ถ้าพูดถึงมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มีประวัติศาสตร์การแข่งขันอย่างยาวนาน มีความศักดิ์สิทธิ์และมีมนต์ขลัง ก็คนหนีไม่พ้น มหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติอย่าง กีฬาโอลิมปิก มหกรรมกีฬาที่รวบรวมนักกีฬาจากทุกประเทศทั่วโลกแข่งขันกันเพื่อเหรียญรางวัลอันทรงคุณค่าที่ทุกคนปรารถนา
ถือว่าเสียดายมากๆสำหรับโอลิมปิกครั้งล่าสุดที่ผ่านพ้นไป Olympic Tokyo 2020 ที่ต้องเลื่อนการแข่งขันไป 1 ปี เนื่องจากการระบาดของเชื้อ COVID-19 ทั่วโลก และในระหว่างการแข่งขันมีการจำกัดการเข้าชมกีฬาในหลายประเภท แม้แต่คนในประเทศญี่ปุ่น ยังเข้าชมได้เพียงกีฬาบางประเภทเท่านั้น ซึ่งทำให้การแข่งขันขาดสีสันไปบ้าง แต่อย่างไรก็ตามนี่ถือเป็นการจัดโอลิมปิกฤดูร้อนอีกครั้งในรอบ 57 ปีของประเทศญี่ปุ่น นับจากที่ได้จัดครั้งแรกในปี 1964 มีหลายสิ่งที่ทำให้ผู้เขียนจดจำได้จากการดูที่บ้าน ทำให้อยากไปสัมผัสกับบรรยากาศของจริง ความยิ่งใหญ่ของมหกรรมกีฬานี้ จึงตามรอยไปชมสนามกีฬาที่ใช้จัดพิธีเปิดและปิด Olympic 2020 ที่มีชื่อว่า Japan National Stadium ผ่านการทัวร์สนามครับ

Japan National Stadium หรือสนามกีฬาประจำชาติประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่ย่านชินจูกุ เมืองโตเกียว ถูกสร้างขึ้นใหม่ทดแทนสนามกีฬาแห่งชาติเดิมที่ถูกรื้อถอนในปี 2015 เพื่อสร้างใหม่ไว้ใช้ในการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิก Tokyo 2020 ในปี 2021 มีความจุสนามทั้งสิ้น 68,000 ที่นั่ง ใช้งบในการสร้างสูงถึง 1.4 พ้นล้านดอลลาร์สหรัฐ ออกแบบโดยสถาปนิกชาวญี่ปุ่น Kengo Kuma แนวคิดหลักของสนามคือเป็นสนามที่ออกแบบเพื่อเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและทุกคนสามารถใช้ได้
สำหรับผู้ที่ต้องการอยากเข้าชมสนามกีฬาแห่งนี้ สามารถทำการจองทางออนไลน์ได้ที่
https://kokuritu-tours.jp/en ซึ่งรูปแบบการจัดทัวร์จะมี 2 แบบด้วยกันโดยจะเปิดเฉพาะบางวันเท่านั้น สามารถตรวจสอบวันที่เปิดทัวร์สนามที่เว็บไซต์ล่วงหน้า 1 เดือน
ทัวร์สนามแบบแรกคือ Japan National Stadium Tour เป็นทัวร์สนามที่จะได้สัมผัสกับลู่วิ่งรอบตัวสนามหญ้า อัฒจันทร์ บริเวณส่วนภายในห้องแต่งตัว จุดที่นักกีฬาใช้อบอุ่นร่างกาย อุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในกีฬาโอลิมปิกครั้งล่าสุด โดยสามารถชมได้โดยไม่จำกัดเวลา
ส่วนแบบที่สองคือ VIP Area & Observation Deck Tour ซึ่งมีความพิเศษกว่า มีวันที่จัดน้อยกว่า แต่ค่าเข้าชมแพงกว่าแบบแรก จะมีไกด์นำทัวร์ส่วนของ VIP Area ซึ่งส่วนที่ใช้รับแขกพิเศษจากทุกประเทศทั่วโลก และได้ของที่ระลึกสุดพิเศษเป็นถุงผ้าลายพิเศษติดไม้ติดมือไปด้วย
เนื่องจากผู้เขียนไปวันที่จัด VIP Area & Observation Deck Tour อาจจะเสียค่าเข้าชมแพงหน่อย 3,000 เยน แต่ก็ถือว่าได้ประสบการณ์ที่ดีทีเดียว เดี๋ยวผู้เขียนจะพาผู้อ่านทุกท่านไปเยี่ยมชมสนามแห่งนี้กันครับ
ผู้เขียนเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Kokuritsu-Kyogijo ซึ่งทางออกสถานีโผล่ออกมาบริเวณหน้าสนาม เผยให้เห็นบริเวณตัวสนามที่ยิ่งใหญ่ ชวนให้ตื่นเต้นตั้งแต่แรกเจอ

บริเวณโดยรอบของสนามมีการบันทึกชื่อของผู้ที่ได้เหรียญรางวัลกีฬาโอลิมปิก 2020 ในกีฬาแต่ละประเภท รวมทั้งนักกีฬาไทยทั้ง 2 ท่านก็คือ “เทนนิส”พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดหญิงที่คว้าเหรียญทองได้จากการเฉือนชนะคู่ต่อสู้ชาวสเปนไปในช่วงไม่กี่วินาทีสุดท้ายในรอบชิงเหรียญทองไปอย่างสุดมันส์ (ตอนนั้นผู้เขียนดูถ่ายทอดสดก็อดตื่นเต้นไม่ได้) และ “แต้ว” สุดาพร สีสอนดี นักมวยสากลสมัครเล่นหญิงที่คว้าเหรียญทองแดงมาได้

ผู้เขียนเดินทางไปที่จุดนัดพบที่ประตู C เพื่อเริ่มทัวร์สนาม ผู้ชมส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่นและไกด์จะพูดแต่ภาษาญี่ปุ่น ดังนั้นอาจจะต้องทำใจหน่อยถ้าอยากฟังข้อมูลเก็บรายละเอียด แต่เราสามารถถามเจ้าหน้าที่ได้ถ้าสงสัย เขาสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้

ภายในทัวร์ช่วงแรกจะพาไปที่ส่วนของ Lobby ของ VIP Area จากนั้นจะขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้น 2 เพื่อไปชมบรรยากาศภายนอกบริเวณอัฒจันทร์ของสนาม ลักษณะสีที่นั่งจัดแบบ mosaic ไล่เฉดสีให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติป่าไม้

จากนั้นไกด์จะพาขึ้นลิฟต์ขึ้นไปชั้น 3 เพื่อเข้าชมส่วนของ VIP Area ประกอบด้วยโซนรับประทานอาหาร โซนห้อง VIP โซนที่นั่งด้านนอกบริเวณอัฒจันทร์ ที่สามารถทดลองนั่งได้
ความแปลกที่แตกต่างจากสนามกีฬาอื่นๆ คือระหว่างเดินภายในสนามจะรู้สึกได้กลิ่นของไม้ เนื่องจากได้มีการใช้โครงสร้างไม้ ที่บริเวณหลังคาและโดยรอบของสนาม ซึ่งไม้ที่ใช้ เป็นไม้ที่รวบรวมจากทุกจังหวัดของญี่ปุ่น และตำแหน่งของไม้ที่ใช้สร้างโครงสร้างหลังคาสนามจะอยู่ในตำแหน่งแนวเดียวกับจังหวัดเดียวกันกับที่มาของไม้นั้นๆ

สุดท้ายไกด์จะพาขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 4 เพื่อไปที่ Observation Deck เป็นบริเวณชมวิวที่สามารถชมบรรยากาศสนามได้เต็มที่ จากมุมสูง และด้วยลักษณะสนามที่เป็นอัฒจันทร์ 3 ชั้นและลักษณะสนามเป็นแบบรูปทรงวงรี ทำให้เห็นบรรยากาศภายในสนามได้อย่างชัดเจนแม้มองจากมุมไกลสุดของสนาม

ถ้าได้สังเกตบริเวณหลังคาอีกอย่างหนึ่งนอกจากตัวโครงสร้างไม้แล้ว จะพบกับส่วนที่โปร่งแสงบริเวณบริเวณหลังคา ฝั่งเดียวกับ Observation deck ซึ่งเป็นส่วนที่สถาปนิกตั้งใจออกแบบเพื่อให้แสงแดดสามารถส่องลงมาที่กลางสนามได้ ทำให้หญ้าในสนามสามารถรับแสงแดดได้อย่างเต็มที่ในตอนกลางวันแม้ในช่วงฤดูหนาว
ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีในการทัวร์ 1 รอบ ไกด์พาลงลิฟท์ไปส่งที่ชั้น 1 และกล่าวอำลาเสร็จสิ้นการทัวร์สนาม
จากความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน บอกได้ว่าเป็นสนามที่มีความสวยภายใต้ความเรียบง่าย มีเอกลักษณ์เฉพาะที่บ่งบอกในความเป็นญี่ปุ่นได้ดี รูปแบบการจัดที่นั่งของอัฒจันทร์ภายในสนามก็จัดได้ดี สามารถมองเห็นสนามได้ชัดเจนแม้มองจากอัฒจันทร์สูงๆ ซึ่งปัจจุบันสนามกีฬาแห่งนี้หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในการจัดการแข่งขันโอลิมปิก ได้ถูกนำมาใช้ต่อในการแข่งขันฟุตบอลทั้งทีมชาติและสโมสร รักบี้ วิ่งมาราธอน ถ้ามีโอกาสอีกผู้เขียนก็อยากที่จะมาเข้าชมกีฬาที่สนามจริงๆสักครั้ง น่าจะได้ประสบการณ์ที่ดีและได้อรรถรสการชมมากเลยทีเดียว
หากใครยังไม่จุใจกับการชมสนามกีฬาแห่งชาติญี่ปุ่น และอยากซึมซับกับบรรยากาศโอลิมปิกให้มากกว่านี้อีก ไม่ไกลจากตัวสนามมากนัก มีพิพิธภัณฑ์ Japan Olympic Museum เป็นสถานที่รวมสิ่งของต่างๆที่ใช้ในการจัดแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนและฤดูหนาวที่ญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี 1964 เป็นต้นมา มีการนำเสนอข้อมูลทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่แรกเริ่มสมัยแรกในยุคกรีก ยุคใหม่จนถึงปัจจุบัน

มีจุดถ่ายรูปหลายจุด เช่น โพเดี้ยมโอลิมปิกที่เราสามารถสวมบทบาทเป็นผู้ได้เหรียญทองไปยืนบนโพเดี้ยมได้ ถ่ายรูปคู่กับหุ่นโอลิมปิก Pictogram ถ้าใครจำตอนพิธีเปิดได้ จะมีการแสดงแบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่น Olympic pictogram อันสุดโด่งดัง (สามารถหาดูได้จาก Youtube)

นอกจากนี้ยังมีส่วนที่ผู้เขียนชอบมากที่สุดก็คือ การให้ผู้เข้าชมได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมโดยให้สวมบทบาทเป็นนักกีฬาลองทำกิจกรรมต่างๆที่ทางพิพิธภัณฑ์จัดไว้ เช่น ทดสอบการทรงตัว ทดสอบความแม่น ทดสอบการกระโดด ทดสอบความพร้อมเพรียง และเทียบกับนักกีฬาโอลิมปิกว่าเราเก่งขนาดไหน ผ่านระบบเทคโนโลยีจับภาพการเคลื่อนไหวของผู้เล่นสุดไฮเทค ซึ่งน่าจะเรียกเสียงหัวเราะและสนุกไม่มากก็น้อย

หากใครได้มาเที่ยวโตเกียวและชื่นชอบกีฬาหรืออยากตามรอยมหกรรมกีฬาโอลิมปิก หาเวลาสักครึ่งวันมาเที่ยวบริเวณสนามกีฬาแห่งชาติประเทศญี่ปุ่น น่าจะได้ความสนุกไม่มากก็น้อยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ข้อมูลทั่วไป
Japan National Stadium Tour
เว็บไซต์ : https://kokuritu-tours.jp/en/
เวลาเปิด-ปิดทำการ : สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ เนื่องจากมีบางวันปิดเพราะมีการแข่งขันกีฬา โดยเว็บไซต์จะแจ้งวันเปิด Stadium Tour ล่วงหน้า 1 เดือน
ค่าเข้าชม : 1,800 เยน/คน (ผู้ใหญ่) 1,000 เยน/คน (เด็กอายุน้อยกว่า 18 ปี) สำหรับ Japan National Stadium Tour ไม่จำกัดเวลาเข้าชม
3,000 เยน/คน (ผู้ใหญ่) 1,500 เยน/คน (เด็กอายุน้อยกว่า 18 ปี) สำหรับ VIP Area & Observation Deck Tour ใช้เวลาทัวร์สนามประมาณ 45 นาที มีรอบทุก 15 นาที ทัวร์จัดเป็นภาษาญี่ปุ่น
วิธีการซื้อตั๋วเข้าชม : สามารถซื้อล่วงหน้าได้ที่เว็บไซต์ข้างต้นแล้วนำ QR code บนโทรศัพท์มือถือไปแสดงเมื่อไปถึง หรือสามารถซื้อได้ที่เค้าเตอร์ประตู E ของสนามกีฬา
วิธีการเดินทาง : สามารถเดินทางโดยรถไฟ JR มาลงที่สถานี Sendagaya จากนั้นเดินต่อประมาณ 5 นาที หรือเดินทางโดยรถไฟใต้ดิน Toei Oedo Line สถานี Kokuritsu-Kyogijo ประตูทางออก A2
Japan Olympic Museum
เว็บไซต์ : https://japan-olympicmuseum.jp/en/
เวลาเปิด-ปิดทำการ : เปิดทุกวันยกเว้นวันจันทร์ 10.00-17.00 น. (เข้าได้ถึง 16.30 น.) ถ้าวันจันทร์เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์จะเปิดและปิดในวันถัดไป และพิพิธภัณฑ์จะปิดในวันสิ้นปี วันปีใหม่
ค่าเข้าชม : 500 เยน/คน (ผู้ใหญ่) 400 เยน/คน (ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป) เด็กมัธยมหรือต่ำกว่า ฟรี (ต้องแสดงบัตรนักเรียนก่อนเข้าชม)
วิธีการซื้อตั๋วเข้าชม : สามารถซื้อได้ที่พิพิธภัณฑ์
วิธีการเดินทาง : เหมือนกับ Japan National Stadium จากนั้นเดินต่อไปจากตัวสนามประมาณ 5 นาที
[CR] ตามรอยกีฬาโอลิมปิก Tokyo 2020 ที่สนามกีฬาแห่งชาติประเทศญี่ปุ่น
ถือว่าเสียดายมากๆสำหรับโอลิมปิกครั้งล่าสุดที่ผ่านพ้นไป Olympic Tokyo 2020 ที่ต้องเลื่อนการแข่งขันไป 1 ปี เนื่องจากการระบาดของเชื้อ COVID-19 ทั่วโลก และในระหว่างการแข่งขันมีการจำกัดการเข้าชมกีฬาในหลายประเภท แม้แต่คนในประเทศญี่ปุ่น ยังเข้าชมได้เพียงกีฬาบางประเภทเท่านั้น ซึ่งทำให้การแข่งขันขาดสีสันไปบ้าง แต่อย่างไรก็ตามนี่ถือเป็นการจัดโอลิมปิกฤดูร้อนอีกครั้งในรอบ 57 ปีของประเทศญี่ปุ่น นับจากที่ได้จัดครั้งแรกในปี 1964 มีหลายสิ่งที่ทำให้ผู้เขียนจดจำได้จากการดูที่บ้าน ทำให้อยากไปสัมผัสกับบรรยากาศของจริง ความยิ่งใหญ่ของมหกรรมกีฬานี้ จึงตามรอยไปชมสนามกีฬาที่ใช้จัดพิธีเปิดและปิด Olympic 2020 ที่มีชื่อว่า Japan National Stadium ผ่านการทัวร์สนามครับ
Japan National Stadium หรือสนามกีฬาประจำชาติประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่ย่านชินจูกุ เมืองโตเกียว ถูกสร้างขึ้นใหม่ทดแทนสนามกีฬาแห่งชาติเดิมที่ถูกรื้อถอนในปี 2015 เพื่อสร้างใหม่ไว้ใช้ในการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิก Tokyo 2020 ในปี 2021 มีความจุสนามทั้งสิ้น 68,000 ที่นั่ง ใช้งบในการสร้างสูงถึง 1.4 พ้นล้านดอลลาร์สหรัฐ ออกแบบโดยสถาปนิกชาวญี่ปุ่น Kengo Kuma แนวคิดหลักของสนามคือเป็นสนามที่ออกแบบเพื่อเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและทุกคนสามารถใช้ได้
สำหรับผู้ที่ต้องการอยากเข้าชมสนามกีฬาแห่งนี้ สามารถทำการจองทางออนไลน์ได้ที่ https://kokuritu-tours.jp/en ซึ่งรูปแบบการจัดทัวร์จะมี 2 แบบด้วยกันโดยจะเปิดเฉพาะบางวันเท่านั้น สามารถตรวจสอบวันที่เปิดทัวร์สนามที่เว็บไซต์ล่วงหน้า 1 เดือน
ทัวร์สนามแบบแรกคือ Japan National Stadium Tour เป็นทัวร์สนามที่จะได้สัมผัสกับลู่วิ่งรอบตัวสนามหญ้า อัฒจันทร์ บริเวณส่วนภายในห้องแต่งตัว จุดที่นักกีฬาใช้อบอุ่นร่างกาย อุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในกีฬาโอลิมปิกครั้งล่าสุด โดยสามารถชมได้โดยไม่จำกัดเวลา
ส่วนแบบที่สองคือ VIP Area & Observation Deck Tour ซึ่งมีความพิเศษกว่า มีวันที่จัดน้อยกว่า แต่ค่าเข้าชมแพงกว่าแบบแรก จะมีไกด์นำทัวร์ส่วนของ VIP Area ซึ่งส่วนที่ใช้รับแขกพิเศษจากทุกประเทศทั่วโลก และได้ของที่ระลึกสุดพิเศษเป็นถุงผ้าลายพิเศษติดไม้ติดมือไปด้วย
เนื่องจากผู้เขียนไปวันที่จัด VIP Area & Observation Deck Tour อาจจะเสียค่าเข้าชมแพงหน่อย 3,000 เยน แต่ก็ถือว่าได้ประสบการณ์ที่ดีทีเดียว เดี๋ยวผู้เขียนจะพาผู้อ่านทุกท่านไปเยี่ยมชมสนามแห่งนี้กันครับ
ผู้เขียนเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Kokuritsu-Kyogijo ซึ่งทางออกสถานีโผล่ออกมาบริเวณหน้าสนาม เผยให้เห็นบริเวณตัวสนามที่ยิ่งใหญ่ ชวนให้ตื่นเต้นตั้งแต่แรกเจอ
บริเวณโดยรอบของสนามมีการบันทึกชื่อของผู้ที่ได้เหรียญรางวัลกีฬาโอลิมปิก 2020 ในกีฬาแต่ละประเภท รวมทั้งนักกีฬาไทยทั้ง 2 ท่านก็คือ “เทนนิส”พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดหญิงที่คว้าเหรียญทองได้จากการเฉือนชนะคู่ต่อสู้ชาวสเปนไปในช่วงไม่กี่วินาทีสุดท้ายในรอบชิงเหรียญทองไปอย่างสุดมันส์ (ตอนนั้นผู้เขียนดูถ่ายทอดสดก็อดตื่นเต้นไม่ได้) และ “แต้ว” สุดาพร สีสอนดี นักมวยสากลสมัครเล่นหญิงที่คว้าเหรียญทองแดงมาได้
ผู้เขียนเดินทางไปที่จุดนัดพบที่ประตู C เพื่อเริ่มทัวร์สนาม ผู้ชมส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่นและไกด์จะพูดแต่ภาษาญี่ปุ่น ดังนั้นอาจจะต้องทำใจหน่อยถ้าอยากฟังข้อมูลเก็บรายละเอียด แต่เราสามารถถามเจ้าหน้าที่ได้ถ้าสงสัย เขาสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้
ภายในทัวร์ช่วงแรกจะพาไปที่ส่วนของ Lobby ของ VIP Area จากนั้นจะขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้น 2 เพื่อไปชมบรรยากาศภายนอกบริเวณอัฒจันทร์ของสนาม ลักษณะสีที่นั่งจัดแบบ mosaic ไล่เฉดสีให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติป่าไม้
จากนั้นไกด์จะพาขึ้นลิฟต์ขึ้นไปชั้น 3 เพื่อเข้าชมส่วนของ VIP Area ประกอบด้วยโซนรับประทานอาหาร โซนห้อง VIP โซนที่นั่งด้านนอกบริเวณอัฒจันทร์ ที่สามารถทดลองนั่งได้
ความแปลกที่แตกต่างจากสนามกีฬาอื่นๆ คือระหว่างเดินภายในสนามจะรู้สึกได้กลิ่นของไม้ เนื่องจากได้มีการใช้โครงสร้างไม้ ที่บริเวณหลังคาและโดยรอบของสนาม ซึ่งไม้ที่ใช้ เป็นไม้ที่รวบรวมจากทุกจังหวัดของญี่ปุ่น และตำแหน่งของไม้ที่ใช้สร้างโครงสร้างหลังคาสนามจะอยู่ในตำแหน่งแนวเดียวกับจังหวัดเดียวกันกับที่มาของไม้นั้นๆ
สุดท้ายไกด์จะพาขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 4 เพื่อไปที่ Observation Deck เป็นบริเวณชมวิวที่สามารถชมบรรยากาศสนามได้เต็มที่ จากมุมสูง และด้วยลักษณะสนามที่เป็นอัฒจันทร์ 3 ชั้นและลักษณะสนามเป็นแบบรูปทรงวงรี ทำให้เห็นบรรยากาศภายในสนามได้อย่างชัดเจนแม้มองจากมุมไกลสุดของสนาม
ถ้าได้สังเกตบริเวณหลังคาอีกอย่างหนึ่งนอกจากตัวโครงสร้างไม้แล้ว จะพบกับส่วนที่โปร่งแสงบริเวณบริเวณหลังคา ฝั่งเดียวกับ Observation deck ซึ่งเป็นส่วนที่สถาปนิกตั้งใจออกแบบเพื่อให้แสงแดดสามารถส่องลงมาที่กลางสนามได้ ทำให้หญ้าในสนามสามารถรับแสงแดดได้อย่างเต็มที่ในตอนกลางวันแม้ในช่วงฤดูหนาว
ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีในการทัวร์ 1 รอบ ไกด์พาลงลิฟท์ไปส่งที่ชั้น 1 และกล่าวอำลาเสร็จสิ้นการทัวร์สนาม
จากความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน บอกได้ว่าเป็นสนามที่มีความสวยภายใต้ความเรียบง่าย มีเอกลักษณ์เฉพาะที่บ่งบอกในความเป็นญี่ปุ่นได้ดี รูปแบบการจัดที่นั่งของอัฒจันทร์ภายในสนามก็จัดได้ดี สามารถมองเห็นสนามได้ชัดเจนแม้มองจากอัฒจันทร์สูงๆ ซึ่งปัจจุบันสนามกีฬาแห่งนี้หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในการจัดการแข่งขันโอลิมปิก ได้ถูกนำมาใช้ต่อในการแข่งขันฟุตบอลทั้งทีมชาติและสโมสร รักบี้ วิ่งมาราธอน ถ้ามีโอกาสอีกผู้เขียนก็อยากที่จะมาเข้าชมกีฬาที่สนามจริงๆสักครั้ง น่าจะได้ประสบการณ์ที่ดีและได้อรรถรสการชมมากเลยทีเดียว
หากใครยังไม่จุใจกับการชมสนามกีฬาแห่งชาติญี่ปุ่น และอยากซึมซับกับบรรยากาศโอลิมปิกให้มากกว่านี้อีก ไม่ไกลจากตัวสนามมากนัก มีพิพิธภัณฑ์ Japan Olympic Museum เป็นสถานที่รวมสิ่งของต่างๆที่ใช้ในการจัดแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนและฤดูหนาวที่ญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี 1964 เป็นต้นมา มีการนำเสนอข้อมูลทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่แรกเริ่มสมัยแรกในยุคกรีก ยุคใหม่จนถึงปัจจุบัน
มีจุดถ่ายรูปหลายจุด เช่น โพเดี้ยมโอลิมปิกที่เราสามารถสวมบทบาทเป็นผู้ได้เหรียญทองไปยืนบนโพเดี้ยมได้ ถ่ายรูปคู่กับหุ่นโอลิมปิก Pictogram ถ้าใครจำตอนพิธีเปิดได้ จะมีการแสดงแบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่น Olympic pictogram อันสุดโด่งดัง (สามารถหาดูได้จาก Youtube)
นอกจากนี้ยังมีส่วนที่ผู้เขียนชอบมากที่สุดก็คือ การให้ผู้เข้าชมได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมโดยให้สวมบทบาทเป็นนักกีฬาลองทำกิจกรรมต่างๆที่ทางพิพิธภัณฑ์จัดไว้ เช่น ทดสอบการทรงตัว ทดสอบความแม่น ทดสอบการกระโดด ทดสอบความพร้อมเพรียง และเทียบกับนักกีฬาโอลิมปิกว่าเราเก่งขนาดไหน ผ่านระบบเทคโนโลยีจับภาพการเคลื่อนไหวของผู้เล่นสุดไฮเทค ซึ่งน่าจะเรียกเสียงหัวเราะและสนุกไม่มากก็น้อย
หากใครได้มาเที่ยวโตเกียวและชื่นชอบกีฬาหรืออยากตามรอยมหกรรมกีฬาโอลิมปิก หาเวลาสักครึ่งวันมาเที่ยวบริเวณสนามกีฬาแห่งชาติประเทศญี่ปุ่น น่าจะได้ความสนุกไม่มากก็น้อยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้