เปิดประวัติ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ จากตรวจสอบทักษิณ สู่เช็กบิลพิธา นักร้องเรียนในตำนานของเมืองไทย
วันที่ 11 พฤษภาคม 2566 เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ชื่อนี้กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง จากกรณียื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ตรวจสอบว่า การที่นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกล มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) หรือไม่ เนื่องจากมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) 42,000 หุ้น
ย้อนไทม์ไลน์การเมืองของ “เรืองไกร” เขาเป็นที่รู้จักในฐานะสมาชิกวุฒิสภาสายสรรหาชุดแรก คลอดจากรัฐธรรมนูญ 2550 มรดกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)
มีข่าวลือที่ติดตัว “เรืองไกร” ว่าเป็นเด็กปั้นของ “คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา” อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) รุ่นเดียวกับ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่เกิดปัญหาแตกคอกันภายหลัง
เคยอยู่รวมกับกลุ่ม 40 ส.ว. ประกาศตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามพรรคพลังประชาชน พรรคนอมินีของ “ทักษิณ ชินวัตร”
จุดสูงสุดของ “เรืองไกร” คือการ โค่น “สมัคร สุนทรเวช” พ้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เพราะในเดือนพฤษภาคม 2551 เขาได้ฟ้องนายสมัครว่าการจัดรายการโทรทัศน์ “ชิมไป บ่นไป” ว่าเป็นการกระทำที่ผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 267 ในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่
9 กันยายน 2551 ศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ตัดสินให้นายสมัครพ้นจากตำแหน่ง ทำให้คณะรัฐมนตรีพรรคพลังประชาชนทั้งคณะต้องสิ้นสุดลง
“เรืองไกร” ได้รับสมญาว่า “แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์” ผลจากกรณี “ยักษ์ล้ม” ครั้งนั้น ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคพลังประชาชนมากมาย นายสมัครไม่ได้กลับมารับตำแหน่งนายกฯ ตามเดิม กลุ่มเพื่อนเนวินของ “เนวิน ชิดชอบ” ที่สนับสนุนนายสมัครก็ก็ถูกลดบทบาท กระทั่งแยกตัวออกเป็นพรรคภูมิใจไทย
ที่สำคัญยังส่งผลให้กลุ่มของตระกูล “ชินวัตร” พลิกบทบาทขึ้นมาเป็นแกนนำหลักของพรรคตั้งแต่บัดนั้นจนถึงพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน
แต่แล้ว…เมื่อกาลเวลาเปลี่ยน ความคิดเปลี่ยน ใจคนก็เปลี่ยนตาม “เรืองไกร” เปลี่ยนจากเสื้อสีเหลืองในคราบเสื้อคลุมอำมาตย์ หันมาใช้คำนำหน้าว่า “ไพร่”
ในช่วงปี 2553 เขาตระเวนไปเวทีสัมมนาต่าง ๆ ของคนเสื้อแดงแทบทุกเวที
@@@@ เปิดประวัติเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ @@@@
วันที่ 11 พฤษภาคม 2566 เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ชื่อนี้กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง จากกรณียื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ตรวจสอบว่า การที่นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกล มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) หรือไม่ เนื่องจากมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) 42,000 หุ้น
ย้อนไทม์ไลน์การเมืองของ “เรืองไกร” เขาเป็นที่รู้จักในฐานะสมาชิกวุฒิสภาสายสรรหาชุดแรก คลอดจากรัฐธรรมนูญ 2550 มรดกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)
มีข่าวลือที่ติดตัว “เรืองไกร” ว่าเป็นเด็กปั้นของ “คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา” อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) รุ่นเดียวกับ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่เกิดปัญหาแตกคอกันภายหลัง
เคยอยู่รวมกับกลุ่ม 40 ส.ว. ประกาศตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามพรรคพลังประชาชน พรรคนอมินีของ “ทักษิณ ชินวัตร”
จุดสูงสุดของ “เรืองไกร” คือการ โค่น “สมัคร สุนทรเวช” พ้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เพราะในเดือนพฤษภาคม 2551 เขาได้ฟ้องนายสมัครว่าการจัดรายการโทรทัศน์ “ชิมไป บ่นไป” ว่าเป็นการกระทำที่ผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 267 ในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่
9 กันยายน 2551 ศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ตัดสินให้นายสมัครพ้นจากตำแหน่ง ทำให้คณะรัฐมนตรีพรรคพลังประชาชนทั้งคณะต้องสิ้นสุดลง
“เรืองไกร” ได้รับสมญาว่า “แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์” ผลจากกรณี “ยักษ์ล้ม” ครั้งนั้น ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคพลังประชาชนมากมาย นายสมัครไม่ได้กลับมารับตำแหน่งนายกฯ ตามเดิม กลุ่มเพื่อนเนวินของ “เนวิน ชิดชอบ” ที่สนับสนุนนายสมัครก็ก็ถูกลดบทบาท กระทั่งแยกตัวออกเป็นพรรคภูมิใจไทย
ที่สำคัญยังส่งผลให้กลุ่มของตระกูล “ชินวัตร” พลิกบทบาทขึ้นมาเป็นแกนนำหลักของพรรคตั้งแต่บัดนั้นจนถึงพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน
แต่แล้ว…เมื่อกาลเวลาเปลี่ยน ความคิดเปลี่ยน ใจคนก็เปลี่ยนตาม “เรืองไกร” เปลี่ยนจากเสื้อสีเหลืองในคราบเสื้อคลุมอำมาตย์ หันมาใช้คำนำหน้าว่า “ไพร่”
ในช่วงปี 2553 เขาตระเวนไปเวทีสัมมนาต่าง ๆ ของคนเสื้อแดงแทบทุกเวที