ก่อนอื่นทำไมเราถึงได้มารีวิวทริปนี้ พวกเราทั้ง 6 คน นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ตัวน้อย ๆ ว่าที่บัญฑิตในปีหน้า
ได้ฝ่าฟันกับนักศึกษาอีกหลายท่านที่ตื่นมาลงทะเบียนเรียนวิชา Gen441 Culture And Excursion หรือ เจนท่องเที่ยว
ซึ่งพวกเราเองคือ "ผู้โชคดี" ที่เน็ตไวสุด 55555
ในการเรียนคลาสวันศุกร์พวกเราได้รับโจทย์ชิ้นใหญ่หลวง งาน Backpack เที่ยวไหนดีคอนเซปต์ที่ว่า
"low price high experience”
เอาละไง เที่ยวไหนดี ?? คำถามนี้ที่เราทั้ง 6 คนพูดเป็นเสียงเดียวกัน
หลังจากวันนั้นเราต่างคนต่างหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่ตรงตามคอนเซปต์ หากันไปหากันมา ก็มาจบที่
.
.
.
.
“อ่าวครามโฮมสเตย์ ชุมพร”
หลังจากได้สถานที่เรียบร้อย สิ่งต่อไปที่เราต้องวางแผนก็คือ ค่าใช้จ่าย
โดยทริปนี้พวกเราทั้ง 6 คน ตั้งเป้าหมายไว้ว่า เที่ยวแบบประหยัด งบไม่เกิน 3,000 บาท มาดูกันสิจะได้ไหม ทำได้หรือป่าวววว
Day 1
พวกเรานัดหมายเจอกันที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ หรือที่เรียกว่า สถานีกลางบางซื่อ เวลา 21:00 น. แต่รถไฟออก 22:20 น. ด้วยความที่พวกเราเองก็กลัวรถติด กลัวเกิดเหตุสุดวิสัย ที่สำคัญกลัวเดินหลงในสถานีบางซื่อ
จากที่จะนั่งลงใต้ ได้ขึ้นเหนือแทนละทีนี้ 555555555
พวกเราต่างคนต่างแยกย้ายกันมา บางคนมาแท็กซี่ ส่วนคนที่นั่ง MRT มาบอกเลย ว่าเดินไกลมากกก
แค่เดินหาประตูฮอลล์ 4 ก็ได้แต่ท้อใจ เมื่อไหร่ตรูจะถึงว่ะ! แต่สุดท้ายก็เดินถามเจ้าหน้าที่จนถึงจนได้
เมื่อทุกคนมาครบ ก็มาเก็บภาพความประทับใจสักหน่อย (ถ่ายรายงานสถานการณ์อาจารย์ต่างหากละ)
จากนั้นเมื่อเวลา 22:00 น. ตรง! มีเสียงประกาศเรียกผู้โดยสาร
ผู้โดยสารที่เดินทางด้วยรถไฟด่วนพิเศษ ขบวนที่ 39 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ สถานีปลายทาง สุราษฎร์ธานี
สามารถขึ้นขบวนรถได้ในชานชาลาที่ 1
พวกเราจึงรีบลุกไปต่อแถวเพื่อให้พี่ ๆ เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วโดยสาร
ก่อนหน้านี้พวกเราได้ทำการจองตั๋วรถไฟไป-กลับ ไว้ก่อนแล้ว โดยทำการจองเป็นรถไฟชั้น 2 รถนั่งปรับอากาศ ราคา 559 บาท
สถานีต้นทาง : กลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ออก : 22:20 น.
สถานีปลายทาง : สวี ถึง : 07:37 น.
ตัดภาพมาตอนที่ขึ้นรถไฟกันเลยดีกว่า หลังจากขึ้นรถได้สักพัก พอถึงเวลา 22:20 น. เสียงหวูดดดด
🚉รถไฟแจ้งเตือน รถไฟก็ออกทันที (ออกตรงเวลาเป๊ะ ๆ) 🛤️
เป็นการนั่งรถไฟที่แอร์เย็นสบายสุด พี่เจ้าหน้าที่ประจำโบกี้ก็นำผ้าห่มมาแจกให้กับผู้โดยสาร
และผ่านไปสักพักพี่พนักงานตรวจตั๋วก็เดินมาตรวจตั๋วพวกเรา 🎫
กว่าจะเดินทางถึง สถานีสวี นั่งฟังเพลงบ้าง หลับบ้าง บ่นบ้าง (เมื่อไหร่จะถึงปวดหลังแล้ว 5555)
แอบบอกทุกคนพอขึ้นรถไฟได้สักพัก พี่เจ้าหน้าจะมาแจกของว่างมีน้ำให้เลือกหลากหลาย
น้ำชาร้อน เอสโคล่า น้ำส้ม น้ำเปล่า แล้วยังมีขนมปังอีกด้วยหน่าาา
แล้วประมาณเวลา 6:30 น. จะมีการแจกอาหารเช้า (รสชาติพอได้อยู่ ไม่ถึงกับกินไม่ได้ -.-)
หลังจากนั่งหลังขดหลังแข็ง มาตลอด 8 ชั่วโมง ก็ถึงสถานีสวีสักที
รถไฟแอบเลทพักใหญ่ ตามตารางจะถึง 7:37 น. แต่ความจริง 8.14 น.
แต่ตอนนี้บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร ไม่อยากนั่งแล้ว อยากลุกขึ้นโยกย้ายส่ายสะโพก
หลังจากลงรถไฟ พวกเราได้เดินหาของกินในตลาดหน้าสถานีรถไฟสวี
แต่ แต่ แต่ ...... ป้าบอก ข้าวหมดแล้วลูก หลังจากสิ้นเสียง พวกเราได้แต่หัวเราะทั้งน้ำตา 🤣
พอกำลังจะเดินกลับมายังสถานี พวกเราได้เห็นสามเณรน้อยมากกว่า 30 รูป
กำลังเดินรับบิณฑบาตรบริเวณนั้น จึงได้ชวนกันใส่บาตรรับบุญยามเช้า
ป้า ๆ ที่ขายของตลาดเช้า และชาวบ้านที่กำลังรอใส่บาตร เขาเห็นพวกเราดูเก้ ๆ กัง ๆ ว่าเอาอะไรใส่บาตรดี ต้องใส่กี่รูป
เขาจึงแนะนำว่า "สามารถมาซิ้อตรงนี้ได้นะ ใส่ตามที่พวกหนูไหว" หลังจากใส่บาตรเสร็จพวกเราก็คุยกับป้า ๆ อยู่พักใหญ่
จนกระทั่งรอรถจากทางโฮมสเตย์มารับ
ลืมบอกไปว่า โฮมสเตย์ที่เราไปพัก เราได้นำการจองไป 2 วัน 1 คืน ในราคาคนละ 1,300 บาท อาหาร 3 มื้อ
โดยเสียค่ารถมารับจากสถานีรถไฟสวี ถึงโฮมสเตย์ ราคา 1,200 บาท (หารกันแล้วตกคนละ 200 บาท)
เนื่องจากสถานีรถไฟไกลจากที่พักอยู่พอสมควรเลยที่เดียว
เส้นทางไปที่พัก ธรรมชาติสุด ๆ ขึ้นเขา ลงเขา ขับริมทะเล นั่งไปขำไป สงสัยเมาแดด นั่งรถไปประมาณ 30-40 นาที
ก็ถึงแล้ววววววว 🌊
หลังจากเรามาถึงที่บ้านพัก เราก็เอาของมาเก็บไว้ในห้องพักก่อนเลย ตัวห้องพักก็จะเป็นห้องไม้เล็ก ๆ ให้นอนได้
อารมณ์เหมือนไปนอนพักบ้านญาติที่ต่างจังหวัดยังไงยังงั้นเลย
ตัวห้องเปิดโล่งมาข้างนอกนะ ถ้าจะมานอนก็เอายากันยุงมาด้วยถ้าไม่อยากโดนยุงหามนะ
หลังจากเราเก็บของเข้าที่พักแล้ว วันนี้นอกจากพวกเราแล้วก็จะมีอีกกลุ่มมา แต่กว่าจะมีก็คือเย็น ๆ แล้ว
เพราะฉะนั้นเราเลยยึดทั้งชานเป็นของตัวเองไปเลย 555555555555
หลังจากมาถึงแล้วทางโฮมสเตย์ก็เอาอาหารกลางวันมาเสิร์ฟให้เลย
เราจัดการอะไรตัวเองเสร็จแล้วก็มากินข้าวกันต่อเลย
ข้าวกลางวันในวันนี้ที่ทางโฮมสเตย์เอามาเสิร์ฟ
คือ ปลาทู ปลาหมึกผัดไข่เค็ม และไฮไลท์ของมื้อนี้เลยก็คือ ปูผัดผงกะหรี่ซึ่งจานนี้คือซัดกันหมดไวมากก
หลังจากที่เรากินข้าวเสร็จเราก็มาพักผ่อนนอนตายกันก่อน เพราะกิจกรรมที่เราตั้งใจจะทำนั้นจะอยู่ช่วงเย็น ๆ
ที่สำคัญกว่าตารางกิจกรรมคือแดด เพราะแดดชุมพรแรงมาก หนีร้อนจากกรุงเทพมาเจอร้อนกว่าที่ชุมพร 5555555555555555
พอแดดเริ่มลงแล้วก็เริ่มจะมีเรื่องตามมา จากพยากรณ์อากาศที่บอกว่าฝนจะตก กับเมฆที่เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
เราก็กลัวว่าจะออกไปทำกิจกรรมได้มั้ย แต่เราก็ตัดสินใจกันว่าจะออกไปทำกิจกรรม ฝนจะตกก็ตกเถอะ โนสนโนแคร์ 5555
โดยเราแบ่งกันไปเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือคนที่อยากไปพายเรือคายัค
ส่วนคนที่ไม่อยากไปพายก็จะไปตากหมึกกับทางโฮมสเตย์
ทางโฮมสเตย์มีเรือคายัคให้เราพายทั้งหมด 2 ลำ ซึ่งเราก็จัดการเหมาหมดเลย
โดยเอาจริง ๆ แล้วโฮมสเตย์ก็ไม่ได้บอกว่าลำนึงจะลงได้กี่คน
แต่จากที่ลองมาแล้ว 3 คนก็ยังพอได้อยู่ แต่ระวังเรื่องน้ำหนักตัวกันด้วยนะ
ซึ่งทะเลใต้ในช่วงที่แดดลงแล้วก็สวยงามมาก ๆ พายเรือสนุกสุด ๆ ถึงจะพายกันไม่ค่อยไปก็เถอะ 5555555
ทางฝั่งตากหมึกก็ตามชื่อเลยคือเอาหมึกมาตาก บลาๆ
ส่วนการตากหมึกเป็นหนึ่งในวิธีการถนอมอาหารที่ชาวบ้านในละแวกนั้นมักทำกัน โดยการปกติจะตากทิ้งไว้ประมาณ 1-2 วันโดยไม่โดนน้ำฝน
หากมีฝนตกก็จะทำการเก็บเข้าที่ร่มไว้ก่อน ค่อยนำไปตากต่อ ซึ่งหลังจากตากสำเร็จก็จะสามารถนำไปประกอบอาหารได้อย่างหลากหลาย
และยืดอายุของวัตถุดิบอีกด้วย แต่ที่สัมผัสได้ในการตากหมึกเลยก็คือ กลิ่นคาว ที่ลอยฟุ้ง 5555 ล่อพวกต่อมาแอบแซ่บได้อย่างดีทีเดียว
ตอนที่ไปเก็บหมึกเข้ามาในที่ร่มเพราะเหมือนฝนจะตกนั้น มีต่อสาม สี่ตัว บินและกำลังแซ่บหมึกกัน
แต่ช่วยไม่ได้ก็ต้องเก็บขึ้นมาเพื่อไม่ให้ตัวของหมึกนั้นโดนน้ำฝน ซึ่งในรูปนั้นคือหมึกที่ตากไปได้ 2-3 ชั่วโมงเพียงเท่านั้น
หลังจากที่พายเรือคายัคกันเสร็จแล้ว
เราก็รวมกลุ่มกันไปทำกิจกรรมต่อไป นั่นก็คือการแขวนตะเกียงล่อหมึกนั่นเอง
ในการบามหมึกนั้น ก่อนที่เราจะไปดำหมึกในตอนกลางคืน ๆ
เราก็ต้องเอาตะเกียงไปแขวนก่อนในตอนเย็น เพราะหมึกนั้นกินแพลงตอนเป็นอาหาร
ตัวแพลงตอนก็มีแสงสว่างในตัวของมันเอง เพราะฉะนั้นตัวตะเกียงจะสามารถดึงดูดหมึกให้มาอยู่ในบริเวณที่จับหมึกของทางโฮมสเตย์ได้
ซึ่งสิ่งต้องทำก็คือไปแขวนตะเกียงกลางทะเลนั่นเอง
โดยตัวตะเกียงนั้นก็จะเป็นตะเกียงแบบใช้แก๊ส
ซึ่งตัวตะเกียงก็จะพ่วงถังแก๊สเข้าไปด้วยเพราะจะต้องใช้งานค่อนข้างนานเลย
ตั้งแต่ประมาณ 6 โมงไปยันหมึกหมดเลย
หลังจากที่เราออกไปแขวนตะเกียงเสร็จแล้ว เราก็กลับมาที่ฝั่งที่มีอาหารมาพร้อมเสิร์ฟเราเรียบร้อยแล้ว
โดยในมื้อนี้ทางโฮมสเตย์จัดให้เต็มที่มาก มีกับข้าวมาให้ 5 จานเลย
ไฮไลท์เด็ดของมื้อนี้ก็คือปูนึ่ง ซึ่งตัวปูก็สดมาก ๆ นอกจากนี้ยังมี ปลากระพงนึ่งมะนาว หมึกผัดหวาน ปลาสามรส และผัดผักกุ้ง
พร้อมกลับดูพระอาทิตย์ตกดินไปด้วย 🌇
หลังจากที่ซัดข้าวเย็นกันเสร็จแล้วเราก็ไปอาบน้ำเพื่อจะเตรียมตัวไปทำกิจกรรมสุดท้ายของวันนี้นั่นก็คือการดำหมึกนั่นเอง
[CR] สัมผัสวิถีชีวิต นอนริมเล ใกล้ชิดธรรมชาติ ที่อ่าวครามโฮมสเตย์ชุมพร ชุมใจ......
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้