JJNY : กางรธน.ยันตำเเหน่งปธ.สภา│"จาตุรนต์"เผยวงใน"เพื่อไทย"หารือชื่นมื่น│‘วิโรจน์’ตอกกลับผู้การทางหลวง│ศธ.อึ้ง น.ร.ออก

นายก ส.ทนายความ กาง รธน.ยันตำเเหน่ง ปธ.สภากำหนดนายกฯ-ผลักดันกม.ตามใจชอบไม่ได้ ต้องเหมาะสมทั้งคุณวุฒิ-วัยวุฒิ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4003884
 
 
นายก ส.ทนายความ กาง รธน.ยันตำแหน่ง ปธ.สภากำหนดนายกฯ-ผลักดัน กม.ตามใจชอบไม่ได้ แนะต้องตั้งคนที่มีทั้งวัยวุฒิ-คุณวุฒิ ได้รับการยอมรับ
 
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับเรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ความว่า 

ตามที่สังคมไทยเกิดกรณีถกเถียงเกี่ยวกับความเหมาะสมของผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมีการอ้างเหตุผลที่มีลักษณะเป็นการบิดเบือนจนอาจนำไปสู่ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของสาธารณชน สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยจึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ดังนี้

(1) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 116 และ 117 สภาผู้แทนราษฎรมีประธานสภาคนหนึ่ง และรองประธานสภาหนึ่งคน หรือสองคน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากสมาชิกตามมติของสภาและดำรงตำแหน่งจนสิ้นอายุของสภาผู้แทนราษฎร
 
(2) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 119 ประธานสภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจหน้าที่ดำเนินกิจการของสภาให้เป็นไปตามข้อบังคับของสภา และต้องวางตนเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้น การที่พรรคการเมืองบางพรรคอ้างว่าจะต้องให้คนของพรรคตนดำรงตำแหน่งเพื่อผลักดันร่างกฎหมายสำคัญจึงเป็นการบิดเบือน เพราะการบรรจุวาระการพิจารณาร่างกฎหมาย จะต้องเป็นไปตามลำดับของร่างกฎหมายที่ได้ยื่นต่อสภา ส่วนการเลื่อนวาระไม่อาจกระทำได้ยกเว้นเป็นมติของที่ประชุมสภา ประธานจึงไม่มีอำนาจบรรจุ หรือเลื่อนวาระ หรือใช้ดุลพินิจได้ตามใจชอบ

(3) ส่วนการประชุมเพื่อลงมติเลือกตั้งผู้ที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อันเป็นการประชุมรัฐสภานั้น สามารถเสนอชื่อได้จนกว่าจะได้รับเลือก และหากรัฐสภาให้ความเห็นชอบด้วยเสียงเกิน 376 เสียงให้ผู้ใดดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะต้องนำรายชื่อนั้นขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อให้พระมหากษัตริย์ทรงมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 จึงไม่อาจสลับเอารายชื่อบุคคลอื่นขึ้นทูลเกล้าฯได้ตามที่สื่อมวลชนบางสำนักนำเสนอ
 
โดยที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 80 บัญญัติให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา จึงเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญยิ่งเพราะเป็นประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นหนึ่งในอำนาจอธิปไตยของประเทศ อันเป็นตำแหน่งที่เป็นทั้งสัญลักษณ์และหน้าตาของประเทศ ดังนั้น ผู้ที่ควรได้รับการเสนอชื่อจึงควรมีความเหมาะสมทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ รวมทั้งต้องได้รับการยอมรับทั้งจาก ส.ส.ของพรรคการเมืองอื่น และจาก ส.ว. เพราะจะต้องทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมของทุกฝ่ายมิได้เป็นเพียงประธานของพรรคการเมืองที่เสนอชื่อเท่านั้น การเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งจึงควรคำนึงถึงการยอมรับจากทุกฝ่าย และประโยชน์สูงสุดของประเทศ

https://www.facebook.com/lawyerassn/posts/pfbid0kvbSiRmugKKeNn5Kezbgiokie3apsKNc2d4LD5RVQv6ym9g9PekJ1AVfxePNSjJEl


 
"จาตุรนต์" เผยวงใน "เพื่อไทย" หารือชื่นมื่น เดินหน้าหนุน "ก้าวไกล" ตั้งรัฐบาลเต็มตัว
https://siamrath.co.th/n/450732

เมื่อวันที่ 29 พ.ค.66 นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย  ทวิตการประชุมแกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุว่า
 
“วันนี้ยิ้มแย้มแจ่มใส เพราะคุยกันได้ข้อสรุปดีๆก็คือที่ หัวหน้าพรรคกับเลขาฯพรรคแถลงไปแล้ว นอกนั้นยังเตรียมการหารือเกี่ยวกับการตั้งรัฐบาลที่จะพบกันพรุ่งนี้

เพื่อไทยยืนยันเดินหน้าเต็มตัวร่วม และสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลที่มีก้าวไกลเป็นแกนนำ มินิฮาร์ทนี่คนที่อายุน้อยที่สุดในรูปเป็นผู้นำครับ”
 
https://twitter.com/chaturon/status/1663189800709677057
 

 
‘วิโรจน์’ ตอกกลับผู้การทางหลวง ผิดบรรทุกเกินก็ทำตาม กม. ตำรวจจะมาอ้างเก็บส่วยไม่ได้!
https://www.matichon.co.th/politics/news_4003808

‘วิโรจน์’ ตอกกลับผู้การทางหลวง ผิดบรรทุกเกินก็ทำตาม กม. ตำรวจจะมาอ้างรีดไถ เก็บส่วยไม่ได้ แก้ปลายทางให้ถูก
 
นับตั้งแต่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งข้อสงสัยว่าทำไมรถบรรทุกหลายคันถึงมีสติ๊กเกอร์แบบเดียวกันติดเอาไว้ ภายหลังได้รับการยืนยันว่าเป็น ส่วยทางหลวง หรือ ส่วยอีซี่พาส (Easy Pass) สามารถผ่านด่านตรวจบนท้องถนน

กระทั่ง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ระบุว่า หลังจากนี้เตรียมพบกับนายวิโรจน์ ผู้ถูกขนานนามว่าเป็นดาวรุ่ง ดาวฤกษ์ ดาวอะไรก็แล้วแต่ แต่ตนเห็นว่าเป็น “อุกกาบาต” มาทลายระบบส่วยให้หมดไปจากประเทศไทย
 
ไปจนถึง สมาคมนายกสมาคมขนส่งสินค้าภาคอีสาน ระบุว่า สติ๊กเกอร์อีซี่พาสมีมานานแล้ว หลายแบบ พอแบบเดิมหมดอายุก็เปลี่ยนใหม่ นิยมในกลุ่มของรถบรรทุกที่บรรทุกน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน เชื่อว่าทำกันเป็นขบวนการ ขอให้ช่วยกวาดล้าง
 
ขณะที่ พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (ผบก.ทล.) ระบุบางช่วงบางตอนว่า ปัญหาเรื่องนี้พื้นฐานเกิดจากการบรรทุก เกิดจากการค้า การเอาเปรียบ ดังนั้น ปัญหาต้องถูกแก้ไขทุกประเด็นตั้งแต่ต้นตอถึงปลายทาง ทั้งนี้ ปัญหาคือเรื่องบรรทุกหนัก เรื่องส่วยเป็นปลายเหตุ การแก้ปัญหาเรื่องรถบรรทุกหนักให้หมด หรือเบาบางลงก็ต้องแก้ในภาพรวม
 
ผบก.ทล.บอกด้วยว่า การทำสติ๊กเกอร์ หรือป้ายต่างๆ จากข้อมูลที่ได้ประสานกับสหพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยมาก่อนหน้านี้ก็พบว่ามีภาคเอกชน กลุ่มผู้ประกอบการขนส่ง รวมตัวกันทำสติ๊กเกอร์หรือป้ายต่างๆ แต่ที่ต้องตรวจสอบก็คือมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ หากพบก็ต้องดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญา เพราะเป็นตำรวจก็ต้องรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่ตัวเอง ถ้าเป็นตำรวจแล้วเงินเดือนไม่พอกินก็ไปทำอาชีพอื่น

ล่าสุด ช่วงดึกวันที่ 29 พฤษภาคม นายวิโรจน์ กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า
 
ต้นเหตุจะเป็นอะไรก็ช่าง แต่ตำรวจจะเอามาอ้างเป็นเหตุในการรีดไถ เก็บส่วยไม่ได้!!! ผิดกฎหมายก็จับ ปรับ ดำเนินคดี กฎหมายไม่สอดคล้องในทางปฏิบัติ ไม่ทันสมัย โทษไม่สมสัดส่วน มีช่องว่างให้เรียกรับผลประโยชน์ ก็แก้ไขกฎหมายให้เหมาะสม ต้นทางจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ แต่ปลายทาง มันต้องไม่ใช่ “ส่วย” แน่ๆ

https://www.facebook.com/wirojlak/posts/748256827090874
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่