กระทู้นี้เป็นการรีวิวทริปการเดินทางเที่ยวคนเดียวในต่างประเทศ สำหรับสายพาสปอร์ตขาว ><
เราจะมาแชร์แพลนเที่ยวสองเมืองยอดฮิตในญี่ปุ่น ที่เราเป็นคนวางแผนและทำการจองต่างๆ ด้วยตัวเองทั้งหมด
รวมถึงประสบการณ์ที่ตม.ญี่ปุ่น (ไม่ได้น่ากลัวเลย อยากแชร์ให้คนที่ลังเลกล้าไปลองดูค่ะ)
ก่อนอื่นมาเริ่มกันที่
การเตรียมตัวก่อนเดินทาง เนื่องจากเป็นการไปต่างประเทศครั้งแรกของเรา
เพื่อไม่ให้เป็นการไปเที่ยวคนเดียวที่น่ากลัวและลุ้นจนเกินไป เราจะศึกษาเส้นทางรถสาธารณะของแต่ละเมืองก่อน
จากนั้นเลือกสถานที่ท่องเที่ยว เน้นไปได้เองง่ายหรืออยู่ใกล้ๆสถานีรถไฟ
จากนั้นจะจองสิ่งต่างๆล่วงหน้าไว้ให้ได้มากที่สุด แม้กระทั่งตั๋วรถไฟเข้าเมืองจากสนามบินเราก็จองไว้ก่อน
เมื่อแพลนของเราลงตัวก็อย่าลืมที่จะปริ้นท์เอกสารสำคัญ เช่นการจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรมที่พัก เป็นต้น
เราพกเอกสารไปใช้ยืนยันกับทางตม. เผื่อเกิดปัญหาใช้โทรศัพท์ไม่ได้ จะได้มีทางรอด ^^
หากเราเสิร์ชในกลูเกิ้ลว่า “ไปญี่ปุ่นต้องทำอะไรบ้าง” สิ่งแรกที่จะขึ้นมาเลยก็คือ
การลงทะเบียน Visit Japan Web
Link :
https://vjw-lp.digital.go.jp/en/
สิ่งที่สำคัญที่ต้องแนบในการลงทะเบียนคือ Vaccine Certification ต้องเข้าไปขอในแอพหมอพร้อม
เมื่อได้แล้วก็เซฟไฟล์ติดเครื่องไว้เลย จะต้องได้ยื่นหลักฐานที่สนามบินด้วยนะ
วิธีการกรอกสามารถทำตามเว็บไซต์ต่างๆได้เลย (ตอนนี้เหมือนจะมีกฎอัพเดทเรื่องวัคซีนแล้วนะ ลองไปหาอ่านดูค่ะ)
เมื่อกายพร้อมใจพร้อม ก็รอให้ถึงวันเที่ยวและเริ่มการเดินทางได้ !
ไฟลท์บินของเราออกจากกรุงเทพตอนตีสองถึงเมืองฮอกไกโดตอนสิบโมงเช้า (เวลาที่ญี่ปุ่นเร็วกว่าไทยสองชม.)
หลังจากที่ลงเครื่องออกมาให้เดินตามป้าย Arrival เจ้าหน้าที่จะอยู่รอตอนรับเราจากต้นทางถึงปลายทาง
ขั้นตอนต่างๆ จะเรียงการยื่นข้อมูลตามในเว็บไซต์เลย ขั้นแรกเราต้องโชว์หลักฐาน Quarantine ที่ขึ้นว่า
"Review complete" โดยหน้านั้นจะต้องเป็นสีน้ำเงินเท่านั้น (สีชมพูคือยังไม่ผ่านน้า)
ซึ่งเจ้าหน้าที่จะบอกว่าถ้าสี blue ให้เดินไปทางไหน ส่วนใครที่ไม่ได้ทำมาก่อนก็ไปทำที่หน้างานได้
แต่มันจะต้องใช้เวลา ในการรอตรวจสอบข้อมูล ฉะนั้นทำไปก่อนจะช่วยลดเวลาได้มาก
จากนั้นเป็นในส่วนของ
Immigration/การตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. ในขั้นตอนนี้เจ้าหน้าที่จะสอบถามรายละเอียด
ว่าเรามาทำอะไรในประเทศของเขา เราจะต้องพูดคุยและสำแดงเอกสารเพิ่มความน่าเชื่อถือ
ด้วยความที่เราไปคนเดียวและไม่มีประวัติวีซ่าของที่ไหนมาก่อน ทำให้ค่อนข้างใช้เวลากับตรงนี้พอสมควร
โดยคำถามสำคัญที่เราโดนและสิ่งที่เจ้าหน้าที่ขอดูเอกสารคือ
- มากี่วัน ไปที่ไหนบ้าง
ให้อธิบายแพลนคร่าวๆ และแสดงเอกสารการจองเครื่องบินวันกลับ ให้เห็นว่าเรามีแพลนจะกลับประเทศนะ
หากมีบินไปเมืองอื่นต่อก็แสดงไปให้หมดเลย
- พักที่ไหนบ้าง
อันนี้ให้แสดงหลักฐานการจองโรงแรม จะปริ้นท์จากเว็บหรือเปิดจากแอพก็ได้
- มาทำอะไร
เนื่องจากเราตั้งใจไปเล่นสกีที่ซัปโปโร ก็โชว์หลักฐานการจองและเช่าอุปกรณ์ของลานสกี(จองผ่านอีเมล์ )
เราเองก็บอกเขานะว่ามาเที่ยวมาพักผ่อนทั่วไป (ใครที่ไม่ได้มาทำอะไรเป็นพิเศษก็ไม่ต้องกลัวนะคะ)
- มีเพื่อนหรือคนรู้จักอยู่ที่ญี่ปุ่นหรือเปล่า
เรามีเพื่อนที่ไปทำงานอยู่ที่นั่นก็บอกเขาไปตามตรงว่ามีเพื่อนอยู่ที่นั่น แต่ก็ย้ำไปด้วยว่า เราไม่ได้จะไปเจอเพื่อนนะ
เราตั้งใจมาเที่ยวคนเดียว 55555555555
หลังจากดูทรงเราแล้วว่าไม่น่ามีปัญญาทำมิดีมิร้ายในประเทศเขา เจ้าหน้าที่ก็ได้แสตมป์ติดพาสปอร์ตเรา เย้
สุดท้ายที่ด่าน Customs ส่วนนี้รวดเร็วมากแค่แสกน QR code จาก Vistis Japan Web ที่เครื่องก็ผ่านไปได้เลย
และนี่คือแพลนเที่ยวในแต่ละวันของเรา







เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาต่อในส่วนรายละเอียดและค่าใช้จ่ายในแต่ละวันนะคะ
รีวิวและแชร์แพลนการเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียว 7 วัน ที่ซัปโปโร-โตเกียว
เราจะมาแชร์แพลนเที่ยวสองเมืองยอดฮิตในญี่ปุ่น ที่เราเป็นคนวางแผนและทำการจองต่างๆ ด้วยตัวเองทั้งหมด
รวมถึงประสบการณ์ที่ตม.ญี่ปุ่น (ไม่ได้น่ากลัวเลย อยากแชร์ให้คนที่ลังเลกล้าไปลองดูค่ะ)
ก่อนอื่นมาเริ่มกันที่การเตรียมตัวก่อนเดินทาง เนื่องจากเป็นการไปต่างประเทศครั้งแรกของเรา
เพื่อไม่ให้เป็นการไปเที่ยวคนเดียวที่น่ากลัวและลุ้นจนเกินไป เราจะศึกษาเส้นทางรถสาธารณะของแต่ละเมืองก่อน
จากนั้นเลือกสถานที่ท่องเที่ยว เน้นไปได้เองง่ายหรืออยู่ใกล้ๆสถานีรถไฟ
จากนั้นจะจองสิ่งต่างๆล่วงหน้าไว้ให้ได้มากที่สุด แม้กระทั่งตั๋วรถไฟเข้าเมืองจากสนามบินเราก็จองไว้ก่อน
เมื่อแพลนของเราลงตัวก็อย่าลืมที่จะปริ้นท์เอกสารสำคัญ เช่นการจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรมที่พัก เป็นต้น
เราพกเอกสารไปใช้ยืนยันกับทางตม. เผื่อเกิดปัญหาใช้โทรศัพท์ไม่ได้ จะได้มีทางรอด ^^
หากเราเสิร์ชในกลูเกิ้ลว่า “ไปญี่ปุ่นต้องทำอะไรบ้าง” สิ่งแรกที่จะขึ้นมาเลยก็คือ การลงทะเบียน Visit Japan Web
Link : https://vjw-lp.digital.go.jp/en/
สิ่งที่สำคัญที่ต้องแนบในการลงทะเบียนคือ Vaccine Certification ต้องเข้าไปขอในแอพหมอพร้อม
เมื่อได้แล้วก็เซฟไฟล์ติดเครื่องไว้เลย จะต้องได้ยื่นหลักฐานที่สนามบินด้วยนะ
วิธีการกรอกสามารถทำตามเว็บไซต์ต่างๆได้เลย (ตอนนี้เหมือนจะมีกฎอัพเดทเรื่องวัคซีนแล้วนะ ลองไปหาอ่านดูค่ะ)
เมื่อกายพร้อมใจพร้อม ก็รอให้ถึงวันเที่ยวและเริ่มการเดินทางได้ !
ไฟลท์บินของเราออกจากกรุงเทพตอนตีสองถึงเมืองฮอกไกโดตอนสิบโมงเช้า (เวลาที่ญี่ปุ่นเร็วกว่าไทยสองชม.)
หลังจากที่ลงเครื่องออกมาให้เดินตามป้าย Arrival เจ้าหน้าที่จะอยู่รอตอนรับเราจากต้นทางถึงปลายทาง
ขั้นตอนต่างๆ จะเรียงการยื่นข้อมูลตามในเว็บไซต์เลย ขั้นแรกเราต้องโชว์หลักฐาน Quarantine ที่ขึ้นว่า
"Review complete" โดยหน้านั้นจะต้องเป็นสีน้ำเงินเท่านั้น (สีชมพูคือยังไม่ผ่านน้า)
ซึ่งเจ้าหน้าที่จะบอกว่าถ้าสี blue ให้เดินไปทางไหน ส่วนใครที่ไม่ได้ทำมาก่อนก็ไปทำที่หน้างานได้
แต่มันจะต้องใช้เวลา ในการรอตรวจสอบข้อมูล ฉะนั้นทำไปก่อนจะช่วยลดเวลาได้มาก
จากนั้นเป็นในส่วนของ Immigration/การตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. ในขั้นตอนนี้เจ้าหน้าที่จะสอบถามรายละเอียด
ว่าเรามาทำอะไรในประเทศของเขา เราจะต้องพูดคุยและสำแดงเอกสารเพิ่มความน่าเชื่อถือ
ด้วยความที่เราไปคนเดียวและไม่มีประวัติวีซ่าของที่ไหนมาก่อน ทำให้ค่อนข้างใช้เวลากับตรงนี้พอสมควร
โดยคำถามสำคัญที่เราโดนและสิ่งที่เจ้าหน้าที่ขอดูเอกสารคือ
- มากี่วัน ไปที่ไหนบ้าง
ให้อธิบายแพลนคร่าวๆ และแสดงเอกสารการจองเครื่องบินวันกลับ ให้เห็นว่าเรามีแพลนจะกลับประเทศนะ
หากมีบินไปเมืองอื่นต่อก็แสดงไปให้หมดเลย
- พักที่ไหนบ้าง
อันนี้ให้แสดงหลักฐานการจองโรงแรม จะปริ้นท์จากเว็บหรือเปิดจากแอพก็ได้
- มาทำอะไร
เนื่องจากเราตั้งใจไปเล่นสกีที่ซัปโปโร ก็โชว์หลักฐานการจองและเช่าอุปกรณ์ของลานสกี(จองผ่านอีเมล์ )
เราเองก็บอกเขานะว่ามาเที่ยวมาพักผ่อนทั่วไป (ใครที่ไม่ได้มาทำอะไรเป็นพิเศษก็ไม่ต้องกลัวนะคะ)
- มีเพื่อนหรือคนรู้จักอยู่ที่ญี่ปุ่นหรือเปล่า
เรามีเพื่อนที่ไปทำงานอยู่ที่นั่นก็บอกเขาไปตามตรงว่ามีเพื่อนอยู่ที่นั่น แต่ก็ย้ำไปด้วยว่า เราไม่ได้จะไปเจอเพื่อนนะ
เราตั้งใจมาเที่ยวคนเดียว 55555555555
หลังจากดูทรงเราแล้วว่าไม่น่ามีปัญญาทำมิดีมิร้ายในประเทศเขา เจ้าหน้าที่ก็ได้แสตมป์ติดพาสปอร์ตเรา เย้
สุดท้ายที่ด่าน Customs ส่วนนี้รวดเร็วมากแค่แสกน QR code จาก Vistis Japan Web ที่เครื่องก็ผ่านไปได้เลย
และนี่คือแพลนเที่ยวในแต่ละวันของเรา
เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาต่อในส่วนรายละเอียดและค่าใช้จ่ายในแต่ละวันนะคะ