‘เศรษฐา’ลั่นนายกฯ ‘อิ๊ง’ปลุกเลือกพท.น็อกเสียง 250ส.ว. ‘ธนาธร’แย้มรบ.ก้าวไกล จอง’กห.’ปฏิรูปกองทัพ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3962685
‘เศรษฐา’ลั่นนายกฯ ปลุกเลือกพท.น็อกเสียง 250 ส.ว. ‘อิ๊ง’ย้ำต้องแลนด์สไลด์ ‘ธนาธร’แย้มรบ.ก้าวไกลจอง’กห.’ปฏิรูปกองทัพ
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ที่ลานสยามพารากอน พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดกิจกรรม
แล่นสไลด์ ไปเปลี่ยนชีวิตคนเมือง : จาก “การเดินทาง” สู่การสร้างมหานครเพื่อคนไทย โดยให้ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรค พท.ทั้ง 33 คน เดินทางมาร่วมกิจกรรมด้วยขนส่งมวลชนภายในเวลา 1 ชั่วโมง 29 นาที และมีแกนนำพรรคเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก
โดย น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค พท. ปราศรัยผ่านระบบซูมมายังสถานที่จัดงาน โดยระบุว่า อยากมาร่วมงานที่จัดขึ้น วันนี้ร่างกายใกล้เต็มร้อย แต่ใจเกินร้อยไปแล้ว การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นการกำหนดชะตาฝ่ายประชาธิปไตย พรรค พท.เสนอทางออกตามระบอบประชาธิปไตยเอาชนะระบอบที่ไม่เป็นธรรม ที่ต้องเสนอให้ พท.แลนด์สไลด์เพราะต้องการชนะ 250 ส.ว. ให้ ส.ส.จากพรรค พท.ได้เลือกนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรค พท.และนโยบายของเราคิดใหญ่เสมอ เพราะถ้าคิดไม่ใหญ่เอาไม่อยู่ ปัญหาที่เจอกันทุกวันนี้ทำให้ไม่มีทางเลือก ไม่มีทางออกในการทำมาหากิน ถ้า พท.ได้เป็นรัฐบาลจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ยิ่งนโยบายสำเร็จเมื่อไหร่ประเทศชาติจะดีขึ้นเร็วเท่านั้น พท.แลนด์สไลด์ ประเทศเปลี่ยนทันที
ขณะที่ นาย
เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เห็นใจคนกรุงเทพฯที่ปากกัดตีนถีบไม่ได้เดินตามความฝัน ทั้งรายจ่ายที่สูงขึ้น รายได้ลดลง อุปสรรคเหล่านี้เป็นสิ่งกีดขวางความฝันประชาชน ถ้า พท.ได้เป็นรัฐบาลมีหลายอย่างที่เราจะทำ ผู้นำที่มาจากพรรค พท.มีความพร้อม มีความตั้งใจในการแก้ปัญหา
“
ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นเราไม่มีเวลาให้ใครก็ตามเข้ามาลองของ ต้องเป็นผู้นำตัวจริงเท่านั้น ถึงเวลาที่เราต้องการผู้นำที่มีประสบการณ์ พรรคที่มีนโยบายเข้าใจปัญหาของประชาชน วันนี้ผมมีความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย แต่ผมไม่ได้อยากเป็นนายกฯเพราะได้ชื่อว่าเป็นนายกรัฐมนตรี ผมมายืนตรงนี้ มาที่นี้ ผมอยากเป็นนายกรัฐมนตรีที่นำซึ่งความเปลี่ยนแปลง ถ้าผมไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ผมไม่เป็นดีกว่า ที่พูดไปจะเป็นไปไม่ได้ถ้าพรรคพท.ไม่ได้รับการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์” นาย
เศรษฐากล่าว
นาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล(ก.ก.) ร่วมเวทีปราศรัยที่ อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ด พร้อมกับ นาย
ทินกร อ่อนประทุม ผู้สมัคร
ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 2เบอร์ 5 ก่อนเดินทางเข้า อ.เมือง ร่วมขบวนแห่หาเสียงร่วมกับ นายเกียรติศักดิ์ ไค่นุ่นกา ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 1 เบอร์ 10
”
พรรค ก.ก. เราเสนอว่าเราสามารถแก้ปัญหาการเมืองที่ยากๆ ไปพร้อมกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ และนี่คือเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะทำเช่นนั้นถ้านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลก้าวไกลจะทำหลายเรื่องพร้อมกัน กระทรวงพาณิชย์เอาสินค้าเกษตรไปขายต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับยุคสมัยกระทรวงอุตสาหกรรมสร้างอุตสาหกรรมเทคโนโลยีใหม่ให้ลูกหลานมีงานที่ดีทำกระทรวงกลาโหมไปปฏิรูปกองทัพไม่ให้เกิดการรัฐประหารอีกในอนาคต ทำหลายเรื่องพร้อมกันได้ ไม่ต้องทำทีละเรื่อง นี่คือข้อเสนอที่เราวางอยู่บนโต๊ะให้ทุกคน” นาย
ธนาธร กล่าว
เสียวสันหลัง! วิษณุ ยัน ไม่ได้เชียร์ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ย้ำหลักการเสียงข้างมาก
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7648043
“วิษณุ” ปัดส่งสัญญาณ ยันไม่เคยเชียร์ให้ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ย้ำยึดหลักการเสียงข้างมาก ชี้ จะได้ไม่ต้องอยู่แบบเสียวสันหลังตลอดเวลา
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 6 พ.ค. 2566 ที่สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา เขตบางพลัด กรุงเทพฯ นาย
วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสวิจารณ์ความเห็นของตนเอง เรื่องรัฐบาลเสียงข้างน้อยอาจไม่เคารพเสียงส่วนใหญ่ ว่า ไม่ใช่จู่ๆ ตนมาออกความคิดเห็น แต่สื่อมาถามตนว่าเป็นไปได้หรือไม่ ตนจึงได้แสดงความคิดเห็นไปว่า ถ้าตั้งเสียอย่างทำไมจะตั้งไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะตั้งเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยหรือตั้งไม่ได้ และยังบอกด้วยว่าทุกพรรคพูดยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องการให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก
นาย
วิษณุ กล่าวว่า ดังนั้น โดยหลักก็ต้องเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก แต่ถ้าหากถึงเวลาแล้วมันตันขึ้นมา ไม่สามารถจะตั้งเสียงข้างมากได้ก็ต้องตั้งข้างน้อย แต่ปัญหาคือการผ่านด่านให้มีการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีซึ่งนั่นหมายถึงเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่จะต้องมีเสียงมากที่สุดในสภาไม่เช่นนั้นจะเป็นรัฐบาลไม่ได้
“
ผมไม่ได้เชียร์ให้ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย และไม่ได้หมายความว่าส่งสัญญาณว่าจะเป็นเสียงข้างน้อย แต่สื่อถามว่าแล้วถ้าตั้งจะตั้งได้หรือไม่ ผมก็บอกว่าก็ต้องหาแล้วหาอีก เพราะไม่ได้กำหนดเวลาหานายกฯ ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ ตามมาตรา 270 ระบุว่า ถ้าใช้วรรคหนึ่งไม่ได้ก็ให้ใช้วรรคสอง ช่องทางมีอยู่เท่านั้น
แต่จริงๆ แล้วควรเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก จะได้ไม่ยุ่งยาก ไม่เช่นนั้นอยู่แบบเสียวสันหลังวูบวาบอยู่ตลอดเวลา บริหารราชการไม่มีสมาธิ ผมไม่ได้ส่งสัญญาณอะไรเลย พวกคุณถามผมว่าได้ไหม ผมจะตอบว่าไม่ได้ผมก็โกหก ผมก็บอกว่าได้ แต่โดยปกติมันไม่ควร หรือแม้ถ้าตั้งขึ้นมาได้ก็เป็นข้างน้อยอยู่ไม่กี่วัน แล้วในที่สุดก็เป็นเสียงข้างมากไป” นาย
วิษณุ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีบางฝ่ายเข้าใจผิดกันไปมากว่าไม่เคารพเจตนารมณ์ นาย
วิษณุ กล่าวว่า เวลาไปลงข่าวอาจจะเข้าใจผิด แต่เวลาตนพูดเพราะสื่อตั้งคำถามเช่นนั้น ตนไม่ได้อยู่ดีๆ แล้วมาเปิดฉากว่า จะตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งตนก็ภาวนาให้เกิดรัฐบาลเสียงข้างมากจะได้มีความสงบราบรื่นเรียบร้อย มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลหน้าจะได้เจอกับนาย
วิษณุอีกหรือไม่ นาย
วิษณุ กล่าวว่า ขอไม่ตอบเรื่องนี้
สอท.เชียร์วุ่นขึ้นค่าจ้าง แก้แรงงานขาด-หนี้ครัวเรือน ‘กนอ.’ผวาแล้งยาว-กระทบโรงงาน
https://www.matichon.co.th/economy/news_3962691
สอท.เชียร์วุ่นขึ้นค่าจ้าง แก้แรงงานขาด-หนี้ครัวเรือน ‘กนอ.’ผวาแล้งยาว-กระทบโรงงาน
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม นาย
เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงกรณีสมาพันธ์สมานฉันท์แรงงานไทย (สสรท.) และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) และสหภาพแรงงานกลุ่มต่างๆ ต้องการให้เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 712 บาทเท่ากันทั่วประเทศ ว่า การขึ้นค่าแรงงานจะปรับขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับพรรคใดเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หากเป็นพรรคที่ค่อนข้างมุ่งมั่นหรือแก้ไขเรื่องนี้ พรรคจะให้น้ำหนักเรื่องนี้และผลักดันให้เกิดขึ้นภายในปีนี้ คาดว่าในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนจะมีพิจารณาอีกครั้ง หรืออาจขยับไปในปี 2567 อย่างไรก็ตาม ค่าแรงงานควรจะปรับขึ้นเพราะเกี่ยวข้องกับโครงสร้างปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้
“
ต้องยอมรับตรงๆ ถ้าค่าจ้างแรงงานถูกจะไม่มีคนทำงานทั้งแรงงานไทยและต่างด้าว ปัญหาของไทยยังมีอัตราการเกิดลดลงมากกว่าอัตราการตาย หากเป็นเช่นนี้ไปอีก 10 ปี ประชากรไทยจะทยอยลดลงจากเกือบ 70 ล้านคนจนเหลือ 40 ล้านคนได้ และอาจมีคนที่ไม่ทำงานด้านแรงงาน แต่จะทำงานที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น ทำให้แรงงานไทยทยอยหมดไป ดังนั้น ต้องรีบพัฒนาไปสู่อนาคตให้มากขึ้น รวมถึงโรงงานที่ใช้แรงงานเข้มข้นจะต้องใช้ระบบเทคโนโลยีเข้ามาทดแทนแรงงานคนมากขึ้น” นาย
เกรียงไกรกล่าว
ขณะที่ นาย
วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำเพื่อการอุตสาหกรรมภาคตะวันออก กรณีคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) แสดงความกังวลจะเกิดการขาดแคลน ว่าปีนี้ไทยอาจต้องประสบกับปรากฏการณ์เอลนีโญทำให้เกิดความกังวลต่อภัยแล้ง เบื้องต้น กนอ.ตรวจสอบข้อมูลพบว่าปีนี้ปริมานฝนตกรวมน้อยลงจากปีก่อนๆ 39% ล่าสุดกรมอุตุนิยมวิทยาประเมินฝนในช่วง 2-3 เดือนจะน้อยกว่าช่วงที่ผ่านมา 5-10% อย่างไรก็ตาม ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำหลักของกรมชลประทานยังอยู่ระดับ 60-70% ขณะที่ กนอ.มีอ่างเก็บน้ำสำรองสำหรับภาคอุตสาหกรรมเช่นกัน จึงมั่นใจว่าปีนี้ปริมาณน้ำจะไม่ขาดแคลนแน่นอน
“
แต่สิ่งที่น่ากังวลคือปี 2567 ถ้าแล้งยาวนานอาจทำให้น้ำปีหน้ามีปัญหาในส่วนของอ่างเก็บน้ำที่ใช้อยู่ มี จ.ระยอง และแหลมฉบัง ในระยะยาวเพื่อให้การบริหารน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมมีความมั่นคง กนอ.จะเร่งประสานกับหน่วยงานด้านระบบชลประทานใกล้ชิด รวมทั้งศึกษาแนวทางการสกัดน้ำทะเลเป็นน้ำจืด แต่ด้วยต้นทุนที่ยังสูงจึงต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน โดยน้ำจืดที่ได้ต้องมีประสิทธิภาพสามารถดื่มกินได้ ขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่นที่ได้ระหว่างกลั่น อาทิ เกลือ ก็ต้องมีแผนใช้ประโยชน์ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการลงทุนทั้งระบบ นอกจากนี้ กนอ.จะเดินหน้าพัฒนาแหล่งน้ำเพิ่มเติม’ นาย
วีริศกล่าว
JJNY : ‘เศรษฐา’ลั่นนายกฯ ‘ธนาธร’แย้ม จอง’กห.’│วิษณุยันไม่ได้เชียร์│สอท.เชียร์วุ่นขึ้นค่าจ้าง│แวกเนอร์ ถอนทัพ 10 พ.ค. นี้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3962685
‘เศรษฐา’ลั่นนายกฯ ปลุกเลือกพท.น็อกเสียง 250 ส.ว. ‘อิ๊ง’ย้ำต้องแลนด์สไลด์ ‘ธนาธร’แย้มรบ.ก้าวไกลจอง’กห.’ปฏิรูปกองทัพ
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ที่ลานสยามพารากอน พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดกิจกรรม แล่นสไลด์ ไปเปลี่ยนชีวิตคนเมือง : จาก “การเดินทาง” สู่การสร้างมหานครเพื่อคนไทย โดยให้ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรค พท.ทั้ง 33 คน เดินทางมาร่วมกิจกรรมด้วยขนส่งมวลชนภายในเวลา 1 ชั่วโมง 29 นาที และมีแกนนำพรรคเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก
โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค พท. ปราศรัยผ่านระบบซูมมายังสถานที่จัดงาน โดยระบุว่า อยากมาร่วมงานที่จัดขึ้น วันนี้ร่างกายใกล้เต็มร้อย แต่ใจเกินร้อยไปแล้ว การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นการกำหนดชะตาฝ่ายประชาธิปไตย พรรค พท.เสนอทางออกตามระบอบประชาธิปไตยเอาชนะระบอบที่ไม่เป็นธรรม ที่ต้องเสนอให้ พท.แลนด์สไลด์เพราะต้องการชนะ 250 ส.ว. ให้ ส.ส.จากพรรค พท.ได้เลือกนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรค พท.และนโยบายของเราคิดใหญ่เสมอ เพราะถ้าคิดไม่ใหญ่เอาไม่อยู่ ปัญหาที่เจอกันทุกวันนี้ทำให้ไม่มีทางเลือก ไม่มีทางออกในการทำมาหากิน ถ้า พท.ได้เป็นรัฐบาลจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ยิ่งนโยบายสำเร็จเมื่อไหร่ประเทศชาติจะดีขึ้นเร็วเท่านั้น พท.แลนด์สไลด์ ประเทศเปลี่ยนทันที
ขณะที่ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เห็นใจคนกรุงเทพฯที่ปากกัดตีนถีบไม่ได้เดินตามความฝัน ทั้งรายจ่ายที่สูงขึ้น รายได้ลดลง อุปสรรคเหล่านี้เป็นสิ่งกีดขวางความฝันประชาชน ถ้า พท.ได้เป็นรัฐบาลมีหลายอย่างที่เราจะทำ ผู้นำที่มาจากพรรค พท.มีความพร้อม มีความตั้งใจในการแก้ปัญหา
“ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นเราไม่มีเวลาให้ใครก็ตามเข้ามาลองของ ต้องเป็นผู้นำตัวจริงเท่านั้น ถึงเวลาที่เราต้องการผู้นำที่มีประสบการณ์ พรรคที่มีนโยบายเข้าใจปัญหาของประชาชน วันนี้ผมมีความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย แต่ผมไม่ได้อยากเป็นนายกฯเพราะได้ชื่อว่าเป็นนายกรัฐมนตรี ผมมายืนตรงนี้ มาที่นี้ ผมอยากเป็นนายกรัฐมนตรีที่นำซึ่งความเปลี่ยนแปลง ถ้าผมไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ผมไม่เป็นดีกว่า ที่พูดไปจะเป็นไปไม่ได้ถ้าพรรคพท.ไม่ได้รับการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์” นายเศรษฐากล่าว
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล(ก.ก.) ร่วมเวทีปราศรัยที่ อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ด พร้อมกับ นายทินกร อ่อนประทุม ผู้สมัคร
ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 2เบอร์ 5 ก่อนเดินทางเข้า อ.เมือง ร่วมขบวนแห่หาเสียงร่วมกับ นายเกียรติศักดิ์ ไค่นุ่นกา ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 1 เบอร์ 10
” พรรค ก.ก. เราเสนอว่าเราสามารถแก้ปัญหาการเมืองที่ยากๆ ไปพร้อมกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ และนี่คือเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะทำเช่นนั้นถ้านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลก้าวไกลจะทำหลายเรื่องพร้อมกัน กระทรวงพาณิชย์เอาสินค้าเกษตรไปขายต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับยุคสมัยกระทรวงอุตสาหกรรมสร้างอุตสาหกรรมเทคโนโลยีใหม่ให้ลูกหลานมีงานที่ดีทำกระทรวงกลาโหมไปปฏิรูปกองทัพไม่ให้เกิดการรัฐประหารอีกในอนาคต ทำหลายเรื่องพร้อมกันได้ ไม่ต้องทำทีละเรื่อง นี่คือข้อเสนอที่เราวางอยู่บนโต๊ะให้ทุกคน” นายธนาธร กล่าว
เสียวสันหลัง! วิษณุ ยัน ไม่ได้เชียร์ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ย้ำหลักการเสียงข้างมาก
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7648043
“วิษณุ” ปัดส่งสัญญาณ ยันไม่เคยเชียร์ให้ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ย้ำยึดหลักการเสียงข้างมาก ชี้ จะได้ไม่ต้องอยู่แบบเสียวสันหลังตลอดเวลา
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 6 พ.ค. 2566 ที่สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา เขตบางพลัด กรุงเทพฯ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสวิจารณ์ความเห็นของตนเอง เรื่องรัฐบาลเสียงข้างน้อยอาจไม่เคารพเสียงส่วนใหญ่ ว่า ไม่ใช่จู่ๆ ตนมาออกความคิดเห็น แต่สื่อมาถามตนว่าเป็นไปได้หรือไม่ ตนจึงได้แสดงความคิดเห็นไปว่า ถ้าตั้งเสียอย่างทำไมจะตั้งไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะตั้งเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยหรือตั้งไม่ได้ และยังบอกด้วยว่าทุกพรรคพูดยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องการให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก
นายวิษณุ กล่าวว่า ดังนั้น โดยหลักก็ต้องเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก แต่ถ้าหากถึงเวลาแล้วมันตันขึ้นมา ไม่สามารถจะตั้งเสียงข้างมากได้ก็ต้องตั้งข้างน้อย แต่ปัญหาคือการผ่านด่านให้มีการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีซึ่งนั่นหมายถึงเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่จะต้องมีเสียงมากที่สุดในสภาไม่เช่นนั้นจะเป็นรัฐบาลไม่ได้
“ผมไม่ได้เชียร์ให้ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย และไม่ได้หมายความว่าส่งสัญญาณว่าจะเป็นเสียงข้างน้อย แต่สื่อถามว่าแล้วถ้าตั้งจะตั้งได้หรือไม่ ผมก็บอกว่าก็ต้องหาแล้วหาอีก เพราะไม่ได้กำหนดเวลาหานายกฯ ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ ตามมาตรา 270 ระบุว่า ถ้าใช้วรรคหนึ่งไม่ได้ก็ให้ใช้วรรคสอง ช่องทางมีอยู่เท่านั้น
แต่จริงๆ แล้วควรเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก จะได้ไม่ยุ่งยาก ไม่เช่นนั้นอยู่แบบเสียวสันหลังวูบวาบอยู่ตลอดเวลา บริหารราชการไม่มีสมาธิ ผมไม่ได้ส่งสัญญาณอะไรเลย พวกคุณถามผมว่าได้ไหม ผมจะตอบว่าไม่ได้ผมก็โกหก ผมก็บอกว่าได้ แต่โดยปกติมันไม่ควร หรือแม้ถ้าตั้งขึ้นมาได้ก็เป็นข้างน้อยอยู่ไม่กี่วัน แล้วในที่สุดก็เป็นเสียงข้างมากไป” นายวิษณุ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีบางฝ่ายเข้าใจผิดกันไปมากว่าไม่เคารพเจตนารมณ์ นายวิษณุ กล่าวว่า เวลาไปลงข่าวอาจจะเข้าใจผิด แต่เวลาตนพูดเพราะสื่อตั้งคำถามเช่นนั้น ตนไม่ได้อยู่ดีๆ แล้วมาเปิดฉากว่า จะตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งตนก็ภาวนาให้เกิดรัฐบาลเสียงข้างมากจะได้มีความสงบราบรื่นเรียบร้อย มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลหน้าจะได้เจอกับนายวิษณุอีกหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ขอไม่ตอบเรื่องนี้
สอท.เชียร์วุ่นขึ้นค่าจ้าง แก้แรงงานขาด-หนี้ครัวเรือน ‘กนอ.’ผวาแล้งยาว-กระทบโรงงาน
https://www.matichon.co.th/economy/news_3962691
สอท.เชียร์วุ่นขึ้นค่าจ้าง แก้แรงงานขาด-หนี้ครัวเรือน ‘กนอ.’ผวาแล้งยาว-กระทบโรงงาน
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงกรณีสมาพันธ์สมานฉันท์แรงงานไทย (สสรท.) และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) และสหภาพแรงงานกลุ่มต่างๆ ต้องการให้เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 712 บาทเท่ากันทั่วประเทศ ว่า การขึ้นค่าแรงงานจะปรับขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับพรรคใดเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หากเป็นพรรคที่ค่อนข้างมุ่งมั่นหรือแก้ไขเรื่องนี้ พรรคจะให้น้ำหนักเรื่องนี้และผลักดันให้เกิดขึ้นภายในปีนี้ คาดว่าในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนจะมีพิจารณาอีกครั้ง หรืออาจขยับไปในปี 2567 อย่างไรก็ตาม ค่าแรงงานควรจะปรับขึ้นเพราะเกี่ยวข้องกับโครงสร้างปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้
“ต้องยอมรับตรงๆ ถ้าค่าจ้างแรงงานถูกจะไม่มีคนทำงานทั้งแรงงานไทยและต่างด้าว ปัญหาของไทยยังมีอัตราการเกิดลดลงมากกว่าอัตราการตาย หากเป็นเช่นนี้ไปอีก 10 ปี ประชากรไทยจะทยอยลดลงจากเกือบ 70 ล้านคนจนเหลือ 40 ล้านคนได้ และอาจมีคนที่ไม่ทำงานด้านแรงงาน แต่จะทำงานที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น ทำให้แรงงานไทยทยอยหมดไป ดังนั้น ต้องรีบพัฒนาไปสู่อนาคตให้มากขึ้น รวมถึงโรงงานที่ใช้แรงงานเข้มข้นจะต้องใช้ระบบเทคโนโลยีเข้ามาทดแทนแรงงานคนมากขึ้น” นายเกรียงไกรกล่าว
ขณะที่ นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำเพื่อการอุตสาหกรรมภาคตะวันออก กรณีคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) แสดงความกังวลจะเกิดการขาดแคลน ว่าปีนี้ไทยอาจต้องประสบกับปรากฏการณ์เอลนีโญทำให้เกิดความกังวลต่อภัยแล้ง เบื้องต้น กนอ.ตรวจสอบข้อมูลพบว่าปีนี้ปริมานฝนตกรวมน้อยลงจากปีก่อนๆ 39% ล่าสุดกรมอุตุนิยมวิทยาประเมินฝนในช่วง 2-3 เดือนจะน้อยกว่าช่วงที่ผ่านมา 5-10% อย่างไรก็ตาม ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำหลักของกรมชลประทานยังอยู่ระดับ 60-70% ขณะที่ กนอ.มีอ่างเก็บน้ำสำรองสำหรับภาคอุตสาหกรรมเช่นกัน จึงมั่นใจว่าปีนี้ปริมาณน้ำจะไม่ขาดแคลนแน่นอน
“แต่สิ่งที่น่ากังวลคือปี 2567 ถ้าแล้งยาวนานอาจทำให้น้ำปีหน้ามีปัญหาในส่วนของอ่างเก็บน้ำที่ใช้อยู่ มี จ.ระยอง และแหลมฉบัง ในระยะยาวเพื่อให้การบริหารน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมมีความมั่นคง กนอ.จะเร่งประสานกับหน่วยงานด้านระบบชลประทานใกล้ชิด รวมทั้งศึกษาแนวทางการสกัดน้ำทะเลเป็นน้ำจืด แต่ด้วยต้นทุนที่ยังสูงจึงต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน โดยน้ำจืดที่ได้ต้องมีประสิทธิภาพสามารถดื่มกินได้ ขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่นที่ได้ระหว่างกลั่น อาทิ เกลือ ก็ต้องมีแผนใช้ประโยชน์ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการลงทุนทั้งระบบ นอกจากนี้ กนอ.จะเดินหน้าพัฒนาแหล่งน้ำเพิ่มเติม’ นายวีริศกล่าว