ระบายความในใจ ความอึดอัด

7ปีเจอทั้งสุขบ้างทุกข์บ้าง เป็นรสชาติของคำว่าชีวิตคู่ หนักเอาเบาสู้มาด้วยกันจนถึงวันนี้วันที่เราคิดว่าเรามาได้ไกลเกินเป้าหมายที่เราตั้งไว้  แต่งงานกันแรกๆทะเลาะกันบ่อยเพราะยังเด็กยังไม่มีวุฒิภาวะพอ ทะเลาะกันไม่จบไม่สิ้นเกือบจะ2ปี จนคิดว่าคงจะไปกันไม่รอด แต่มันมีอยู่สิ่งนึงที่ทำให้เราก้าวผ่านมันมาได้คือเราโดนคำครหาต่างๆเพราะไม่ได้เรียนมหาลัยไม่มีใบปริญญา กว่าจะผ่านมันมาได้เราดิ้นรน ขยัน ประหยัด อดออม นอนดึกตื่นเช้าชีวิตมีแต่ไร่อ้อยไร่มัน บางวันกว่าจะขึ้นมันเต็มรถทุ่มสองทุ่ม รีบไปโรงแป้งบางทีไปถึงหยุดรับรถ ต้องนอนรอลงตอนเช้าทั้งๆที่ข้าวก็ยังไม่ได้กิน เสื้อผ้าจะเปลี่ยนก็ไม่มี ที่นอนหมอนมุ้งก็ไม่ได้เตรียมไป แต่ทำไมมันมีความสุขมันทำให้เรารักกันเข้าใจกัน ต่างฝ่ายต่างทะนุถนอมน้ำใจกัน ให้กำลังใจกัน พูดอะไรเปิดใจรับฟังกัน พอเวลาทะเลาะกันคนนึงโกรธคนนึงก็เงียบ  แต่มาถึงวันนี้วันที่มีทุกอย่างที่เราตั้งเป้าหมายไว้ มีอาชีพที่เลี้ยงชีพจุนเจือครอบครัวได้ มันกลายเป็นว่าเธอหาคนเดียว คิดวางแผน บริหารคนเดียว มันไม่ใช่เราช่วยกันเหมือนเมื่อก่อน ใันเลยทำให้เธอเหนื่อย ปวดหัว หงุดหงิด คำพูดบางคำที่พูดกัน ทำให้เราที่เป็นคนฟังรับรู้ได้ว่าเราคือภาระ เราช่วยอะไรเกี่ยวกับธุรกิจเราช่วยเธอไม่ได้เลย อันนี้มันก้คือเรื่องจริงเราไม่มีสมองด้านไหนสักด้านนอกจากการทำตามคำสั่ง เราถึงต้องดิ้นรนทำทุกอย่าง ทั้งขับรถตัก ขับรถดั้มมัน ขับรถไถ เราก็ไม่เคยนิ่งดูดาย ไม่เคยอยู่เฉยๆ เพราะไม่อยากถูกมองว่าเป็นตัวภาระที่ช่วยทำอะไรก็ไม่ได้ แต่ก็ยอมรับความจริงว่าขีดความสามารถเรามีไม่ถึง ไม่สามารถส่งเสริมธุรกิจให้มันได้ดีกว่านี้ อย่างบางคนเมียเขาหาตลาดบริหารที่ขายมัน ผัวมีหน้าที่ขับรถอยู่ลานผัวอาจจะออกความเห็นในบางเรื่อง แต่เราผัวเป็นทุกอย่างหาตลาด หาที่ขาย ตักมันควบคุมทุกอย่างในลาน ทั้งดูแลเรื่องรถ ทั้งทำงานไร่ใส่ปุ๋ยอ้อย เข้าใจว่าเหนื่อย    คำพูดบางคำคนพูดกับคนฟังความรู้สึกมันต่างกัน คนที่เคยยอมเคยเป็นน้ำก็ยอมๆอยู่อย่างนั้น คนที่เป็นไฟก็เป็นไฟจนเคยชิน เราเองก็คงเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน บางครั้งก็มีตะโกนตอบโต้บ้าง ปล่อยผ่านบ้าง แต่ใดๆ มันคือความรู้สึกที่มันอัดอั้นเพราะไม่อยากทะเลาะ แต่ความอดทนของคนมันมีขีดจำกัด เพราะคำว่ากลับบ้านไป๋กับคำว่าหนีๆไป๋ เราก็รู้ว่าเราฝืนทำใจยอมรับฝืนยิ้มให้กับทุกสถานการณ์ไม่ได้ คนฟังมันปล่อยผ่านตลอดไม่ได้ ใจเราเรายังห่วงงาน อยากช่วยแต่อยู่ไปมันทำให้เรารู้สึกว่าอึดอัด อยู่ไปมีแต่ทุกข์มีแต่ร้องไห้  หดหู่  จนมันทำให้รู้สึกว่าไม่อยากอยู่ในจุดๆนี้ไม่รวยไม่มีหน้ามีตาทางสังคมก็ไม่เอาแล้ว   คำว่าไม่รวยคำว่าพอมีกินมันอาจจะมีความสุขกว่าการมีให้คนมองว่าเรารวยก็ได้  ต่อให้ต้องกินป่นกินแจ่ว  มันอาจจะมีความสุขกว่าการกินข้าวกล่องกินข้าวร้านอาหาร  ด้วยภาระความรับผิดชอบที่มันมากขึ้นสำหรับเขามันทำให้เหนื่อยให้หงุดหงิด ไม่มีเวลาที่จะมาปรับจูนความเข้าใจกัน มันก็ไม่แปลกเลยที่ความรักมันจะจืดจาง จนกลายเป็นต่างฝ่ายต่างอยู่ต่างฝ่ายต่างไม่สนใจกัน ไปโฟกัสกันเรื่องรายรับรายจ่ายภาระหนี้สินต่อเดือน บลาๆ    ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลของใครของมัน จนทำให้วันนี้เราก็กลับมาอยู่บ้านกับพ่อกับแม่ตามที่เขาบอก กลับมาแล้วสบายใจ ถึงจะมีคิดถึงบ้าง ร้องไห้บ้างแต่ก็พยายามผ่านมันไปให้ได้ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดขาดกันจริงๆทรัพย์สินก็ยังไม่ได้ตกลงว่าจะแบ่งกันหนี้สินก็ยังไม่ได้ตกลงว่าจะแบ่ง พยายามจะรีบให้คำตอบกับตัวเองและเธอให้เร็วที่สุดจะได้ไม่ทำให้เสียเวลา ถ้าเกิดวันนึงเธออาจจะหาคนมาช่วยส่งเสริมมาหนุนธุรกิจให้รุ่งเรืองกว่ามาช่วยแบ่งเบาภาระการหาตลาดที่มันเกี่ยวกับธุรกิจได้    เราอยากเป็นคู่ชีวิตที่ใช้ชีวิตร่วมกันไปจนแก่จนตายจากกันแต่ปัญหาที่เข้ามามันทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่เหมาะกับเธอเลย

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
เข้าใจเลยค่ะ เราเองก็เคยผ่านอะไรมาแบบจขกท. เรากับแฟนเก่าคบกันมาตั้งแต่เรียนมหาลัยปี1 จนถึงตอนทำงาน (5ปี) ตอนช่วงมหาลัยลำบากมาก เงินไม่ค่อยมี(เพราะขอตังพ่อแม่กันอยู่) รถยนต์ก็ไม่มี ที่พักก็คับแคบ แต่จะบอกว่าช่วงนั้นคือมีความสุขกันมากค่ะ กินอยู่แบบประหยัด กินข้าวตามสั่งจานไม่กี่บาทหรือทำกินกันเอง ไปไหนมาไหนก็ใช้วิธีเดินหรือไม่ก็รถเมล์ นอนก็นอนเบียดกันบนเตียงแคบๆ ซึ่งถึงจะลำบากหน่อยแต่เราก็มีความสุขและรักกันมาก ทะเลาะกันบ้างแต่ก็จะรีบเคลียกันให้จบไม่มีคั่งค้าง

แต่จุดเปลี่ยนมันอยู่ในช่วงทำงานค่ะ พอเรียนจบเขามีงานทำ มีเงินเดือนครึ่งแสนตั้งแต่จบใหม่ มีรถยนต์ มีบ้านกว้างขวาง หน้าที่การงานฐานะการเป็นอยู่ทุกอย่างคือดีมากๆ แต่เรากลับไม่มีความสุขเลย เพราะเขาเอาแต่ทำงาน เข้างาน 8 โมงเลิกงานตี3 เสาร์อาทิตย์ก็ไม่ยอมหยุด อยู่ในช่วงบ้างานไฟแรงสุดๆ กลายเป็นว่าเราเหมือนอยู่ตัวคนเดียวค่ะ เรากับเขาทำงานอยู่คนละจังหวัดไม่ค่อยได้เจอกัน แต่เราจะเป็นคนเอ่ยปากว่าจะขอไปเที่ยวหาบ้าง เขาก็เอาแต่บ่ายเบี่ยงว่าไม่ว่าง แชทเขาก็ไม่ค่อยจะตอบเราเพราะเขาบอกว่าเขาทำแต่งานไม่ว่างจับมือถือ ซึ่งเราเห็นเขาเล่นเฟสทั้งวันค่ะ พอเราพูดอะไรนิดหน่อยเขาก็จะหงุดหงิด โมโห บอกว่าเราไม่เข้าใจเขา เขาเครียดเรื่องงานมากพอแล้วยังต้องมาเครียดเรื่องเราอีกหรอ อะไรแบบนี้ค่ะ แรกๆ เราเสียใจมากนะคะ เรานี่โทรไปบ่นไปร้องไห้กับเพื่อนบ่อยจนเพื่อนรำคาญเลย 555555 สรุปเราทนไม่ได้ เราคบกับเขาแล้วเราไม่มีความสุขเลย ชีวิตมีแต่ความเหงา ความโดดเดี่ยว ความเศร้า ร้องไห้คนเดียวปลอบใจตัวเองจนชิน สุดท้ายเลยตัดสินใจบอกเลิกค่ะ ซึ่งแฟนก็ไม่ได้แคร์อะไร เลิกก็เลิก เพราะเขาก็อยากอยู่คนเดียวเหมือนกัน แต่พอผ่านไป 5 วันเขาร้องไห้ฟูมฟายมาขอคืนดี ขอโอกาส แต่เราไม่กลับไปละค่ะ เพราะพอเลิกกันแล้วเราสบายใจมาก มีความสุขมากขึ้น

เราเป็นกำลังใจให้จขกท.นะคะ คนรักควรเป็นคนที่ทำให้เรามีความสุข ไม่ใช่มอบแต่ความทุกข์ให้เราค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่