ผมเห็นมาหลายปีละ เข้าหน้าร้อนทีไร โดยเฉพาะเมษา-พฤษภา เนี่ย จะมีคนมาตั้งบ่นว่า ใช้ไฟเท่าเดิม ค่าไฟพุ่งเป็นเท่าตัว
คือ อยากจะให้ความรู้+ความเห็นส่วนตัวง่าย ๆ ครับว่า "คุณเคยต้มน้ำไหม" ถ้าเคย เอาน้ำ 1 ลิตรจากก้อกประปามาต้ม (อุณหภูมิห้อง) กับ เอาน้ำเย็นเจี๊ยบจากตู้เย็นมาต้ม คุณว่าใช้แก๊สเปลืองเท่ากันไหม แน่นอนว่าต้มน้ำเย็นเปลืองแก๊สกว่าต้นน้ำประปาแน่นอน เพราะจุดตั้งต้นอุณหภูมิมันไม่เท่ากัน
สมมติ น้ำประปา อุณหภูมิห้องตอนนั้น 30 องศา ต้มจนเดือด 100 องศา แปลว่าต้องใช้แก๊สต้มน้ำจนอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 70 องศา
น้ำเย็นเจี๊ยบ สมมติอุณหภูมิ 8 องศา ต้มจนเดือด 100 องศา แปลว่า ใช้แก๊สต้มน้ำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้น 92 องศา
--
ย้อนกลับมาที่ค่าไฟเมษา-พฤษภา ที่หลาย ๆ คนที่บ่นว่าใช้ไฟเท่าเดิม ถ้ากลับไปดูที่บิลค่าไฟของคนที่บ่นว่าค่าไฟแพงขึ้น 100 ทั้ง 100 คือ คนที่บ่นมีค่าหน่วยไฟฟ้าที่ใช้มากขึ้นแน่นอน
เหตุผลก็ไม่ต่างกับเรื่องต้มน้ำด้านบน เพราะทุกวันนี้บ้านพักอาศัยส่วนใหญ่ (ไม่รวมที่ใช้ EV) เปลืองค่าไฟไปกับเครื่องปรับอุณหภูมิทั้งนั้น เช่น แอร์ ตู้เย็น ตู้แช่ เครื่องทำน้ำอุ่น เป็นต้น
เพราะงั้น ถ้าอุณหภูมิห้องช่วงนี้มันร้อนมากขึ้น ต่อให้ตั้งแอร์ 25 องศาเท่าเดิม สมมติช่วง กพ-มีค อุณหภูมิข้างนอก 30+- แอร์ก็ทำงานลดอุณหภูมิแค่ 5 องศา
พอมา เมษ-พค อุณหภูมิข้างนอก 40+- ตั้งแอร์ 25 เท่าเดิม กลายเป็นว่า แอร์ต้องลดอุณภูมิ 15 องศา ทำงานหนักกว่ากันบานเลย (5 องศา กับ 15 องศา) แบบนี้แล้วจะบอกว่าใช้ไฟเท่าเดิมคงไม่ถูก เพราะแอร์มันทำงานหนักขึ้น ก็ต้องกินหนักขึ้นตามกัน นี่ไม่รวมว่าบางคนไม่ได้ล้างแอร์ด้วยนะ ผ่านต้นปีฝุ่นบาน กรองแอร์ก็ดักฝุ่นไว้ ประสิทธิภาพทำความเย็นลดลงอีก
สรุป ที่บอกว่าหน้าร้อน การไฟฟ้าขูดรีด ถือโอกาสโก่งค่าไฟอ่ะ ต้องลองถามแอร์ ถามตู้เย็นตัวเองก่อนว่าใช้ไฟเท่าเดิมไหม
ถ้าให้แนะนำ ช่วงนี้ก็ต้องตั้งแอร์ให้อุณหภูมิสูงขึ้นอีกนิด + เปิดพัดลมช่วย พอเอาให้อยู่ได้ ไม่ต้องเย็นเยือก ค่าไฟจะได้ไม่ขึ้นจนขนหัวลุก
หน้าร้อนทีไร ทำไมค่าไฟพุ่ง (ข้อสังเกตส่วนตัว)
คือ อยากจะให้ความรู้+ความเห็นส่วนตัวง่าย ๆ ครับว่า "คุณเคยต้มน้ำไหม" ถ้าเคย เอาน้ำ 1 ลิตรจากก้อกประปามาต้ม (อุณหภูมิห้อง) กับ เอาน้ำเย็นเจี๊ยบจากตู้เย็นมาต้ม คุณว่าใช้แก๊สเปลืองเท่ากันไหม แน่นอนว่าต้มน้ำเย็นเปลืองแก๊สกว่าต้นน้ำประปาแน่นอน เพราะจุดตั้งต้นอุณหภูมิมันไม่เท่ากัน
สมมติ น้ำประปา อุณหภูมิห้องตอนนั้น 30 องศา ต้มจนเดือด 100 องศา แปลว่าต้องใช้แก๊สต้มน้ำจนอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 70 องศา
น้ำเย็นเจี๊ยบ สมมติอุณหภูมิ 8 องศา ต้มจนเดือด 100 องศา แปลว่า ใช้แก๊สต้มน้ำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้น 92 องศา
--
ย้อนกลับมาที่ค่าไฟเมษา-พฤษภา ที่หลาย ๆ คนที่บ่นว่าใช้ไฟเท่าเดิม ถ้ากลับไปดูที่บิลค่าไฟของคนที่บ่นว่าค่าไฟแพงขึ้น 100 ทั้ง 100 คือ คนที่บ่นมีค่าหน่วยไฟฟ้าที่ใช้มากขึ้นแน่นอน
เหตุผลก็ไม่ต่างกับเรื่องต้มน้ำด้านบน เพราะทุกวันนี้บ้านพักอาศัยส่วนใหญ่ (ไม่รวมที่ใช้ EV) เปลืองค่าไฟไปกับเครื่องปรับอุณหภูมิทั้งนั้น เช่น แอร์ ตู้เย็น ตู้แช่ เครื่องทำน้ำอุ่น เป็นต้น
เพราะงั้น ถ้าอุณหภูมิห้องช่วงนี้มันร้อนมากขึ้น ต่อให้ตั้งแอร์ 25 องศาเท่าเดิม สมมติช่วง กพ-มีค อุณหภูมิข้างนอก 30+- แอร์ก็ทำงานลดอุณหภูมิแค่ 5 องศา
พอมา เมษ-พค อุณหภูมิข้างนอก 40+- ตั้งแอร์ 25 เท่าเดิม กลายเป็นว่า แอร์ต้องลดอุณภูมิ 15 องศา ทำงานหนักกว่ากันบานเลย (5 องศา กับ 15 องศา) แบบนี้แล้วจะบอกว่าใช้ไฟเท่าเดิมคงไม่ถูก เพราะแอร์มันทำงานหนักขึ้น ก็ต้องกินหนักขึ้นตามกัน นี่ไม่รวมว่าบางคนไม่ได้ล้างแอร์ด้วยนะ ผ่านต้นปีฝุ่นบาน กรองแอร์ก็ดักฝุ่นไว้ ประสิทธิภาพทำความเย็นลดลงอีก
สรุป ที่บอกว่าหน้าร้อน การไฟฟ้าขูดรีด ถือโอกาสโก่งค่าไฟอ่ะ ต้องลองถามแอร์ ถามตู้เย็นตัวเองก่อนว่าใช้ไฟเท่าเดิมไหม
ถ้าให้แนะนำ ช่วงนี้ก็ต้องตั้งแอร์ให้อุณหภูมิสูงขึ้นอีกนิด + เปิดพัดลมช่วย พอเอาให้อยู่ได้ ไม่ต้องเย็นเยือก ค่าไฟจะได้ไม่ขึ้นจนขนหัวลุก