกันตลอดชีวิตแหละ วันที่ประกันตัวพ่อบอกเราพี่ชายยังพูดอยู่เลยว่าถ้าหลุดออกไปได้จะทำอีก รอบนี้เอาให้หนักกว่าเดิม ก็ลำบากพ่ออีกนั้นแหละ ส่วนพี่สะไภ้พูดว่าเคยเตือนหลายครั้งแล้วว่าอย่าทำๆแต่ไม่ฟังว่า #อันนี้ที่พูดไม่ทราบเหตุผลทที่แฝงไว้นะ" ถ้าเป็นเราและเพื่อนๆคงเลิกไปนานแล้ว ไม่มีใครทนอยู่ได้มาเป็นสิบกว่าปีหรอก ถ้ารู้ว่าคู่ชีวิตทำสิ่งผิดกฏหมาย 
ส่วนตัวเราก็ยังเป็นตัวเราเหมือนเดิม และจะเป็นคนที่โตกว่า กว่าที่ที่เรามา เพราะการเป็นคนอื่นเป็นได้ไม่นาน เป็นตัวเองเป็นได้ตลอดไป
ความเป็นครอบครัวเรายังคงเช่นเดิมนะ ไม่โกรธใคร แค่เสียความรู้สึกไปสักหน่อย แต่ก็จะอยู่ห่างๆ
เว้นระยะให้เราได้พักกับเรื่องหนักๆบ้างแล้วแหละ
#เอาล่ะเราขอจบเรื่องของเราไว้แค่นี้ก่อน 
#ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ🥰
#คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นแบบสุภาพไร้คำหยาบไว้ได้นะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่