จากรณีของหนึง่ในเรื่องในคลิปนี้ ในส่วนของ เคสที่4 เริ่มที่นาทีที่17.00เป็นต้นไป
เป็นรายการแนว วางแผนจับพวก เปโด พวกชอบSHเยาวชนทั้งหลาย โดยรายการจะเป็นแนวแบบ วางแผนล่อคนพวกนี้ให้ติดกับแล้วปะสานทีมตำรวจให้ดำเนินการจับกุม
ในเคสนี้ ปรากฏว่าเป้าหมายไหวตัวทัน เลยไม่มา ทางรายการและตำรวจที่ประสานงานไว้เลยจัดการบุกไปถึงบ้านเป้าหมายเลย
และท้ายสุด...เป้าหมายฆ่าตัวตายด้วยอาวุธปืน สดๆระหว่างการถ่ายทำแบบ on-screen เลย
และเทปนี้กลายเป็นตะปูตอกฝาโลงรายการนี้ในที่สุด..เลยเกิดการตั้งคำถามกับสังคมว่ารายการพวกนี้ทำเพื่อความยุติธรรมหรือเพื่อเรทติ้งกันแน่ รวมถึงความเป็นมืออาชีพในการจัดการเรื่องพวกนี้
แถมจากเหตุการนั้น ยังส่งผลให้ หลายรายที่เคยโดนจับจากรายการนี้ อาจต้องถูกไต่สวนใหม่ และ คนก่อคดีพวกนั้นที่ถูกจับอาจหลุดรอดไปได้ โดยประเด็น กระบวนการก่อนหน้าที่ไม่เป็นมืออาชีพมาเป็นข้อโต้แย้ง (ถึงอีกฝ่ายจะเป็นคนเลวคนชั่วแบบออกสื่อแค่ไหน แต่ถ้ากระบวนการจับกุมหรือได้มาซึ่งหลักฐานนั้นไม่ถูกต้อง เช่น การดักฟังที่ไม่ได้รับอนุญาติจากตำรวจชั้นผู้ใหญ่แม้คนดักฟังจะเป็นตำรวจเอง ตำรวจบุกจับโดยที่เครื่องแบที่ใส่นั้นมีการปิดบังเลขประจำตัว ใช้เด็กหรือผู้เยาว์เป็นเหยื่อล่อจริงๆ การแอบเก็บหลักฐานในพื้นที่ส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับการยินยอม ห้องแล็บที่ใช้ตรวจหลักฐานมีความกังขาเรื่องมาตรฐานหรือพฤติกรรมการทำงานของคนในแล็บ คนที่บุกไปถึงบ้านฝ่ายจำเลยนั้นไม่ใช่คนที่มีอำนาจหน้าที่ในจุดนั้นหรือไม่ใช่ตัวผู้เสียหาย ทนายที่ฝ่ายจำเลยเหล่านี้จ้างมาสามารถใช้มันในการหลุดพ้นคดีได้ รวมถึงการขอไต่สวนในชั้นศาลใหม่ได้ และรวมถึงฟ้องกลับอีกฝ่ายได้)
เลยพาลให้นึกถึงเวลามีดราม่าจำพวก แฉYouTuberคนนั้น influencerคนนี้ ช่องนั้นช่องนี้ ทำตัวไม่ดีแบบนั้นแบบนี้ (โดยมากมักเกี่ยวกับประเด็นเรื่องSH)ที่เรียกแขกได้มากสุด) หรือเวลาเอาคนพวกนั้นมาแขวนเรื่องประเด็นทำ contentsไม่มีคุณภาพ ก็เลยชวนสงสัยแบบเดียวกันว่า..
"เพื่อความยุติธรรม เพื่อโลกโซเชียลที่ดีขึ้น หรือ เพื่อเรทติ้งและดึงมวลชนมาบูชาตน กันแน่"
และบางครั้ง คนที่ออกมาแฉ ก็พฤติกรรมชวนน่ากังขาซะเอง แบบกรณีของ EDP445 ที่โดนแฉโดย Chet Goldstein ที่เป็นเคสแรกของคลิปนี้
ที่ก็ชวนให้คิดอีกมุมว่า "เวลามีใครมาทำตัวแบบ สายดาร์คคอยแฉคอยประจานคนนั้นคนนี้ บางทีอาจจะไม่ใช่ ฮีโร่ ปะทะ คนร้าย แต่แค่ คนไม่ดีที่ขัดขากันเอง หรือหมั่นไส้เป็นการส่วนตัว คนไม่ดีคนหนึ่งเลยชุบตัวเล่นบทฮีโร่ซะ โดยที่อีกฝ่ายก็แทบไม่มีสิทธิใดๆที่จะตอบโต้" ที่นี้ก็อยู่ที่ฝ่ายไหนจะดึงมวลชนหรือมีพวกมากกว่ากันก็เท่านั้น (ก็การเมืองแบบสาดโคลนในหมู่ online influencers นี่แหล่ะ)
แปลกดี ที่เรามักพูดว่า มีภูมิคุ้มกันต่อrpopagandas หรือ fake news แต่เรากลับเชื่อทุกอย่างผ่านสื่อแบบที่ผมว่ามา โดยไม่ฌแลี่ยวใจอะไรสักอย่าง
เพื่อความยุติธรรม หรือ เพื่อเรทติ้ง กันแน่? (เมื่อพูดถึงรายการ เพจ หรือช่องYouTibeแนว แฉ+สายดาร์ค)
เป็นรายการแนว วางแผนจับพวก เปโด พวกชอบSHเยาวชนทั้งหลาย โดยรายการจะเป็นแนวแบบ วางแผนล่อคนพวกนี้ให้ติดกับแล้วปะสานทีมตำรวจให้ดำเนินการจับกุม
ในเคสนี้ ปรากฏว่าเป้าหมายไหวตัวทัน เลยไม่มา ทางรายการและตำรวจที่ประสานงานไว้เลยจัดการบุกไปถึงบ้านเป้าหมายเลย
และท้ายสุด...เป้าหมายฆ่าตัวตายด้วยอาวุธปืน สดๆระหว่างการถ่ายทำแบบ on-screen เลย
และเทปนี้กลายเป็นตะปูตอกฝาโลงรายการนี้ในที่สุด..เลยเกิดการตั้งคำถามกับสังคมว่ารายการพวกนี้ทำเพื่อความยุติธรรมหรือเพื่อเรทติ้งกันแน่ รวมถึงความเป็นมืออาชีพในการจัดการเรื่องพวกนี้
แถมจากเหตุการนั้น ยังส่งผลให้ หลายรายที่เคยโดนจับจากรายการนี้ อาจต้องถูกไต่สวนใหม่ และ คนก่อคดีพวกนั้นที่ถูกจับอาจหลุดรอดไปได้ โดยประเด็น กระบวนการก่อนหน้าที่ไม่เป็นมืออาชีพมาเป็นข้อโต้แย้ง (ถึงอีกฝ่ายจะเป็นคนเลวคนชั่วแบบออกสื่อแค่ไหน แต่ถ้ากระบวนการจับกุมหรือได้มาซึ่งหลักฐานนั้นไม่ถูกต้อง เช่น การดักฟังที่ไม่ได้รับอนุญาติจากตำรวจชั้นผู้ใหญ่แม้คนดักฟังจะเป็นตำรวจเอง ตำรวจบุกจับโดยที่เครื่องแบที่ใส่นั้นมีการปิดบังเลขประจำตัว ใช้เด็กหรือผู้เยาว์เป็นเหยื่อล่อจริงๆ การแอบเก็บหลักฐานในพื้นที่ส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับการยินยอม ห้องแล็บที่ใช้ตรวจหลักฐานมีความกังขาเรื่องมาตรฐานหรือพฤติกรรมการทำงานของคนในแล็บ คนที่บุกไปถึงบ้านฝ่ายจำเลยนั้นไม่ใช่คนที่มีอำนาจหน้าที่ในจุดนั้นหรือไม่ใช่ตัวผู้เสียหาย ทนายที่ฝ่ายจำเลยเหล่านี้จ้างมาสามารถใช้มันในการหลุดพ้นคดีได้ รวมถึงการขอไต่สวนในชั้นศาลใหม่ได้ และรวมถึงฟ้องกลับอีกฝ่ายได้)
เลยพาลให้นึกถึงเวลามีดราม่าจำพวก แฉYouTuberคนนั้น influencerคนนี้ ช่องนั้นช่องนี้ ทำตัวไม่ดีแบบนั้นแบบนี้ (โดยมากมักเกี่ยวกับประเด็นเรื่องSH)ที่เรียกแขกได้มากสุด) หรือเวลาเอาคนพวกนั้นมาแขวนเรื่องประเด็นทำ contentsไม่มีคุณภาพ ก็เลยชวนสงสัยแบบเดียวกันว่า..
"เพื่อความยุติธรรม เพื่อโลกโซเชียลที่ดีขึ้น หรือ เพื่อเรทติ้งและดึงมวลชนมาบูชาตน กันแน่"
และบางครั้ง คนที่ออกมาแฉ ก็พฤติกรรมชวนน่ากังขาซะเอง แบบกรณีของ EDP445 ที่โดนแฉโดย Chet Goldstein ที่เป็นเคสแรกของคลิปนี้
ที่ก็ชวนให้คิดอีกมุมว่า "เวลามีใครมาทำตัวแบบ สายดาร์คคอยแฉคอยประจานคนนั้นคนนี้ บางทีอาจจะไม่ใช่ ฮีโร่ ปะทะ คนร้าย แต่แค่ คนไม่ดีที่ขัดขากันเอง หรือหมั่นไส้เป็นการส่วนตัว คนไม่ดีคนหนึ่งเลยชุบตัวเล่นบทฮีโร่ซะ โดยที่อีกฝ่ายก็แทบไม่มีสิทธิใดๆที่จะตอบโต้" ที่นี้ก็อยู่ที่ฝ่ายไหนจะดึงมวลชนหรือมีพวกมากกว่ากันก็เท่านั้น (ก็การเมืองแบบสาดโคลนในหมู่ online influencers นี่แหล่ะ)
แปลกดี ที่เรามักพูดว่า มีภูมิคุ้มกันต่อrpopagandas หรือ fake news แต่เรากลับเชื่อทุกอย่างผ่านสื่อแบบที่ผมว่ามา โดยไม่ฌแลี่ยวใจอะไรสักอย่าง