ชีวิตคู่ที่ไม่ใช่แค่เรา 2 คน

ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะครับ

ผมกับแฟนเป็นคู่รัก ชายรักชายครับ อยู่กินกับแฟนมาแล้ว 3 ปี ก่อนที่จะมารู้จักกับแฟนคนนี้ผมทำงานประจำที่ กทม. ครับ แต่ได้ลาออกจากงานเพื่อจะมาค้าขายอยู่ที่บ้าน ตจว.

จังหวะที่กำลังมองหาช่องทางค้าขายนั้น มาเจอกับแฟนคนนี้พอดี แฟนผมอยู่คนละจังหวัดครับ อยู่ไกลกัน คบหากันได้เกือบปีผมเลยตัดสินใจ มาเช่าที่ดินเปล่าเปิดร้านทำมาค้าขายอยุ่ใกล้ๆบ้านแฟน ห่างกันประมาณ 3 กม.เพราะหวังว่าจะไปมาหาสู่กันสะดวก

โดยพื้นฐานแฟนผมเป็นคนดีครับ รักครอบครัวมากๆ จนบางทีเขาก็ลืมนึกถึงตัวเอง จุนเจือครอบครัวจนเป็นหนี้เป็นสิน ตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอด ซึ่งผมก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดีนะครับลูกกตัญญู......เขาอยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ มีแม่ ป้า สามีของป้า พี่ชาย พี่สะใภ้ และ หลานชาย(ม.1) หลานสาว(ป.5) ลูกของพี่ชายเขา

ซึ้งแฟนผมเป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งหมด รวมทั้ง ค่าใช้จ่ายหลานทั้ง 2 คน เพราะเงินเดือนของพี่ชายพี่สะใภ้ ต้องส่งงวดรถ และใช้หนี้หมด เหลือส่งมาให้ลูกเดือนไม่ถึงพัน

แฟนผมทำงานรับราชการใกล้บ้าน พี่ชายและพี่สะใภ้ทำงานเป็นพนักงาน ตจว. เดือนนึงจะขอลาหยุดได้ 4 วัน ระหว่านั้นก็ให้หลาน 2 คน อยู่กับลุง กับป้า ส่วนแม่ ไม่ค่อยกินเส้นกับลุงกับป้า เลยขอไปอยู่คนเดียวที่บ้านหลังเก่าอีกหลังนึงครับ

ส่วนบ้านที่ลุงกับป้าและหลาน 2 คนอยู่เป็นบ้านหลังใหม่ที่แฟนผมเขาสร้างไว้บนที่ดินของลุงกับป้าที่ยกให้เขา เพราะก่อนหน้านี้พี่ชายพี่สะใภ้เขาไม่ทำการทำงาน นอนอยู่บ้านเฉยๆ แถมติดยาเสพติด เลยทำให้แฟนผมอยู่ร่วมบ้านเดียวกับพี่ชายเขาไม่ได้ เพราะต้องรับผิดชอบทุกอย่าง ลุงกับป้าเลยยกที่ดินให้สร้างบ้าน เพื่อหวังฝากผีฝากไข้ในยามแก่ เพราะลุงกับป้าไม่มีลูกครับ

พอผมทำร้านเสร็จก็มาลงหลักปักฐานที่นี่เลย แฟนผมไปๆ มาๆ ก็ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่ร้านครับ ผมเข้าใจสถานะทางครอบครัวของแฟนดี จึงไม่อยากวุ่นวายกับครอบครัวเขามาก พยายามรักษาระยะห่าง และระวังตัวเองมาตลอด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา โดยเฉพาะเรื่องเงินครับ ลุงกับป้าและญาติพี่น้องคนอื่นอื่นก็รักผมเหมือนลูกเหมือนหลานครับ เพราะไปมาหาสู่กันตลอด หลังปิดร้านก็ไปทำกับข้าวกินกันที่บ้านแฟนแล้วค่อยกลับมานอนที่ร้านครับ

ผมก็พยายามวางตัวให้ดีเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องความสัมพันธุ์ระหว่างผมกับครอบครัวแฟน เพราะไม่อยากให้แฟนอึดอัด ถึงจะไม่เห็นด้วยบางเรื่องก็เถอะ แต่ก็ไม่พยายามจะไปเปลี่ยนแปลงเพราะผมเข้าใจดีว่าเขาอยู่กันมาแบบนี้

แต่ด้วยความที่แฟนเป็นห่วงแม่ที่ต้องอยู่คนเดียว เขาจึงขอสร้างห้องอีกห้องเพื่อนให้แม่มาอยู่ด้วยกันที่ร้าน เพราะมีพื้นที่เหลืออยู่ ตอนแรกผมก็คัดค้าน และพยายามอธิบายว่ามันเป็นพื้นที่เช่า เราไม่ควรนำเงินมาสิ้นเปลือง และควรเหลือพื้นที่ไว้ทำมาค้าขายอย่างอื่นเพิ่ม

แต่เขาก็ยืนยันจะเอาแม่ออกมาให้ได้ เขาเลยนำเงินส่วนตัวมาสร้างห้องให้แม่อยู่ครับ และนำมาซื้อของเข้าร้านบางส่วน เพราะเขาคิดว่า มาอยู่นี่แล้ว ก็ควรจะลงทุนช่วยกัน เพราะเอาแม่มาอยู่ด้วย ตอนแรกผมก็คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรก็อยู่คนละส่วน ยังไงก็แม่เขา เราก็ควรรักเหมือนแม่เรา! !

แต่ปัญหาเริ่มเกิดครับ ผมเริ่มบริหารจัดการเงินไม่ได้เต็มที่ เพราะเวลาจะใช่จ่ายอะไร ก็จะหยิบเงินในร้านใช้จ่าย ทั้งแม่แฟนและแฟนผม แต่ยังดีช่วงแรกกิจการไปได้ด้วยดีเลยไม่ค่อยมีปัญหามาก จนมีคู่แข่งมาเปิดใกล้ๆกัน

เงินในร้านเริ่มหมุนไม่ทันเพราะรายได้น้อยลง ต้องควักเงินลงทุนประคองร้านมาตลอด ทั้งเงินแฟนผมและเงินผมด้วย ผมก็ไม่กล้าพูดมาก แต่ก็มีเปรยๆบ้าง เรื่องแม่ซื้อหวยกับใส่บาตร ทั้งใส่ปัจจัย ทั่งซื้อข้าวแกงถุง สรุปคือทะเลาะกันใหญ่โตเลยครับ หาว่าเราไม่ชอบแม่เขา หาว่าเราขัดขวางการใส่บาตร ผมเลยเลือกที่จะไม่พูดอีก กลัวจะมีปัญหากันอยู่กันลำบากเลยปล่อยครับ

หนำซ้ำแฟนยังพาหลาน 2 คน ออกมาอยู่ที่ร้านด้วย หวังจะดูแลสั่งสอนหลาน เพราะอยู่ในบ้าน ลุงกับป้าตามใจ เด็กไม่เชื่อฟัง และไม่เกรงกลัวลุงกับป้า กินนอนไม่เป็นเวลา บางวันก็ไม่ไปโรงเรียนหลายวันเพราะตื่นสาย นอนดึก กลายเป็นเด็กก้าวร้าวเพราะติดเกมมือถือ

ผมนี่เริ่มเครียดไปกันใหญ่ เพราะหลานออกมาอยู่ที่ร้าน แฟนผมก็ไม่ได้ดูแลเต็มที่เพราะกลางวันต้องไปทำงานเด็กก็ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวผมเท่าไหร่ เพราะผมเป็นคนอื่น ไอ้เราจะว่ากล่าวตักเตือนสั่งสอนมากก็ไม่ได้ ส่วนแม่เขาก็ควบคุมประพฤติหลานไม่ได้เพราะเด็กไม่เชื่อฟัง

ด้านแฟนผมถึงจะสั่งสอนหลานได้แต่เด็กกลายเป็นไม่ชอบอาซะงั้นเพราะโดนบังคับให้อยู่ในกฎระเบียบ ทุกครั้งที่ว่ากล่าวตักเตือนสั่งสอนหลาน พ่อกับแม่เขาก็จะโทรมาต่อว่าแฟนผม ว่าไปว่าให้ลูกเขา หาว่าเราไม่มีวุฒิภาวะ ไม่เข้าใจเด็ก ซึ้งผมรับไม่ได้กับเรื่องนี้มากๆ

ผมเลยตัดสินใจคุยกับแฟนจริงจังเรื่องหลาน เพราะทนไม่ไหวจริงๆครับ ให้พาหลานกลับเข้าไปอยู่ในบ้านเหมือนเดิม แล้วให้แฟนเทียวกลับไปดูแลเอาหลังเลิกงาน ยังดีที่เขาฟังผมอยู่บ้าง แต่ก็ไม่วายสร้างเรื่องให้เดือนร้อนเสียเงินเสียทอง ทำข้าวของในบ้านเสียหาย
ผมกับแฟนก็ต้องมานั่งรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ค่าซ่อมแซม

ตอนนี้ผมคิดว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของผมแล้ว แต่ปัญหาคือใช้เงินกระเป๋าเดียวกัน ผมเลยคุยกับแฟนเด็ดขาย ว่าจะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆ อีก ในส่วนที่ไม่ใช่หน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบ จึงให้แฟนคุยกับพี่ชายเขาซะ ว่าให้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนที่เค้าควรรับผิดชอบดูแลซะ

นี่จึงเป็นสาเหตุให้ผมกับครอบครัวพี่ชายแฟน ไม่ลงรอยกันครับ น่าจะลามไปถึงแม่แฟน ที่คิดว่าผมไม่รักหลานเขา และไม่ถูกกับลูกชายคนโตเขา เค้าจึงไม่ค่อยโอเคกับผมเท่าไหร่ แต่ก็ยังอยู่ที่ร้านนะครับไม่ไปไหน เพราะหวังว่าอนาคตคงจะได้ให้ลูกชายคนโตเขามาดูแลต่อ

แฟนผมเป็นคนรักแม่มากๆ ครับ จะทำอะไรก็ต้องคอยถามแม่ปรึกษาแม่ตลอด ซึ้งพักหลังมันทำให้ผมรู้สึกว่าผมจัดการระบบ ระเบียบในร้านไม่ได้เลย และแฟนก็ไม่ค่อยจะฟังความเห็น และแคร์ความรู้สึกผมเท่าไหร่ จากที่ผมสังเกตุดูพักหลัง เพราะเขาเชื่อฟังแม่อย่างเดียวเลยครับ

จนมาถึงจุดแตกหักของผมเลย คือ แม่อยากเซ้งร้านข้างๆ ไว้เผื่อพี่ชายกับพี่สะใภ้เค้า ออกจากงานมาดูแลลูกจะได้มีที่ทำมาหากิน แต่! คนจ่ายค่าเซ้งและค่าเช่าคือผมกับแฟนเป็นคนจ่าย ผมคุยกับแฟนแล้วรอบนึงว่า ไม่เอาเพราะมันเพิ่มพาระค่าใช้จ่ายในร้าน ตอนแรกเขาก็เชื่อผมนะ เพราะคิดดูแล้วมันเพิ่มค่าใช้จ่ายโดยปล่าวประโยชน์ ลำพังค่าใช้จ่ายในร้านก็เยอะอยู่แล้ว

แต่พอมาอีกวัน บอกว่าจะเซ้ง หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็จะเซ้งให้แม่ เพราะแม่อยากได้ไว้ให้พี่ชายกับพี่สะใภ้ ผมหมดคำจะพูดเลยครับ เลยตัดสินใจแยกกันอยู่กับแฟน ผมกลับมาอยู่บ้านครับ และปล่อยให้เขากับแม่เขาดูและร้านไป เพราะเหนื่อยใจมากครับ

ส่วนร้านตอนแรกผมก็ว่าจะเซ้ง แต่ก็สงสารแฟนเลยให้เค้าค้าขายไป......

*ทุกคนคิดว่าผมทำถูกไหมครับที่ทิ้งร้านมาแบบนั่น
*ยาวหน่อยต้องขออภัยด้วยนะครับ
*ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับฟังปัญหาและให้คำแนะนำครับ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ปัญหาครอบครัว ปัญหาชีวิต ประสบการณ์ชีวิตคู่
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่