พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักครับ
หนึ่งในภารกิจสำคัญของประเทศไทยในช่วงนี้ ถือเป็นอีก "วาระชาติ" ของเรา คือ การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเอ็กซ์โปวาระพิเศษ
(Specialised Expo) ภายใต้ชื่อ Expo 2028 Phuket Thailand ระหว่างวันที่ 20 มีนาคม - 17 มิถุนายน 2571 ณ จังหวัดภูเก็ต ภายใต้แนวคิด "ชีวิตแห่งอนาคต แบ่งปันความรุ่งเรือง อยู่ร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว" (Future of Life : Living in Harmony, Sharing Prosperity) โดยการเป็นเจ้าภาพ Expo นี้ จะเป็นครั้งแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่จะสร้างคุณประโยชน์และมูลค่าทางเศรษฐกิจ ไม่เพียงแต่กับคนไทย แต่รวมไปถึงทั้งภูมิภาคนี้อีกด้วย
ซึ่งมีการประเมินในเบื้องต้นว่า หากประเทศไทยได้รับการคัดเลือกเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ ก็จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 49,000 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) กว่า 39,357 ล้านบาท เกิดการจ้างงานได้มากกว่า 113,439 ตำแหน่ง และเกิดรายได้จากการจัดเก็บภาษีกว่า 9,512 ล้านบาท ส่งผลดีในการขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่เพียงแต่เฉพาะในจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดกลุ่มอันดามันเท่านั้น แต่หมายรวมถึงเศรษฐกิจภาพรวมของ
ทั้งประเทศด้วย
สิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจในความพร้อมของเรา สำหรับบทบาทอันยิ่งใหญ่นี้ คือ
1. ประเทศไทยประสบความสำเร็จอย่างสูง ในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค 2022 ในปีที่ผ่านมา โดยได้รับความชื่นชมจากผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการเอเปค ผู้นำ/ผู้แทนประเทศ รวมทั้งผู้เข้าร่วมอื่นๆ สร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพและประสิทธิภาพของประเทศไทย ในการจัดงานระดับโลก และการเป็นเจ้าภาพที่ดีของคนไทยทั้งประเทศ
2. ประเทศไทยสามารถรับมือกับสถานการณ์โควิดได้ดีที่สุด เป็นลำดับต้นๆ ของโลก โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ให้การยอมรับและชื่นชม อีกทั้งยกให้เราเป็นต้นแบบให้กับประเทศอื่นๆ นำไปปฏิบัติ ในการรับมือกับภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขได้เป็นอย่างดี ซึ่งมี "ภูเก็ตแซนด์บอกซ์" (Phuket Sandbox) เป็นโมเดลเริ่มต้นของการทยอยเปิดประเทศได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน ภายใน 120 วัน ตามที่รัฐบาลได้ประกาศไว้ จนนำมาสู่การเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคดังกล่าวได้ในที่สุด
3. ความพร้อมของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งจะเป็นพื้นที่จัดงานฯ ได้รับการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น (1) โครงการทางพิเศษ สายกะทู้-ป่าตอง และอุโมงค์ทางลอดห้าแยกฉลอง (2) โครงการรถไฟฟ้ารางเบา ช่วงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต-ห้าแยกฉลอง และ (3) โครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) โดยให้มีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) สำหรับเป็นฐานข้อมูลกลางระดับเมือง (City Data Platform) รองรับการพัฒนาในโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เช่น โครงการท่าเทียบเรืออัจฉริยะ (Smart Piers), โครงการรถพยาบาลอัจฉริยะ (Smart Ambulance) และโครงการสนับสนุนเศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) เป็นต้น
ทั้งนี้ ในปัจจุบันภูเก็ตได้รับการจัดอันดับให้เป็น "เกาะที่ดีที่สุด" อันดับต้นๆ ของโลก เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลของภาคใต้ มีสิ่งอำนวยความสะดวกและความพร้อมในการให้บริการในระดับสากล ที่ผ่านมาสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้เป็นลำดับหนึ่งของประเทศ โดยในปี 2565 หลังสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย มีนักท่องเที่ยวมาเยือนภูเก็ต มากกว่า 5 ล้านคน เป็นชาวต่างชาติเกือบ 60% มีรายได้จากการท่องเที่ยวราว 194,000 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลมีแผนผลักดันให้ภูเก็ตเป็น "ศูนย์สุขภาพนานาชาติอันดามัน" มีระยะโครงการ 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) สำหรับผลิตแพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์ เภสัชกร เทคนิคการแพทย์ แพทย์ทางเลือก ฯลฯ รวมถึงเป็นสถานที่ทำการวิจัย/พัฒนาด้านวิชาการสาธารณสุข เป็นต้น
ซึ่งหากประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 ก็จะยิ่งสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาคมโลก อีกทั้งส่งเสริมให้ไทยก้าวสู่ความเป็น "ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ" (Medical Hub) ตลอดจนการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Wellness Tourism, Healthcare และ Green Service ให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง ในวันข้างหน้า โดยผมขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนชาวไทยและทุกภาคส่วนอีกครั้ง มาร่วมกันในภารกิจเพื่อชาติ สร้างความภาคภูมิใจ สร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวโลก แสดงออกถึงความพร้อมของเราอย่างเต็มที่ ในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมร่วมกับชาวโลกครับ
@@@ ร่วมลุ้น ภูเก็ต เป็นเจ้าภาพ specialised Expo 2028 @@@@
หนึ่งในภารกิจสำคัญของประเทศไทยในช่วงนี้ ถือเป็นอีก "วาระชาติ" ของเรา คือ การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเอ็กซ์โปวาระพิเศษ
(Specialised Expo) ภายใต้ชื่อ Expo 2028 Phuket Thailand ระหว่างวันที่ 20 มีนาคม - 17 มิถุนายน 2571 ณ จังหวัดภูเก็ต ภายใต้แนวคิด "ชีวิตแห่งอนาคต แบ่งปันความรุ่งเรือง อยู่ร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว" (Future of Life : Living in Harmony, Sharing Prosperity) โดยการเป็นเจ้าภาพ Expo นี้ จะเป็นครั้งแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่จะสร้างคุณประโยชน์และมูลค่าทางเศรษฐกิจ ไม่เพียงแต่กับคนไทย แต่รวมไปถึงทั้งภูมิภาคนี้อีกด้วย
ซึ่งมีการประเมินในเบื้องต้นว่า หากประเทศไทยได้รับการคัดเลือกเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ ก็จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 49,000 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) กว่า 39,357 ล้านบาท เกิดการจ้างงานได้มากกว่า 113,439 ตำแหน่ง และเกิดรายได้จากการจัดเก็บภาษีกว่า 9,512 ล้านบาท ส่งผลดีในการขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่เพียงแต่เฉพาะในจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดกลุ่มอันดามันเท่านั้น แต่หมายรวมถึงเศรษฐกิจภาพรวมของ
ทั้งประเทศด้วย
สิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจในความพร้อมของเรา สำหรับบทบาทอันยิ่งใหญ่นี้ คือ
1. ประเทศไทยประสบความสำเร็จอย่างสูง ในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค 2022 ในปีที่ผ่านมา โดยได้รับความชื่นชมจากผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการเอเปค ผู้นำ/ผู้แทนประเทศ รวมทั้งผู้เข้าร่วมอื่นๆ สร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพและประสิทธิภาพของประเทศไทย ในการจัดงานระดับโลก และการเป็นเจ้าภาพที่ดีของคนไทยทั้งประเทศ
2. ประเทศไทยสามารถรับมือกับสถานการณ์โควิดได้ดีที่สุด เป็นลำดับต้นๆ ของโลก โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ให้การยอมรับและชื่นชม อีกทั้งยกให้เราเป็นต้นแบบให้กับประเทศอื่นๆ นำไปปฏิบัติ ในการรับมือกับภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขได้เป็นอย่างดี ซึ่งมี "ภูเก็ตแซนด์บอกซ์" (Phuket Sandbox) เป็นโมเดลเริ่มต้นของการทยอยเปิดประเทศได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน ภายใน 120 วัน ตามที่รัฐบาลได้ประกาศไว้ จนนำมาสู่การเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคดังกล่าวได้ในที่สุด
3. ความพร้อมของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งจะเป็นพื้นที่จัดงานฯ ได้รับการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น (1) โครงการทางพิเศษ สายกะทู้-ป่าตอง และอุโมงค์ทางลอดห้าแยกฉลอง (2) โครงการรถไฟฟ้ารางเบา ช่วงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต-ห้าแยกฉลอง และ (3) โครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) โดยให้มีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) สำหรับเป็นฐานข้อมูลกลางระดับเมือง (City Data Platform) รองรับการพัฒนาในโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เช่น โครงการท่าเทียบเรืออัจฉริยะ (Smart Piers), โครงการรถพยาบาลอัจฉริยะ (Smart Ambulance) และโครงการสนับสนุนเศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) เป็นต้น
ทั้งนี้ ในปัจจุบันภูเก็ตได้รับการจัดอันดับให้เป็น "เกาะที่ดีที่สุด" อันดับต้นๆ ของโลก เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลของภาคใต้ มีสิ่งอำนวยความสะดวกและความพร้อมในการให้บริการในระดับสากล ที่ผ่านมาสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้เป็นลำดับหนึ่งของประเทศ โดยในปี 2565 หลังสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย มีนักท่องเที่ยวมาเยือนภูเก็ต มากกว่า 5 ล้านคน เป็นชาวต่างชาติเกือบ 60% มีรายได้จากการท่องเที่ยวราว 194,000 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลมีแผนผลักดันให้ภูเก็ตเป็น "ศูนย์สุขภาพนานาชาติอันดามัน" มีระยะโครงการ 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) สำหรับผลิตแพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์ เภสัชกร เทคนิคการแพทย์ แพทย์ทางเลือก ฯลฯ รวมถึงเป็นสถานที่ทำการวิจัย/พัฒนาด้านวิชาการสาธารณสุข เป็นต้น
ซึ่งหากประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 ก็จะยิ่งสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาคมโลก อีกทั้งส่งเสริมให้ไทยก้าวสู่ความเป็น "ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ" (Medical Hub) ตลอดจนการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Wellness Tourism, Healthcare และ Green Service ให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง ในวันข้างหน้า โดยผมขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนชาวไทยและทุกภาคส่วนอีกครั้ง มาร่วมกันในภารกิจเพื่อชาติ สร้างความภาคภูมิใจ สร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวโลก แสดงออกถึงความพร้อมของเราอย่างเต็มที่ ในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมร่วมกับชาวโลกครับ