รีวิว ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ภาคที่ 26 มฤตยูใต้น้ำทมิฬ กับการดูภาพยนตร์ครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น


สวัสดีชาวห้องพันทิปทุกคนนะครับ 

หลังจากที่ต้องมาเจอเรื่องของโควิดมาตลอด 3 ปี ในตอนนี้ผมได้มาเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น
แล้วได้ถือโอกาสนี้ไปดูหนังเรื่องแรกนั่นก็คือ โคนัน เดอะมูฟวี่ 26 มฤตยูใต้น้ำทมิฬ 
ซึ่งจะเข้าฉายที่ไทยปลายเดือนนี้ ที่ญี่ปุ่นเข้าฉายแล้ว แล้วผมพึ่งออกจากโรงมาสดๆ ร้อนๆ เลย

กระทู้นี้ผมจะรีวิวสำหรับคนที่มีความตั้งใจจะดูและเผยประสบการณ์ที่เจอในโรงหนังนะครับว่าเจออะไรมาบ้าง 
ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ผมแทบไม่มีรูปอะไรเลย เพราะมือถือผมแบตหมดพอดี รวมทั้งโรงหนังที่ญี่ปุ่นก็เคร่งเรื่องกฎมากผมจึงไม่กล้าแมแต่จะถ่ายรูปสถานที่ภายนอกอาคารเพราะฉะนั้นรูปที่มีจะเป็นรูปที่เอามาจากเน็ตที่ใกล้เคียงที่สุดแล้วนะครับ การรีวิวนี้จะรีวิวจากความรู้สึกส่วนตัวของผมเป็นหลัก ซึ่งแต่ล่ะคนมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป ไม่จำเป็นจะต้องเอาการรีวิวของผมไปเป็นการตัดสินใจก็ได้นะครับ แค่อยากแชร์ประสบการณ์เฉยๆ

ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ภาคที่ 26 มฤตยูใต้น้ำทมิฬ

เรื่องย่อ : 

“ทุ่นแปซิฟิก” ชื่อเรียกอาคารใต้ทะเลที่สร้างขึ้นในอ่าวของเกาะฮะจิโจทางตอนใต้ของโตเกียวเพื่อเชื่อมต่อกล้องวงจรปิดของตำรวจทั่วโลก วิศวกรจากประเทศต่าง ๆ มารวมตัวกันที่นั่นด้วยจุดประสงค์ในการเชื่อมต่อเน็ตเวิร์กในความควบคุมของยูโรโพล ( องค์กรตำรวจของยุโรป ) เพื่อใช้งานจริง และที่นั่นยังดำเนินการทดสอบ “เทคโนโลยีใหม่” ซึ่งจะนำไปประยุกต์ใช้ในระบบยืนยันใบหน้าอีกด้วย

อีกด้านหนึ่ง เหล่าเด็ก ๆ แก๊งนักสืบเยาวชนได้รับคำเชิญจากโซโนโกะให้มาดูปลาวาฬที่เกาะฮะจิโจ โคนันได้รับโทรศัพท์จากโอกิยะ ซุบารุ (อากาอิ ชูอิจิ) ว่ามีเจ้าหน้าที่ยูโรโพลถูก “จิน” ฆ่าตายที่เยอรมนี โคนันรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีจึงลอบขึ้นเรือลาดตระเวนที่คุโรดะ เฮียวเอย์ และผู้เกี่ยวข้องกับกรมตำรวจโดยสารอยู่ มุ่งหน้าไปยังหน่วยรักษาความปลอดภัย “ทุ่นแปซิฟิก” เพื่อลอบเข้าไปในตัวอาคาร และแล้วก็เกิดคดีวิศวกรสาวคนหนึ่งถูกองค์กรชายชุดดำลักพาตัวในอาคารที่กำลังเตรียมการใช้งานระบบจริง ยิ่งไปกว่านั้น USB ของเธอซึ่งบันทึกข้อมูลบางอย่างยังตกอยู่ในเงื้อมมือขององค์กร… เสียงใบพัดเรือที่ดังชวนขนลุกในท้องทะเลและแล้ว เงามืดก็แอบเข้ามาหาไฮบาระที่พักแรมอยู่ที่เกาะฮะจิโจ…

เมื่อกล่องดำที่ไม่ควรแตะต้องเปิดออก อดีตที่ถูกผนึกไว้ก็ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

เล่าประสบการณ์
ผมได้ไปดูที่ โรงภาพยนตร์ Grand Sunshine Cinema ที่เขต อิเคบุคุโระ
ห่างจากสถานีรถไฟไปประมาณ 1 กิโลกว่า โรงภาพยนตร์ไม่ได้ใหญ่มากแต่เป็นตึกสูง มี 12 โรง 

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

การซื้อตั๋ว ผมซือตั๋วผ่านเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติ เป็นโรงหน้าจอปกติ ราคาต่อใบอยู่ที่ 1,900 เยน 
แต่เนื่องจากผมมีบัตรนักเรียนเลยซื้อได้ในราคาที่ถูกลงมาที่ราคา 1,500 เยน แต่ก็ถือว่าแพงเอาเรื่อง ผมนั่งแถวซีแถวเกือบหน้าสุด ตรงริมๆ 
เวลา 20.45 ตามเวลาญี่ปุ่น ตั๋วซื้อง่ายมากครับ มีภาษาอังกฤษด้วยใครไม่มีประสบการณ์ซื้อตั๋วมาก่อนก็ซื้อได้สบายครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

โรงภาพยนตร์บอกเลยครับว่าเล็กมาก ถ้าเทียบกับ เมเจอร์ หรือ เอสเอฟ นี่อลังการกว่ากันเยอะครับ
การดูหนังที่ญี่ปุ่น ปกติถ้าในไทยเรามักจะไปรอหน้าโรงแต่ญี่ปุ่น เขาจะอนุญาตให้เราเข้าโรงก่อนฉายหนังประมาณ 20 นาที 
การตรวจบัตรใช้วิธีแสกน QR Code แล้วเดินเข้าเลยไม่ต้องฉีกบัตร ไม่อนุญาตให้เอาของกินจากภายนอก เอาเข้าได้เฉพาะ
ของกินที่ขายภายในโรงหนังเท่านั้น

โรงหนังของไทยปกติกว่าจะได้ดูก็ปาไป 15-20 นาทีทั้งโฆษณาอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะไปหมด แต่ถ้าใครมาดูที่ญี่ปุ่น
เต็มที่คือประมาณ 5 นาที ฉายตัวอย่างและคำเตือนในโรงหนังต่างๆ จากนั้นก็ฉายหนังเลยในทันที ผมชอบมากอันนี้
ไม่ต้องรอ ปกติถ้าผมดูหนังที่ไทยผมไปเลทซักครึ่งชั่วโมงยังทันช่วงแรกของหนังเลย 

คนดูเต็มโรงเลยครับ เกือบจะซื้อไม่ทันอยู่แล้ว ช้ากว่านี้อีกนิดเดียวผมคงไม่ได้ดูแน่นอนครับ
ไม่มีซับอังกฤษเวลาดูใช้สกิลภาษาญี่ปุ่นที่มีของตัวเองล้วนๆ อีกอย่างการดูหนังที่ญี่ปุ่นนั้น
โรงหนังแต่ล่ะที่ต้องตรวจสอบให้ดีว่ามีรอบฉายหนังที่เราอยากดูหรือไม่ โรงหนังบางที่ก็ไม่มีฉายนะครับ
ขึ้นอยู่กับโรงหนังแต่ล่ะที่ถึงแม้โรงหนังดังกล่าวจะอยู่ในห้างก็ตาม 

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

รีวิว 
เดอะมูฟวี่นี้ ต้องบอกว่าเป็นภาคที่เอาตัวละครเด่นๆ แล้วเป็นขวัญใจใครหลายๆ คนมาเยอะมาก แถมเนื้อเรื่องยังเกี่ยวข้องกับองค์กรชุดดำอีกตังหาก
จุดเด่นของภาคนี้ต้องบอกเลยว่า เนื้อเรื่อง ชิงไหวชิงพริบกันตลอดเวลา แทบจะลุ้นทุกตลอดเรื่องว่าตัวเอกของเรื่องจะแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ ยังไง 
ฉากแอ๊คชันจัดเต็มมากครับ มีฉากระเบิดภูเขาเผากระท่อมตามเคย บางทีก็สงสัยว่าพวกองค์กรมันรวยขนาดไหนเอาอาวุธราคาแสนแพงมาระเบิดเล่นไม่รู้กี่ตัวแล้ว รวมทั้งมุมใหม่ๆ ของ ไฮบาระ ที่บอกได้เลยว่าภาคนี้เธอเด่นมากๆ เด่นจริงๆ แถมบอกได้เลยว่าภาคนี้เธอโตขึ้นเยอะ ไม่เหมือนภาคอื่นๆ ที่ยังมีความกังวลไม่กล้าที่จะสู้สักเท่าไรนัก รวมทั้งคนที่เป็นชิปเปอร์คุณฟินแน่นอนผมรับประกันเลย รวมทั้งได้เห็นโมเมนต์ ของพี่น้องคู่นึงที่ถึงแม้จะไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ แต่เธอก็ยอมรับอย่างเต็มใจว่าเธอได้พี่สาวเธอกลับมาแล้ว ภาคนี้คนๆ นี้ก็เด่นมากครับ แล้วไม่ใช่ตัวถ่วงด้วย ช่วยพระเอกได้เยอะเลย คนที่ไม่ได้อ่านมังงะถึงตอนล่าสุดก็ดูรู้เรื่องครับไม่ได้เชื่อมโยงขนาดนั้น ถึงแม้ไทม์ไลน์ของ เดอะมูฟวี่ จะเป็นส่วนเสริมเนื้อเรื่องในมังงะก็ตาม

แต่ความสนุกและฉากแอ๊คชัน ก็มีข้อเสียที่บอกเลยว่าหนักพอๆ กับ เดอะมูฟวี่ 24 เลยทีเดียว นั่นก็คือบท ถ้าคุณจะถามหาความสมเหตุสมผล จงลืมมันไปซะ เพราะบทถือว่าไม่สมเหตุสมผลในหลายๆ จุด เอาเสียเลย ถ้าเทียบกับความเกี่ยวข้องกับอินเตอร์โพลหรือองค์การตำรวจสากลแล้วต้องเจอจุดที่ต้องรู้สึกว่า เอ๊ะ ตลอด รวมทั้งด้วยความที่ตัวละครเด่นๆ มันใส่เข้ามาเยอะมาก ทำให้กระจายบทออกมาไม่ดีจนได้แต่ถามอาจารย์โกโซว่าคุณจะใส่ตัวละครนี้เข้ามาทำไม ไม่ได้ช่วยเสริมเนื้อเรื่องอะไรเลย แถมตัวร้ายภาคนี้เดาง่ายมาก คุณดูไปเรื่อยๆ คุณจะเดาออกเลยว่าคนร้ายต้องเป็นคนนี้แน่นอน รวมทั้งถึงแม้เนื้อเรื่องจะมีการชิงไหวชิงพริบเยอะ แต่ผลลัพธ์ของศึกสงครามนี้ผมมองว่าจบง่ายเกินไปจนต้องถามว่า เอาแบบนี้เลยเหรอ ? 

สรุป
โคนัน เดอะมูฟวี่ ภาคนี้ถือว่าเป็นภาคที่ยังดูสนุก คนที่เป็นแฟนคลับไฮบาระไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง รับประกันความฟิน แต่ถ้าพูดถึงเนื้อเรื่องถือว่าดรอปกว่าภาคที่แล้วที่วางเนื้อเรื่องได้ดีมาก แต่เพราะฉากแอ๊คชันและการชิงไหวชิงพริบที่มาตลอดทั้งเรื่องก็ทำให้ผมดูเดอะมูฟวี่ภาคนี้ได้เรื่อยๆ แม้อาจจะมีสะดุดบ้างก็ตาม 

ส่วนตัวผมให้ 7/10 ครับ 
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่