สวัสดีครับ
วันนี้ ผมจะมาเล่าถึงชีวิต หลังจากเกษียณการทำงานครับ ว่า จะเป็นยังไงกันบ้าง ซึ่งก่อนที่จะเป็นถึงจุดนั้น มันก็มีจุดหักเห หลายประเด็น จนกระทั่งเกษียณอย่างไม่ได้ตั้งใจมาจนได้ ถ้าทุกท่านพร้อมแล้ว ผมขอนำท่านไปสู่ชีวิตของผมได้เลยนะครับ
ผมทำงานโรงแรมฯ มากว่า 20 ปี โดยตลอดชีวิตการทำงานโรงแรมนั้น ก้อมีการระหกระเหินไปเรื่อย ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ อาจจะเป็นเพราะว่า ชีวิตของลูกคนจีน โดนตีกรอบไว้ ครั้นพอขีวิตได้มีการทำงานที่มั่นคง มันก้อเลยฝักใฝ่ และแสวงหาการท่องเที่ยวไปเรื่อย จนกระทั่งมาคิดได้ว่า เราทำงานไปด้วย เที่ยวไปด้วย ก้อน่าจะสนุกดี ดังนั้น ผมจึงได้ไปทำงานทั้ง เขาค้อ พัทยา ชลบุรี และอื่น ๆ อีกมาก ไม่เว้นแม้กระทั่งเกาะแก่งต่าง ๆ เช่น สมุย หรือ เกาะในฝั่งอันดามัน เช่น เกาะลันตา
และแล้ว ชีวิตผมก้อได้ออกเดินทางอีกครั้ง (ซึ่งตัวเองก้อไม่รู้ว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย) กล่าวคือ ผมไปได้งานที่โรงแรมฯ แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงแรมฯ ระดับ 5 ดาว เลยพัทยาใต้ขึ้นไป แต่ยังไม่ถึงหาดจอมเทียน ซึ่งดู ๆ แล้ว ทุกอย่างก้อน่าจะไปได้ด้วยดี โดยทางโรงแรมฯ ก้อได้มีการให้ผมไปทำการตรวจร่างกาย เพื่อเข้าทำงานตามปกติ ที่ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในเขตจอมเทียน โดยผมได้ไปสมัครเข้าทำงานตั้งแต่ช่วงต้นเดือน มีนาคม 2566 และได้แจ้งกับทางโรงแรมฯ ว่า ผมพร้อมที่จะเริ่มงานในวันที่ 27 มีนาคม 2566
และแล้ว ในวันที่ 22 มีนาคม 2566 ผมก้อได้เดินทางไปตรวจร่างกาย ด้วยจิตใจ ที่ลิงโลด เนื่องจากได้เปลี่ยนบรรยากาศ มาทำงานที่ทะเลอีกครั้ง (หลังจากหมกตัวอยู่ใน กทม มาเกือบ 10 ปี) โดยผมก้อได้แต่งตัวตามสบาย คือ กางเกงขาสั้น และเสื้อยืด (โดยวันนั้น ผมขนของมาเต็มรถเลยทีเดียวเชียวแหละ เพื่อที่ว่าหลังตรวจร่างกาย จะได้ทำการขนของเข้าหอพักเลย ในวันเดียวกัน)
โดยหลังจากตรวจร่างกายเสร็จเรียบร้อย ทางแพทย์ ก้อได้เรียกตัวผมเข้าไปทำการสรุปผล ซึ่งการสรุปผลครั้งนี้ ผมรู้สึกแปลก ๆ และ แปร่ง ๆ มาก ๆ เพราะทางแพทย์ พูดกับผม ด้วยกริยาที่ค่อนข้างเป็นห่วง และสอบถามด้วยความเอาใจใส่มากผิดปกติ อาทิ เช่น ช่วงนี้ มีอาการหอบ หรือ เหนื่อย มากเกิน หรือ ผิดปกติ หรือไม่ / หรือ ไม่ก้อมีอาการแน่นหน้าอก หน้ามืด พร้อมจะเป็นลมบ้างหรือเปล่า ซึ่งกับคำถามที่ผมไม่คุ้นชินนี้ นำความประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่ผมก้อยังเก็บอาการ พร้อมทั้งตอบปฏิเสธไปอย่างปกติที่สุดว่า “ช่วงนี้ ผมรู้สึกสบายดี อย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งยัง รู้สึกว่า ร่างกายผมฟิตมากกว่าปกติเสียด้วยซ้ำ”
อย่างว่าแต่ทางแพทย์จะประหลาดใจ ผมนี่สิกลับประหลาดใจมากกว่า เมื่อคุณหมอ ได้ชี้ ไปที่ฟิล์มเอ็กซเรย์ ซึ่งได้มาสด ๆ ร้อน ๆ พร้อมขี้ ให้ผมดูอย่างใจเย็นว่า “คุณคะ จากฟิล์มเอ็กซเรย์นี้ ทาง รพ ตรวจพบว่า ปอดคุณรั่วค่ะ” จากนั้น ก้อชี้ พร้อมอธิบาย ให้ผมเข้าใจว่า ปอดของผมนั้นมีปัญหา โดยมีฟองอากาศ และน้ำ อยู่บริเวณปอดฝั่งซ้าย (โดยปริมาณมากพอสมควร) จากนั้น ได้กำชับกับผมว่า ทาง รพ ไม่สามารถปล่อยผมกลับบ้านได้ เนื่องจากเคสนี้ ค่อนข้างวิกฤต ดังนั้น จึงเห็นว่า สมควรให้ทำการ Admit ที่ รพ เริ่มวันนี้เลย และจะเริ่มทำการเจาะเอาอากาศและน้ำออกภายในวันนี้ เช่นกัน
ทุกอย่างรวดเร็วมาก ทาง รพ ให้ผม ขึ้นเตียง พร้อมส่งผมเข้าทำการเจาะหลัง และใช้ไซริงค์ ดูดอากาศ และน้ำ ออกมา ซึ่งก้อมีปริมาณมากพอสมควร (จากคำบอกเล่าของหมอ) โดยหลังจากนั้น ส่งผมเข้าห้อง ICU ในทันที โดยที่ผมนั้น อยู่ในอาการ หรือ สภาวะ ที่ปกติมาก รวมทั้งทัศนคติ ต่อการเข้าโรงพยาบาลครั้งนี้ (ยังมีต่อนะครับ)
เกษียณแบบไม่ได้ตั้งใจ
วันนี้ ผมจะมาเล่าถึงชีวิต หลังจากเกษียณการทำงานครับ ว่า จะเป็นยังไงกันบ้าง ซึ่งก่อนที่จะเป็นถึงจุดนั้น มันก็มีจุดหักเห หลายประเด็น จนกระทั่งเกษียณอย่างไม่ได้ตั้งใจมาจนได้ ถ้าทุกท่านพร้อมแล้ว ผมขอนำท่านไปสู่ชีวิตของผมได้เลยนะครับ
ผมทำงานโรงแรมฯ มากว่า 20 ปี โดยตลอดชีวิตการทำงานโรงแรมนั้น ก้อมีการระหกระเหินไปเรื่อย ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ อาจจะเป็นเพราะว่า ชีวิตของลูกคนจีน โดนตีกรอบไว้ ครั้นพอขีวิตได้มีการทำงานที่มั่นคง มันก้อเลยฝักใฝ่ และแสวงหาการท่องเที่ยวไปเรื่อย จนกระทั่งมาคิดได้ว่า เราทำงานไปด้วย เที่ยวไปด้วย ก้อน่าจะสนุกดี ดังนั้น ผมจึงได้ไปทำงานทั้ง เขาค้อ พัทยา ชลบุรี และอื่น ๆ อีกมาก ไม่เว้นแม้กระทั่งเกาะแก่งต่าง ๆ เช่น สมุย หรือ เกาะในฝั่งอันดามัน เช่น เกาะลันตา
และแล้ว ชีวิตผมก้อได้ออกเดินทางอีกครั้ง (ซึ่งตัวเองก้อไม่รู้ว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย) กล่าวคือ ผมไปได้งานที่โรงแรมฯ แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงแรมฯ ระดับ 5 ดาว เลยพัทยาใต้ขึ้นไป แต่ยังไม่ถึงหาดจอมเทียน ซึ่งดู ๆ แล้ว ทุกอย่างก้อน่าจะไปได้ด้วยดี โดยทางโรงแรมฯ ก้อได้มีการให้ผมไปทำการตรวจร่างกาย เพื่อเข้าทำงานตามปกติ ที่ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในเขตจอมเทียน โดยผมได้ไปสมัครเข้าทำงานตั้งแต่ช่วงต้นเดือน มีนาคม 2566 และได้แจ้งกับทางโรงแรมฯ ว่า ผมพร้อมที่จะเริ่มงานในวันที่ 27 มีนาคม 2566
และแล้ว ในวันที่ 22 มีนาคม 2566 ผมก้อได้เดินทางไปตรวจร่างกาย ด้วยจิตใจ ที่ลิงโลด เนื่องจากได้เปลี่ยนบรรยากาศ มาทำงานที่ทะเลอีกครั้ง (หลังจากหมกตัวอยู่ใน กทม มาเกือบ 10 ปี) โดยผมก้อได้แต่งตัวตามสบาย คือ กางเกงขาสั้น และเสื้อยืด (โดยวันนั้น ผมขนของมาเต็มรถเลยทีเดียวเชียวแหละ เพื่อที่ว่าหลังตรวจร่างกาย จะได้ทำการขนของเข้าหอพักเลย ในวันเดียวกัน)
โดยหลังจากตรวจร่างกายเสร็จเรียบร้อย ทางแพทย์ ก้อได้เรียกตัวผมเข้าไปทำการสรุปผล ซึ่งการสรุปผลครั้งนี้ ผมรู้สึกแปลก ๆ และ แปร่ง ๆ มาก ๆ เพราะทางแพทย์ พูดกับผม ด้วยกริยาที่ค่อนข้างเป็นห่วง และสอบถามด้วยความเอาใจใส่มากผิดปกติ อาทิ เช่น ช่วงนี้ มีอาการหอบ หรือ เหนื่อย มากเกิน หรือ ผิดปกติ หรือไม่ / หรือ ไม่ก้อมีอาการแน่นหน้าอก หน้ามืด พร้อมจะเป็นลมบ้างหรือเปล่า ซึ่งกับคำถามที่ผมไม่คุ้นชินนี้ นำความประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่ผมก้อยังเก็บอาการ พร้อมทั้งตอบปฏิเสธไปอย่างปกติที่สุดว่า “ช่วงนี้ ผมรู้สึกสบายดี อย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งยัง รู้สึกว่า ร่างกายผมฟิตมากกว่าปกติเสียด้วยซ้ำ”
อย่างว่าแต่ทางแพทย์จะประหลาดใจ ผมนี่สิกลับประหลาดใจมากกว่า เมื่อคุณหมอ ได้ชี้ ไปที่ฟิล์มเอ็กซเรย์ ซึ่งได้มาสด ๆ ร้อน ๆ พร้อมขี้ ให้ผมดูอย่างใจเย็นว่า “คุณคะ จากฟิล์มเอ็กซเรย์นี้ ทาง รพ ตรวจพบว่า ปอดคุณรั่วค่ะ” จากนั้น ก้อชี้ พร้อมอธิบาย ให้ผมเข้าใจว่า ปอดของผมนั้นมีปัญหา โดยมีฟองอากาศ และน้ำ อยู่บริเวณปอดฝั่งซ้าย (โดยปริมาณมากพอสมควร) จากนั้น ได้กำชับกับผมว่า ทาง รพ ไม่สามารถปล่อยผมกลับบ้านได้ เนื่องจากเคสนี้ ค่อนข้างวิกฤต ดังนั้น จึงเห็นว่า สมควรให้ทำการ Admit ที่ รพ เริ่มวันนี้เลย และจะเริ่มทำการเจาะเอาอากาศและน้ำออกภายในวันนี้ เช่นกัน
ทุกอย่างรวดเร็วมาก ทาง รพ ให้ผม ขึ้นเตียง พร้อมส่งผมเข้าทำการเจาะหลัง และใช้ไซริงค์ ดูดอากาศ และน้ำ ออกมา ซึ่งก้อมีปริมาณมากพอสมควร (จากคำบอกเล่าของหมอ) โดยหลังจากนั้น ส่งผมเข้าห้อง ICU ในทันที โดยที่ผมนั้น อยู่ในอาการ หรือ สภาวะ ที่ปกติมาก รวมทั้งทัศนคติ ต่อการเข้าโรงพยาบาลครั้งนี้ (ยังมีต่อนะครับ)