ส่วนท้องถิ่นถือว่าเป็นรูปแบบการบริหารที่แตกต่างจากการบริหาร ของข้าราชการอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ทหาร ตำรวจ สำนักงาน กอง กรม
ซึ่งหน่วยงานข้างต้นนั้นจะมีระดับการบริหารหรือการควบคุม ตรวจสอบ สั่งการเป็นลำดับชั้น จนถึงกระทรวง ในแง่ของการเบิก
จ่ายงบประมาณนั้นย่อมมีการตรวจสอบเป็นลำดับเล็กสุดไปใหญ่สุด ทำให้การทุจริตมีโอกาสแต่น้อยกว่าส่วนท้องถิ่น
แต่เมื่อมาดูในรายละเอียดของส่วนท้องถิ่นซึ่งเป็นหน่วยงานราชการที่มีบุคคลากรน้อยมาก แต่ปรากฎว่าในการเบิกจ่ายงบประมาณ
ถือว่าแตกต่างจากข้าราชการอื่นๆ คือ การอนุมัติใช้จ่ายโดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ที่เอื้อหรือมีช่องทางโอกาสให้ทุจริตได้มาก
ในอีกแง่หนึ่งคือลำดับการบังคับบัญชาโดยตรงแทบจะไม่มีเลยถึงแม้ว่าส่วนท้องถิ่นจะอยู่ใน กรมการป้องครองส่วนท้องถิ่น
แต่ก็ไม่ค่อยมีบทบาทในการควบคุม สั่งการ กำหนดนโยบาย ในส่วนหน่วยงานอื่นเช่น ผู้ว่า นายอำเภอก็เป็นแค่หน่วยงานไว้
ตรวจสอบเบื้องต้นไม่เจาะลึกรายละเอียด หรือหน่วยงานที่ตรวจสอบการใช้จ่ายงบ เช่น สตง. หรือหน่วยงาน ปปช ปปท.
หรือตำรวจ ส่วนใหญ่จะตรวจสอบต่อเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น
ส่วนท้องถิ่น ณ ปัจจุบันนี้ถ้าตรวจสอบอย่างละเอียดในด้านการเบิกจ่ายงบประมาณ การกำหนดนโยบาย โครงการต่างๆ
ที่แต่ละที่กำหนดขึ้นมาเอง พอถึงขั้นตอนการเบิกจ่ายจะมี ่ จนท.การเงิน ผู้ควบคุมการเบิกจ่ายผ่านระบบ KTB ของ ธ.กรุงไทย
มันง่ายมากที่จะโยกย้ายงบประมาณไปที่ไหนก็ได้ถ้าหากไม่มีการตรวจสอบจริง
จากข่าว ที่มี จนท.ส่วนท้องถิ่น มีการยักยอกเงินของหน่วยโดยการโดนเข้าบัญชีตนเอง หรือบัญชีผู้อื่น มันสามารถทำอย่างง่ายได้
มาก เพราะการควบคุมระบบ KTB จะต้องมีการเข้ารหัส 2-3 ครั้ง แล้วหาก จนท.ผู้ทุจริตรู้รหัสทั้งหมดมันง่ายต่อการยักยอกมาก
ณ ปัจจุบันถ้าคิดวิเคราะห์ในเหตุและผล การเกิดปัญญา การบริหารหรือการกระจายอำนาจในแต่ละท้องถิ่นผมว่ายังไม่ถึงเวลา
ต้องใช้เวลาและพัฒนาระบบ หรือเปลี่ยนพฤติกรรมคนไทยในด้านของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หรือผู้จะเข้ามาบริหารหน่วยงาน
เทศบาล,อบต. คือหน่วยงานที่มีการเบิกจ่ายเงินประมาณที่ง่ายและมีโอกาสทุจริตที่สุดใช่หรือไม่
ซึ่งหน่วยงานข้างต้นนั้นจะมีระดับการบริหารหรือการควบคุม ตรวจสอบ สั่งการเป็นลำดับชั้น จนถึงกระทรวง ในแง่ของการเบิก
จ่ายงบประมาณนั้นย่อมมีการตรวจสอบเป็นลำดับเล็กสุดไปใหญ่สุด ทำให้การทุจริตมีโอกาสแต่น้อยกว่าส่วนท้องถิ่น
แต่เมื่อมาดูในรายละเอียดของส่วนท้องถิ่นซึ่งเป็นหน่วยงานราชการที่มีบุคคลากรน้อยมาก แต่ปรากฎว่าในการเบิกจ่ายงบประมาณ
ถือว่าแตกต่างจากข้าราชการอื่นๆ คือ การอนุมัติใช้จ่ายโดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ที่เอื้อหรือมีช่องทางโอกาสให้ทุจริตได้มาก
ในอีกแง่หนึ่งคือลำดับการบังคับบัญชาโดยตรงแทบจะไม่มีเลยถึงแม้ว่าส่วนท้องถิ่นจะอยู่ใน กรมการป้องครองส่วนท้องถิ่น
แต่ก็ไม่ค่อยมีบทบาทในการควบคุม สั่งการ กำหนดนโยบาย ในส่วนหน่วยงานอื่นเช่น ผู้ว่า นายอำเภอก็เป็นแค่หน่วยงานไว้
ตรวจสอบเบื้องต้นไม่เจาะลึกรายละเอียด หรือหน่วยงานที่ตรวจสอบการใช้จ่ายงบ เช่น สตง. หรือหน่วยงาน ปปช ปปท.
หรือตำรวจ ส่วนใหญ่จะตรวจสอบต่อเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น
ส่วนท้องถิ่น ณ ปัจจุบันนี้ถ้าตรวจสอบอย่างละเอียดในด้านการเบิกจ่ายงบประมาณ การกำหนดนโยบาย โครงการต่างๆ
ที่แต่ละที่กำหนดขึ้นมาเอง พอถึงขั้นตอนการเบิกจ่ายจะมี ่ จนท.การเงิน ผู้ควบคุมการเบิกจ่ายผ่านระบบ KTB ของ ธ.กรุงไทย
มันง่ายมากที่จะโยกย้ายงบประมาณไปที่ไหนก็ได้ถ้าหากไม่มีการตรวจสอบจริง
จากข่าว ที่มี จนท.ส่วนท้องถิ่น มีการยักยอกเงินของหน่วยโดยการโดนเข้าบัญชีตนเอง หรือบัญชีผู้อื่น มันสามารถทำอย่างง่ายได้
มาก เพราะการควบคุมระบบ KTB จะต้องมีการเข้ารหัส 2-3 ครั้ง แล้วหาก จนท.ผู้ทุจริตรู้รหัสทั้งหมดมันง่ายต่อการยักยอกมาก
ณ ปัจจุบันถ้าคิดวิเคราะห์ในเหตุและผล การเกิดปัญญา การบริหารหรือการกระจายอำนาจในแต่ละท้องถิ่นผมว่ายังไม่ถึงเวลา
ต้องใช้เวลาและพัฒนาระบบ หรือเปลี่ยนพฤติกรรมคนไทยในด้านของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หรือผู้จะเข้ามาบริหารหน่วยงาน