JJNY : นันทนามอง ‘พิธา เอฟเฟกต์’แง้มกะลา│‘หมอจบใหม่’ ลาออกระนาว│ดาราสาวดีกรีคุณหมอลาออก│อนุสรณ์ บี้หยุดรบ.เสียงข้างน้อย

นันทนา มอง ‘พิธา เอฟเฟกต์’ แง้มกะลา สร้างมูลค่าเพิ่มอย่างแรง! สินค้าท้องถิ่นเปรี้ยง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4013470


 
นันทนา มอง ‘พิธา เอฟเฟกต์’ แง้มกะลา สร้างมูลค่าเพิ่มอย่างแรง! สินค้าท้องถิ่นเปรี้ยง
 
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน สืบเนื่องกรณี สุราพื้นบ้าน จำหน่ายหมดเกลี้ยงหลายแหล่ง หลังนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เอ่ยถึงชื่อแบรนด์ สังเวียน สุราขาวแห่งเดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี และ Kilo Spirits แห่งกระบี่ ในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 นอกจากนี้ ยังส่งผลแบบต่อเนื่องถึงแบรนด์อื่นๆ

รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก ให้สัมภาษณ์ ‘มติชน’ ต่อกรณีดังกล่าว ว่า พิธา เอฟเฟ็กต์ กำลังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าท้องถิ่นอย่างแรง เริ่มต้นจากสุรา ต่อไปคงจะกลายเป็นเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวและข้าวของพื้นบ้าน ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ค่อยๆ แง้มกะลาของรัฐบาลเดิมซึ่งครอบไว้ ทำให้คนไทยไม่ได้รับรู้ถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นมากมาย นอกจากนี้ ยังเป็นการ ทำการตลาด ให้กับ นโยบายสุราก้าวหน้า ของพรรคก้าวไกลเองด้วย
 
เพียงแค่พูดชื่อออกมา ก็เหวอแล้ว โอ้! มีเหล้าชื่อนี้ด้วยหรือ ทั้งชีวิตรู้จักแต่แม่โขง หรือถ้าเป็นเบียร์ก็รู้จักแต่พวกสิงสาราสัตว์ เป็นการกระตุ้นรายได้ท้องถิ่น ส่งเสริมภูมิปัญญาชาวบ้าน และสร้างเสน่ห์วัฒนธรรมชุมชนที่จะส่งผลถึงการท่องเที่ยวด้วย เรียกได้ว่า คุณพิธา กำลังใช้ซอฟต์เพาเวอร์เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ทำให้สุราท้องถิ่นและคราฟต์เบียร์ได้แจ้งเกิด โดยการที่จะผลักดันกฎหมายสุราก้าวหน้าให้เป็นจริงในอนาคต” รศ.ดร.นันทนา กล่าว

ส่วนประเด็นที่ว่า ทำไมเพียงคำพูดจากปาก พิธา เพียงไม่กี่ประโยค จึงส่งผลทางการตลาดถล่มทลาย รศ.ดร.นันทนา วิเคราะห์ว่า เพราะในเวลานี้ พิธา คือ เซเลบ
 
ไม่ว่าจะเดิน จะยิ้ม จะพูด คนติดตามตลอด เพราะเขาเชื่อมั่นในตัวผู้นำที่อายุน้อยคนนี้ พอออกมาพูดถึงผลิตภัณฑ์พื้นบ้านมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวประเภทอันซีน คนไทยทั่วไปก็อยากมีประสบการณ์ร่วมกับคุณพิธา เลยกลายเป็นพรีเซ็นเตอร์ หรือเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้สินค้าบ้านๆ ที่คนไทยอาจไม่เคยสัมผัส ไม่เคยรู้จักมาก่อนไปโดยปริยาย เพราะฉะนั้น ปรากฏการณ์นี้ต้องถือว่าเป็นการเริ่มต้นทำงานทันทีหลังเลือกตั้ง
 
และทันทีที่ทราบว่า พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล พิธาและทีมก้าวไกลก็ทำงานเลย ถามว่า ตรงนี่มันสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนมากไหม มันสร้างประโยชน์มาก แค่พูดชื่อออกรายการ สินค้าเหล่านี้ก็ขายหมด จากที่คนไม่รู้จัก ก็ตะลึง ตึง ตึง ไปกับสิ่งที่คุณพิธานำเสนอ พอเขาได้ลองก็ทราบว่าภูมิปัญญาเหล่านี้น่าสนับสนุน ส่วนที่ โดนค่อนแคะอยู่บ้างนั้น ก็ต้องบอกว่า ไม่แปลกใจว่า ทำไมแพ้เลือกตั้ง คุณจับกระแสไม่ได้ ไม่รู้ว่าคนเขาต้องการอย่างไร” รศ.ดร.นันทนากล่าว
 
ก่อนทิ้งท้ายว่า ที่ผ่านมาเราเรียกเวลากลับคืนไม่ได้แล้ว แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นใหม่ เราเร่งได้ ดังนั้น ผู้มีอำนาจทราบแล้วรีบเปลี่ยน ประชาชนเขาไม่รอแล้ว



เพจดังแชร์เรื่องเล่า ‘หมอจบใหม่’ งานหนัก-คุณภาพชีวิตแย่ลาออกระนาว
https://www.dailynews.co.th/news/2400357/
 
บ่นอุบ! เพจดังแชร์เรื่องเล่า “หมอจบใหม่” เจองานหนัก คุณภาพชีวิตแย่ สุดท้ายทนไม่ไหวลาออกกันระนาวกว่า 900 คน เหลือในระบบแค่ 1,800 จาก 2,700 คน.

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บนโลกออนไลน์ได้มีการแชร์เรื่องราวจากสมาชิกผู้ใช้ TikTok รายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล ที่ออกมาเล่าเรื่องราวของ “หมอจบใหม่” หลายคนที่เจอปัญหาหลังจ่ากเรียนจบ และต้องมาใช้ทุนที่เรียน แต่กลับเจองานหนักมากมาย และคุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่จนพากันลาออกเป็นจำนวนมากกว่า 900 คน จาก 2,700 คน เหลือเพียง 1,800 คน โดยเล่าว่า

ซีรีส์หมอจบใหม่ลาออก มีกระแสหมอจบใหม่ลาออกกันเยอะ (ทั้งก่อนเริ่มงาน และหลังใช้ทุนครบหนึ่งปี) โดยสรุป งานหนัก คุณภาพชีวิตย่ำแย่ (อยู่เวรเยอะ, ไม่ได้พักผ่อน) งานเกินหน้าที่ (งานคุณภาพ, งานบริหาร) สวัสดิการแย่ (บ้านพัก) เงินออกช้า (3 เดือนขึ้นไป) ค่าตอบแทนไม่คุ้มความเสี่ยงสตาฟฟ์, รุ่นพี่ เอาเปรียบ คนไข้กดดัน ความคาดหวังสูง ไม่เห็นวี่แววความใส่ใจ ความเปลี่ยนแปลง ไม่เฉพาะหมอ แต่รวมถึงหน้าที่อื่นๆ ใน รพ. พยาบาล, เภสัช, เทคนิคการแพทย์, กายภาพ เวลาที่หมอ หรือ เจ้าหน้าที่ รพ. บ่น จะต้องมีใครสักคนที่บอกว่าทนไม่ไหวก็ลาออกไป คำตอบอยู่ในรูปสุดท้าย นี่ไงลาออกไป 1/3 จากทั้งหมด 2,700 คน ออกไป 900 คน
 
อย่างไรก็ตาม ภายหลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปเป็นสาธารณะ ต่างก็มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลาย.



ใครจะทน ดาราสาวดีกรีคุณหมอ น้ำตานอง เผยวินาทียื่นใบลาออกจากราชการ
https://www.thairath.co.th/entertain/news/2699299

ได้เป็นคุณหมอสมดั่งตั้งใจหลังจากที่เรียนจบ สำหรับนักร้อง นักแสดงสาวสวย ปุยเมฆ นภสร หรือ พญ.นภสร วีระยุทธวิไล หลังทุ่มเทตั้งใจเรียนหนักตลอด 6 ปีเต็ม
 
จากนั้นคุณหมอปุยเมฆก็ได้เป็น intern และแพทย์พี่เลี้ยงออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลราชบุรี แต่ล่าสุด คุณหมอปุยเมฆ ได้ตัดสินใจยื่นหนังสื่อขอลาออกจากราชการแล้วเรียบร้อย พร้อมเขียนเล่าเรื่องราวของตัวเองที่เผชิญมาตลอดปีให้ฟัง
 
โดยระบุข้อความดังกล่าวว่า 
 
"เห็นช่วงนี้กระแสข่าว intern ลาออกจากระบบกันเยอะ ขอพูดในฐานะคนที่เพิ่งตัดสินใจลาออกมาละกัน งานในระบบหนักจริง แต่ถามว่าอยู่ในระดับทนได้มั้ย ทนได้ ไม่ตาย แต่ใกล้ตาย เสียทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต
 
วินาทีที่ตัดสินใจลาออก คือ ตอนนั้นวน med อยู่เวรทั้งคืน มาราวน์เช้าต่อ ชาร์ตกองตรงหน้าเกือบ 40 คนไข้นอนล้นวอร์ดเสริมเตียงไปถึงหน้าลิฟต์ ภาพหดหู่มาก แถมเหนื่อยและง่วง ราวน์คนเดียวทั้งสาย สตาฟฟ์มา 10 โมง เดินมาถาม ‘น้องยังราวน์ไม่เสร็จหรอ ต้องเร็วกว่านี้นะ' วินาทีนั้นตัดสินใจเลย ดอบบี้ขอลา
 
คือเข้าใจว่างานมันเยอะ หนักทั้ง intern ทั้ง staff แหละ (staff เองก็ไม่ไหว ลาออกก็เยอะ) และมันดูไม่มีทางออกให้กับปัญหานี้เลย รพ.ไม่มีแนวโน้มจ้างคนเพิ่ม ลดลงทุกปี บอกกระทรวงลดงบ คนทำงานหารหน้าที่กันจนไม่รู้จะหารยังไง เหมือนอยู่เป็นแรงงานทาสไปเรื่อยๆ อะ ไม่มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
อันนี้ตลกมาก ตอนนั้นรู้สึกอยู่ในจุดอ่อนแอสุดๆ จนต้องเซลฟี่เก็บไว้รูปแรก งานเยอะจนท้อ น้ำตาไหลอยู่หน้าคอมตอนดูแล็บคนไข้ ไม่อยากให้คนเห็นว่าร้อง อายเค้า เลยหลบมาร้องในห้องน้ำหลังวอร์ด
 
รูปสอง โมเมนต์ในทุกเช้า ถามตัวเอง สู้ 6 ปีเพื่อมาเจอสิ่งนี้หรอ จึงเกิดภาพ 'หนูนิดไม่อยากไปทำงาน' 555 ถือว่าแชร์ให้ฟังละกัน มันก็มีทั้งคนที่ทนได้ กับทนไม่ได้ เราคงมี treshold ความเหนื่อยไม่สูงมาก
 
ไม่ชอบการพักผ่อนน้อยแล้วมาทำงาน รู้สึกตัวเองจะทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพที่ดีเท่าที่ควร ก็คิดว่าถอยดีกว่า ไปหางานที่เหมาะกับเราข้างนอกทำดีกว่า ไม่เป็นข้าราชการก็ไม่ตายแก สู้!"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่