เคยดูที่ คุณจ๋า ยศศิณี ผู้จัดเขาให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “สำหรับตัวละคร หมอปุริม เรามองว่าเขาเป็นคนที่ไม่คาดหวังแล้วกับชีวิต คือเขารู้สึกว่าเขาปล่อยเฉยเค้าไม่มีโกลล์แล้ว เค้าทำ ๆ ทุกอย่างตามที่พ่อแม่สั่งไปจนวันตาย แล้วเขาก็แค่ตายไป เพราะฉะนั้นเจมส์ จะต้องเล่นตั้งแต่ Give up ในชีวิต จนชีวิตมีความหมายขึ้นมา และพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อสิ่งที่ที่ตัวเองต้องการ สำหรับตัวละคร มาตาลดา ยอมรับว่าช้อยส์แรกก็ต้องเป็นเต้ย ตัวละครนี้ ทุกคนเห็นเป็นเต้ย เเต่มันจะท้าทายเต้ยเหรอในฐานะนักแสดง ใคร ๆ อาจจะเห็นว่ามาตาเป็นเด็กใส ๆ สนุกสนานร่าเริง ช่วยเหลือทุกคนมีไมตรีจิต แต่จริง ๆ ไม่ใช่ มาตาคือผู้หญิงที่ผ่านชีวิตที่ยากลำบาก โดนเพื่อนล้อ มาตาลูกตุ๊ด เห็นพ่อโดนปู่ตี เห็นพ่อหัวแตก เห็นพ่อนอนร้องไห้ คือผ่านชีวิตที่ยากแต่เขาเลือกที่เขาจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เพราะเขาเชื่อว่าเขามีได้ เต้ยจะต้องเล่นในแบบที่คนไม่คิดว่าเต้ยจะเล่นแบบนี้ มาตาลดา พูดทุกอย่าง เนี่ยเขาหมายความตามนั้นทุกอย่างพร้อมที่จะเข้าใจคนอื่น เข้าใจความเจ็บปวดนี่คือบทที่ยากมากสำหรับเต้ย
บทเหมือนจะใส ๆ ไม่มีอะไร แต่มีอะไรเยอะเหมือนกัน นะเนี่ย ทั้งเรื่องบริบทที่เกี่ยวโยงกับความสัมพันธ์ในครอบครัว ไปจนถึงความซับซ้อนภายในจิตใจของตัวละคร อยากรู้ตอนต่อไปเลยว่า คู่นี้เขาจะขุดทักษะทางการแสดงเลเวลไหน มามัดใจคนดูอย่างเรา ๆ ได้อีก
ทำไม “ละครมาตาลดา” พระนางถึงต้องเป็น “เจมส์จิ-เต้ย”