ผีตาหลุด+สองเกลอเจอผีกระสือ+ผีพยาบาท




ขอสวัสดีปีใหม่ไทยคุณผู้อ่านทุกท่านนะคะ ขอให้มีความสุขกันถ้วนหน้าตลอดปีและตลอดไปค่ะ
วันนี้พี่ลิมีเรื่องมานำเสนอถึงสามเรื่องด้วยกัน ค่าที่ไม่ค่อยได้เข้ามาตั้งกระทู้ เป็นงานประพันธ์ของ หรัญพี และอีตาลุงเลิศแกนะคะ
พี่ลิฝากเข้าไปติดตามเรื่องราวต่อที่ช่องยูทูปซ่อนสางด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

รับชมรับฟังเรื่องผีตาหลุดได้ที่ลิ้งค์นี้ค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=e87LvWmV-04


สองเกลอเจอผีกระสือ
ลุงเลิศ

หมู่บ้านโคกอึ่ง เป็นหมู่บ้านในชนบทแห่งหนึ่ง ที่ได้ชื่อนี้มา เป็นเพราะว่าในหมู่บ้านมีหนองน้ำอยู่ใกล้กับโคก ซึ่งเมื่อมีฝนตกลงมาทีไร จะมีกบอึ่งออกมาเล่นน้ำกันอย่างชุกชุม แต่เป็นที่น่าเสียดาย ที่ไม่ค่อยจะมีชาวบ้านคนไหนกล้าลงไปจับกบอึ่งที่หนองน้ำแห่งนี้ เป็นเพราะว่าบริเวณที่นี่ เดิมทีชาวบ้านเรียกว่าโคกกระสือ เพราะมันเป็นบริเวณที่บรรดาผีกระสือ มักจะออกมาหากินกบให้ชาวบ้านได้เห็นอยู่บ่อยครั้ง จนเป็นที่เล่าลือกันมานาน ทำให้เจ้าสัตว์หน้าตาน่ารักแต่มีเนื้ออร่อยเหล่านี้ กระโดดน้ำเล่นกันอย่างสบายใจ ล่อให้คนที่ต้องหากบอึ่งไปทำอาหาร เกิดคันไม้คันมือ อยากที่จะเข้าไปที่หนองน้ำนั่นเสียให้ได้ แต่ก็นั่นล่ะ คงทำได้แค่เพียงคิด ไม่มีใครกล้าเข้าไปจับกบกันจริงๆ หรอก
 
แต่ทว่าในบรรดาผู้คนเหล่านั้น ก็มีคนทำท่าฮึดฮัดใจกล้า เห็นจะเป็นไอ้ฉุยกับไอ้ด้วง สองคนนี้ เป็นหนุ่มขี้โวประจำหมู่บ้าน มันอดรนทนเห็นกบอึ่งมากมายที่โคกมานาน จนเริ่มบ่นให้ชาวบ้านได้ยิน ว่าความหิวหากินลำบากของคนเรามันมีขีดจำกัด อย่าให้พวกมันทนไม่ไหวก็แล้วกัน กระสือก็กระสือเหอะ พ่อจะแย่งจับกบอึ่งมาทำกินเสียให้หมดเลย แม้จะมีเสียงทัดทาน และตักเตือนอย่างเป็นห่วง มันสองคนก็ไม่ค่อยที่จะฟังใครแล้ว จึงเริ่มคิดวางแผน หมายมั่นปั้นมือว่าจะจับกบที่หนองน้ำนั่นให้ได้ และกำลังพยายามหาวิธีป้องกัน ไม่ให้กระสือมาโฉบลากไส้พวกมันเอาไปกินได้ง่ายๆ
 
“กบอึ่งที่อื่น มันก็จะไม่เหลือให้พวกเราจับกันแล้วไอ้ฉุย ถ้าเราไปหาที่โคกอึ่งได้ แบบไม่ถูกกระสือมันมาลากกินไส้เรา กูรับรองเลย ได้มาเต็มข้องทุกคืน”
 
ไอ้ด้วงพูดบ่น ทั้งหารือกับคู่หู จะว่าไปหมู่นี้ การทำมาหากินจากการจับกบอึ่ง ชักจะหาอย่างยากลำบากขึ้นทุกวัน หนำซ้ำยังเกิดนักล่ากบมือสมัครเล่นโผล่เพิ่มขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ไหนจะพวกมืออาชีพต่างหมู่บ้านอีก แย่งทำเลจนจะพากระทืบกันตาย
 
“เออ ว่าไง กูก็ตามด้วย แต่มันก็ยังติดที่ว่า ขืนเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า เกิดผีกระสือมันลอยมากินไส้เอาล่ะ ได้ตายแหงมๆ กระสือที่โคก ใครก็ว่ามันดุจะตาย ควรต้องวางแผนให้รอบครอบ ” 
 
“ถ้าต้องสู้กับคน ข้าไม่เคยนึกกลัว อย่างดีก็แค่เจ็บตัวโดนกำปั้นพอเจ็บ ๆ คัน ๆ แต่สู้กับผีนี่ดิ จะเอาอะไรไปสู้! คาถาอาคมก็ไม่มีกับเขาซักบท แต่ปากท้องมันก็เรื่องใหญ่นะโว้ยไอ้ฉุย!”
 
ไอ้ด้วงบ่นออกมาอย่างหัวเสีย แต่ทว่าครู่เดียว มันตบเข่าตัวเองเข้าฉาดใหญ่ แล้วทำท่าดีใจ
 
“ข้านึกออกแล้วไอ้ฉุย! ทำไมเราไม่ไปหาหลวงตาเสี้ยมกันล่ะวะ ข้าจำได้ว่าหลวงตาท่านมีคาถาบังตาผีกระสือ ถ้าได้มานะ เวลาไปหาจับกบ ผีกระสือมันจะมองไม่เห็นพวกเรา เท่านี้ ก็ไม่ต้องกลัวผีกระสือมันจะมาไล่กัดเอาอีกแล้ว ฮ้าๆ”
 
“เออจริงด้วย ข้าลืมเรื่องนี้ไปเลย งั้นเราไปหาหลวงตากันตอนนี้เลย ฝนกำลังจะมาแล้ว พอมีคาถา เราจะได้ออกไปหาจับกบกัน” 
 
สองเกลอไม่รอช้า รีบเดินจ้ำอ้าวกันไปที่วัดเพื่อขอคาถาบังตาผีกระสือ เพราะก่อนหน้าที่หลวงตาจะออกบวช ท่านเคยเป็นพรานสมุนไพรผู้มากประสบการณ์ แม้จะไม่เคยล่าสัตว์ในป่าเหมือนกับพรานคนอื่น แต่ด้วยที่ต้องเข้าป่าหาสมุนไพรมาทำยา ท่านจึงมีคาถาอาคมในการเอาตัวรอดจากป่าดงพงไพรอยู่ไม่น้อย ทั้งมีข่าวลือ ว่าท่านมีคาถาบังตาผีกระสืออีกด้วย

เมื่อทั้งสองเดินมาจนถึงวัด และได้เข้าพบกับหลวงตาเสี้ยม จึงได้เล่าความประสงค์ที่มาหาให้ท่านฟัง เมื่อหลวงตาท่านฟังจบ ก็ได้หัวเราะออกมาเบา ๆ 
 
“หลวงตาเป็นพระ จะให้มาบอกคาถาเพื่อให้พวกเอ็งเอาไปจับสัตว์นี่นะ มันดูจะไม่เข้าท่านักหรอก เอาอย่างนี้ละกัน พวกเอ็งเคยได้ยินคนเฒ่าคนแก่บอกให้ใช้ใบหนาดกันผีบ้างไหมล่ะ ลองหาเอาไปติดตัวดูสิ ผีมันอาจจะไม่กล้าเข้าใกล้ก็ได้ แต่ใบหนาดใช้บังตาผีไม่ได้หรอกนะถ้าไม่มีคาถากำกับ แต่อย่างไรก็ตาม พวกเอ็งควรจับมาแค่พอทำกินเป็นอาหาร อย่าทำไปเพราะความสนุก หรือทำไปเพราะความละโมบโลภมาก ถึงยังไงกบอึ่งมันก็เป็นสิ่งมีชีวิต แม้มันจะเกิดมาเพื่อเป็นอาหาร เข้าใจมั๊ย…”
 
เมื่อหลวงตาท่านพูดจบ ก็เดินหนีจากไป ทิ้งให้สองเกลอมองหน้ากันยิ้มแห้ง โธ่... นึกว่าจะได้คาถาบังตาผีกระสือ กลับโดนหลวงตาท่านเทศนาเสียยืดยาว แล้วทั้งสองก็พากันเดินออกจากวัดด้วยท่าทางผิดหวัง
 
“เอาน่า.. ไอ้ด้วง ไม่ลองไม่รู้ ลองเอาใบหนาดไปใช้กันผีดู ข้าว่ามันอาจจะได้ผลดีกว่าที่คิดก็ได้ ข้าเคยดูหนังดูละครมาบ้าง ผีมันกลัวใบหนาดทั้งนั้น เรื่องไหนเป็นเรื่องไหน เห็นวิ่งเข้าดงหนาดทีไร ผีมันหนีกระเจิงไปเสียหมด แต่ถ้าเกิดจะซวยกันขึ้นมาจริงๆ ก็แค่วิ่งให้สุดแรงเกิด มันมีแค่หัวกับไส้ มันจะมาเร็วเท่าขายาวๆ ของพวกเราไม่ได้หรอก”
 
“เดี๋ยว ๆ ไอ้ฉุย ยังมีอีกวิธี ข้าเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ อุบ๊ะ กินอะไรมาวะกู ความจำถึงได้ปิ้งปั๊งซะขนาดนี้ เราไปหาพ่อใหญ่ผวนกัน แกเป็นเพื่อนพรานกับหลวงตาเสี้ยม แล้วแกก็ไม่ใช่พระ ต้องให้คาถาพวกเรามาแน่ ๆ”
 
ไอ้ด้วงพูดบอกแล้วฉีกยิ้มกว้าง ไอ้ฉุยที่ได้ยินอย่างนั้น ก็ยิ้มรับพรางใช้มือตบไปที่บ่าเพื่อนเกลอแล้วหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ สองสหายบ่ายหน้า รีบไปหาพ่อใหญ่ผวนที่บ้านอย่างไม่รอช้า ระหว่างทาง ไม่ลืมที่จะแวะเก็บใบหนาดมาสี่ห้าใบติดตัวกันมาด้วย 

รับฟังรับชมต่อได้ที่ลิ้งค์นี้ค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=b3cHTX1Ggbo
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่