จิราพร ประณามใช้ความรุนแรง หลัง แบม-ตะวัน โดนทำร้ายบุกเวทีปราศรัย พปชร.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3906026
จิราพร ประณามใช้ความรุนแรง หลัง แบม-ตะวัน โดนทำร้ายบุกเวทีปราศรัย พปชร.
จากเหตุการณ์ที่ น.ส.
ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ
ตะวัน และ น.ส
.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือ
แบม นักกิจกรรมอิสระ พร้อมกลุ่มทะลุวัง ได้ถือป้ายไวนิลนโยบายของหลายพรรคการเมือง เพื่อมายืนทำกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง บริเวณพื้นที่ทางเข้าเวทีปราศรัย ของ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดปราศรัยย่อยโซนธนบุรีเหนือ “
พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ” ที่สวนสาธารณะใต้สะพานพระราม 8 เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ภายในงานมีการ์ดคอยควบคุมที่บริเวณประตูเข้า-ออก โดยมีแผงเหล็กกั้นอยู่ แต่กลุ่มแบมและตะวัน พยายามเคลื่อนเข้าไปใกล้บริเวณเวทีให้มากที่สุด ทำให้ทางการ์ดปิดกั้นเอาไว้ จนเกิดการปะทะ มีการชกต่อยระหว่างการ์ดและกลุ่มเยาวชน ทำให้เกิดความวุ่นวาย กระทั่งสามารถบุกเข้ามาในพื้นที่ สร้างความตกใจให้ประชาชนที่มาฟังการปราศรัย ซึ่งความวุ่นวายดังกล่าวเกิดขึ้นเกือบประมาณ 20 นาที จนการ์ดสามารถกันกลุ่มเยาวชนออกจากพื้นที่จัดงานได้
ล่าสุด น.ส.
จิราพร สินธุไพร (น้ำ) ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า
จิราพร สินธุไพร (น้ำ) ขอประณามการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ
แบม และ
ตะวัน รวมทั้งนักกิจกรรมทางการเมือง ที่ถูกทำร้ายบริเวณเวทีปราศรัยพรรคพลังประชารัฐ พร้อมยืนยันว่า ความขัดแย้งไม่อาจลดได้ด้วยการใช้ความรุนแรง
น.ส.
จิราพร สินธุไพร (น้ำ) ทวีตข้อความว่า
“ทราบข่าวว่าเกิดเหตุนักกิจกรรมถูกรุมทำร้ายบริเวณเวทีปราศรัยพรรค #พลังประชารัฐ ซึ่งชูสโลแกน ‘ก้าวข้ามความขัดแย้ง”
“ความขัดแย้งไม่อาจลดได้ด้วยการใช้ความรุนแรง ขอประณามการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบค่ะ”
https://twitter.com/j_sindhuprai/status/1642198154475970561
‘พิธา’ ปราศรัยพิษณุโลกลั่นกาก้าวไกลได้ 3 เด้ง ประยุทธ์ออกไป ประวิตรออกไป ได้คนใหม่เปลี่ยนประเทศ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3905825
‘พิธา’ ปราศรัยพิษณุโลกลั่นกาก้าวไกลได้ 3 เด้ง ประยุทธ์ออกไป ประวิตรออกไป ได้คนใหม่เปลี่ยนประเทศ
เมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่สวนชมน่าน จ.พิษณุโลก นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ปราศรัยปิดเวทีปราศรัยและแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก พรรค ก.ก. ว่า ตน และ นาย
ปดิพัทธ์ สันติภาดา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 พรรค ก.ก. มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือความเป็นพ่อคน พวกเราทำงานการเมืองเพราะเราไม่สามารถส่งต่อสังคมแบบนี้ให้กับลูกของเรา ตนและพรรค ก.ก. มีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนประเทศนี้ให้มีความเท่าเทียมกัน มีความเปิดกว้างหลายหลายให้กับคนทุกคนอย่างเสมอภาค และเอาระบบอำนาจนิยมออกไป
นาย
พิธากล่าวต่อว่า การเมืองที่ตนอยากเห็นในฐานะคนเป็นพ่อ คือประเทศที่มีการศึกษาที่เท่าเทียมกัน เด็กที่มาจากครอบครัวร่ำรวยสามารถพูดได้ 3 ภาษา การศึกษาในประเทศนี้ก็ต้องมีศักยภาพทำให้เด็กทุกคนพูดได้ 3 ภาษา ตนต้องการที่จะสร้างสังคมที่เท่าเทียม หลากหลาย ปราศจากอำนาจนิยมและปิตาธิปไตยให้กับคนรุ่นต่อไป
“
อีก 10 ปี อาจเป็นลูกของผมหรือลูกของท่านที่ไปเรียกร้องเพื่อความเท่าเทียม ทำไมเรื่องเหล่านี้ต้องให้คนหนุ่มสาวออกมาพูด ไม่ใช่ผู้แทนราษฎรที่มีกระดูกสันหลังในสภาที่พูด ทำให้คนหนุ่มสาวออกไปตามหาความฝันของเขาไม่ได้ ชีวิตลูกของผม ลูกของหมออ๋อง และลูกของเราทุกคนจะดีขึ้น เมื่อพวกเราอยู่ในสังคมที่เท่าเทียมกัน” นาย
พิธากล่าว
นาย
พิธา กล่าวต่อว่า สังคมที่เท่าเทียมกันต้องมีโอกาสที่เท่าเทียมกันระหว่างคนที่มีความพิการและคนอื่นๆ ในสังคม โดยพรรคก.ก. หนึ่ง จะเพิ่มเบี้ยผู้พิการ 3,000 บาท สอง จะผลักดันนโยบายการออกแบบเพื่อคนทุกคนให้สามารถกำหนดชีวิตประจำวันในการเดินทางให้ได้ สาม คือการสร้างงานจากปัจจุบันที่รัฐบังคับเฉพาะบริษัทเอกชนให้จ้างงานคนพิการ แต่ในรัฐบาลพรรคก้าวไกลจะจ้างงานคนพิการเป็นข้าราชการทันที 20,000 ตำแหน่ง และสี่ สร้างอุตสาหกรรมเพื่อผู้พิการ เช่น รถเข็นของคนพิการ จากที่นำเข้ามีราคาแพง ให้สามารถผลิตได้ในประเทศ
นาย
พิธายังเสนออีกว่า ตนและพรรคก.ก. ต้องการให้คนรุ่นต่อไปได้อากาศสะอาดไว้หายใจ นี่คือสาเหตุให้พรรคก้าวไกลผลักดันกฎหมายอากาศสะอาด ซึ่งกฎหมายอากาศสะอาดของพรรคก.ก. ต้องไม่ใช่แค่มีผลในประเทศ แต่จะไปเจรจากับต่างประเทศให้มีมาตรฐานคุณภาพอากาศเดียวกันทั้งอาเซียน ไม่ใช่ปล่อยให้กลุ่มทุนภาคเกษตรหนีจากประเทศที่มีมาตรฐานสินค้าเกษตรสูงแล้วไปทำไร่ข้าวโพดในลาวและเมียนมาร์
นาย
พิธากล่าวว่า ตนฝากถึงประชาชนชาวพิษณุโลกและคนไทยทั้งประเทศว่า เลือกพรรคก.ก. ประชาชนจะได้ประโยชน์ถึง 3 เด้ง เด้งแรก เอา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากอำนาจ เด้งที่สอง เอา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกจากการเมือง เด้งที่สาม ได้คนใหม่ไปเปลี่ยนประเทศไทยให้ดีขึ้น แถมได้ ส.ส.เขตแบบก้าวไกล ที่ทำงานการเมืองแบบใหม่เข้าไปทำงานในสภาฯ
นาย
พิธา กล่าวว่า กรณีที่มีข่าวลือเรื่องพรรคก.ก. จะตัดบำนาญข้าราชการนั้น ตนคือลูกของข้าราชการบำนาญ และในอดีตก็เคยเป็นข้าราชการ เข้าใจความยากลำบากของข้าราชการดี พรรคก.ก.ไม่เคยเสนอตัดบำนาญข้าราชการ งบช้างป่วยคืองบประมาณและการเก็บภาษีของประเทศนี้ที่ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเจอโควิด เจอวิกฤตเงินเฟ้อ เจอสงครามรัสเซียยูเครน ก็ยังจัดงบประมาณเหมือนเดิมทุกปี นี่คือปัญหาของประเทศ
“
พรรคก.ก. เป็นพรรคที่เห็นความสำคัญของบำนาญ ทั้งบำนาญข้าราชการและบำนาญของประชาชน ย้ำอีกครั้ง บำนาญของท่านจะมั่นคงที่สุด ภายใต้รัฐบาลพรรคก้าวไกล เพราะเราจะไปรีดเงินกองทัพเพื่อมาสร้างความมั่นคงให้งบประมาณประเทศ 14 พฤษภานี้ กาทั้งทีขอให้กาอย่างมีวิสัยทัศน์ กาก้าวไกล ให้การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” นาย
พิธากล่าวทิ้งท้าย
ฝุ่นพิษกระเทือนท่องเที่ยวเหนือ เชียงใหม่-เชียงรายยกเลิกห้องพัก 50%
https://www.prachachat.net/local-economy/news-1250199
ปัญหาฝุ่นควันกระทบท่องเที่ยวภาคเหนือ “เชียงใหม่” ยอดจองโรงแรมแผ่ว บุ๊กกิ้งล่วงหน้าเพียง 3% ชี้คนไทยหนีไปเมืองชายทะเล ส่วนทางต่างชาติ ไดเร็กต์ไฟลต์เพียบ ส่วน “เชียงราย” ตัวเลขยกเลิกห้องพักล่วงหน้าช่วงสงกรานต์ไปแล้วกว่า 50% นักท่องเที่ยวลองสเตย์ เซย์โนหนีไปเที่ยวทะเลแทน ขณะที่ร้านอาหารเอาต์ดอร์ยอดลดฮวบ
นาง
ละเอียด บุ้งศรีทอง ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมรติล้านนา ริเวอร์ไซด์ สปา รีสอร์ท เชียงใหม่ เปิดเผย “
ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้สถานการณ์ฝุ่นควันซึ่งเกิดขึ้นรุนแรงในพื้นที่ภาคเหนือและจังหวัดเชียงใหม่ นอกจากจะส่งผลกระทบทั้งกับสุขภาพประชาชนแล้ว ยังส่งผลกระทบกับภาพรวมเศรษฐกิจด้วย เนื่องจากปีนี้สถานการณ์มีความรุนแรงกว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งภาคการท่องเที่ยวของเชียงใหม่ในช่วงเดือน มี.ค. ถือเป็นช่วงโลว์ซีซั่น และไม่มีกิจกรรมการท่องเที่ยวดึงดูด และมีอัตราการเข้าพักต่ำอยู่แล้ว
ประกอบกับสถานการณ์ฝุ่นควันที่รุนแรง จึงทำให้นักท่องเที่ยวคนไทยตัดสินใจเดินทางไปเมืองชายทะเลมากกว่าที่จะเดินทางมาเชียงใหม่ในช่วงนี้ สะท้อนจากตัวเลขยอดจองห้องพักโรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่ ช่วงเดือน มี.ค. อยู่ที่ราว 45% จากปกติในสถานการณ์ไม่มีฝุ่นควันตัวเลขจะอยู่ที่ระดับ 55-60% ส่วนการยกเลิกการจองมีเพียง 3% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนไทย
ขณะที่อัตราการจองห้องพักล่วงหน้าช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขณะนี้มี booking อยู่ที่ 30-40% เท่านั้น ซึ่งอาจต้องรอช่วง 10 วัน ก่อนช่วงหยุดสงกรานต์ คาดว่ายอดจองห้องพักจะอยู่ที่ราว 65% เทียบกับช่วงปกติก่อนโควิด (ปี 2562) จะอยู่ที่ 80-85% จึงต้องรอดูสถานการณ์ว่าช่วงใกล้เทศกาลสงกรานต์ ยอดจองจะเพิ่มเข้ามาอีกหรือไม่ และล่าสุด เทศบาลนครเชียงใหม่ เตรียมจัดกิจกรรม “ปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่” ชูจุดขายประเพณีวัฒนธรรมที่เป็นไฮไลต์ ซึ่งมีการแถลงข่าวไปเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา
“
คาดว่าอัตราการจองห้องพักช่วงสงกรานต์ปีนี้จะอยู่ที่ราว 65% ซึ่งคิดเฉพาะกลุ่มโรงแรม 4-5 ดาว ที่มีจำนวนราว 5,000 ห้อง ราคาห้องพักเฉลี่ย 4,000 บาทต่อห้อง (รวมวันพักเฉลี่ย 3 วันในช่วงหยุดสงกรานต์) จะมีรายได้ในส่วนของห้องพักในช่วงสงกรานต์ราว 60 ล้านบาท”
นาย
พัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวในเรื่องนี้ว่า ขณะนี้ภาพรวมของธุรกิจการท่องเที่ยวเชียงใหม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาฝุ่นควันไม่มากนัก ซึ่งตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยอาจแผ่วลงไปบ้าง เนื่องจากเป็นช่วงฤดูร้อน (โลว์ซีซั่น) ทำให้คนไทยนิยมไปเที่ยวทะเล ขณะที่ตลาดต่างชาติกลับสวนทาง ยังคงมีการเดินทางเข้าสู่จังหวัดเชียงใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีไดเร็กต์ไฟลต์จากหลายประเทศที่บินตรงมาเชียงใหม่มากถึง 29 ไฟลต์ต่อสัปดาห์ และจะเพิ่มเป็น 30 ไฟลต์ ในช่วงเดือน ก.ค. โดยเฉพาะสายการบินจากจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปัญหาฝุ่นควันจะไม่กระทบไปถึงช่วงสงกรานต์ เพราะหากสภาพอากาศมีลมมีฝนในช่วงก่อนสงกรานต์ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ก็จะช่วยบรรเทาปัญหาฝุ่นควันลงได้บ้าง ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงสงกรานต์ รายได้ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ทั้งระบบจะอยู่ที่ราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ที่มาจากโรงแรมที่พัก การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว และการจับจ่ายซื้อสินค้าของฝาก
ท่องเที่ยวเชียงรายกระทบหนัก
นาง
พร้อมพร จินดาวงศ์ เนตรหาญ รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย และประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชียงรายพัฒนาเมือง (ซีอาร์ซีดี) จำกัด ยอมรับว่า ขณะนี้การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายได้รับผลกระทบอย่างมากจากปัญหาฝุ่นควันที่รุนแรง โดยนักท่องเที่ยวยกเลิกการจองห้องพักโรงแรมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ไปมากกว่า 50% จากปกติน่าจะมียอดจองห้องพักประมาณ 70%
ขณะที่นักท่องเที่ยวที่จะมาพักผ่อนแบบระยะยาวหรือลองสเตย์ ก็มีการยกเลิกการจองห้องและย้ายออกจากจังหวัดเชียงรายไปแล้ว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากยุโรปและรัสเซีย ซึ่งเป็นลูกค้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงรายตั้งแต่ช่วงต้นปี 2566
“
ตอนนี้ชาวต่างประเทศออกไปจากเชียงรายไปจังหวัดชายทะเลกันหมดแล้ ส่วนธุรกิจร้านอาหาร คาเฟ่ ที่เป็นลักษณะ Outdoor ยอดขายตกอย่างมาก เพราะไม่มีคนออกไปรับประทานอาหาร แม้แต่คนเชียงรายเองก็อยู่แต่ในบ้าน และอีกธุรกิจหนึ่งที่ได้ระบผลกระทบก็คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าที่เป็นคนต่างพื้นที่และต้องการจะมาใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุที่เชียงราย พอเกิดปัญหาฝุ่นควันที่รุนแรงและยังไม่ได้รับการแก้ไขชัดเจนเป็นรูปธรรม ก็ตัดสินใจยกเลิกโครงการเช่นกัน”
JJNY : จิราพร ประณามใช้ความรุนแรง│‘พิธา’ปราศรัยพิษณุโลก│ฝุ่นกระเทือนท่องเที่ยวเหนือ│น้องสาวผู้นำเกาหลีเหนือวิจารณ์ยูเครน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3906026
จิราพร ประณามใช้ความรุนแรง หลัง แบม-ตะวัน โดนทำร้ายบุกเวทีปราศรัย พปชร.
จากเหตุการณ์ที่ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม นักกิจกรรมอิสระ พร้อมกลุ่มทะลุวัง ได้ถือป้ายไวนิลนโยบายของหลายพรรคการเมือง เพื่อมายืนทำกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง บริเวณพื้นที่ทางเข้าเวทีปราศรัย ของ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดปราศรัยย่อยโซนธนบุรีเหนือ “พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ” ที่สวนสาธารณะใต้สะพานพระราม 8 เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ภายในงานมีการ์ดคอยควบคุมที่บริเวณประตูเข้า-ออก โดยมีแผงเหล็กกั้นอยู่ แต่กลุ่มแบมและตะวัน พยายามเคลื่อนเข้าไปใกล้บริเวณเวทีให้มากที่สุด ทำให้ทางการ์ดปิดกั้นเอาไว้ จนเกิดการปะทะ มีการชกต่อยระหว่างการ์ดและกลุ่มเยาวชน ทำให้เกิดความวุ่นวาย กระทั่งสามารถบุกเข้ามาในพื้นที่ สร้างความตกใจให้ประชาชนที่มาฟังการปราศรัย ซึ่งความวุ่นวายดังกล่าวเกิดขึ้นเกือบประมาณ 20 นาที จนการ์ดสามารถกันกลุ่มเยาวชนออกจากพื้นที่จัดงานได้
ล่าสุด น.ส.จิราพร สินธุไพร (น้ำ) ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า จิราพร สินธุไพร (น้ำ) ขอประณามการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ แบม และตะวัน รวมทั้งนักกิจกรรมทางการเมือง ที่ถูกทำร้ายบริเวณเวทีปราศรัยพรรคพลังประชารัฐ พร้อมยืนยันว่า ความขัดแย้งไม่อาจลดได้ด้วยการใช้ความรุนแรง
น.ส.จิราพร สินธุไพร (น้ำ) ทวีตข้อความว่า
“ทราบข่าวว่าเกิดเหตุนักกิจกรรมถูกรุมทำร้ายบริเวณเวทีปราศรัยพรรค #พลังประชารัฐ ซึ่งชูสโลแกน ‘ก้าวข้ามความขัดแย้ง”
“ความขัดแย้งไม่อาจลดได้ด้วยการใช้ความรุนแรง ขอประณามการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบค่ะ”
https://twitter.com/j_sindhuprai/status/1642198154475970561
‘พิธา’ ปราศรัยพิษณุโลกลั่นกาก้าวไกลได้ 3 เด้ง ประยุทธ์ออกไป ประวิตรออกไป ได้คนใหม่เปลี่ยนประเทศ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3905825
‘พิธา’ ปราศรัยพิษณุโลกลั่นกาก้าวไกลได้ 3 เด้ง ประยุทธ์ออกไป ประวิตรออกไป ได้คนใหม่เปลี่ยนประเทศ
เมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่สวนชมน่าน จ.พิษณุโลก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ปราศรัยปิดเวทีปราศรัยและแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก พรรค ก.ก. ว่า ตน และ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 พรรค ก.ก. มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือความเป็นพ่อคน พวกเราทำงานการเมืองเพราะเราไม่สามารถส่งต่อสังคมแบบนี้ให้กับลูกของเรา ตนและพรรค ก.ก. มีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนประเทศนี้ให้มีความเท่าเทียมกัน มีความเปิดกว้างหลายหลายให้กับคนทุกคนอย่างเสมอภาค และเอาระบบอำนาจนิยมออกไป
นายพิธากล่าวต่อว่า การเมืองที่ตนอยากเห็นในฐานะคนเป็นพ่อ คือประเทศที่มีการศึกษาที่เท่าเทียมกัน เด็กที่มาจากครอบครัวร่ำรวยสามารถพูดได้ 3 ภาษา การศึกษาในประเทศนี้ก็ต้องมีศักยภาพทำให้เด็กทุกคนพูดได้ 3 ภาษา ตนต้องการที่จะสร้างสังคมที่เท่าเทียม หลากหลาย ปราศจากอำนาจนิยมและปิตาธิปไตยให้กับคนรุ่นต่อไป
“อีก 10 ปี อาจเป็นลูกของผมหรือลูกของท่านที่ไปเรียกร้องเพื่อความเท่าเทียม ทำไมเรื่องเหล่านี้ต้องให้คนหนุ่มสาวออกมาพูด ไม่ใช่ผู้แทนราษฎรที่มีกระดูกสันหลังในสภาที่พูด ทำให้คนหนุ่มสาวออกไปตามหาความฝันของเขาไม่ได้ ชีวิตลูกของผม ลูกของหมออ๋อง และลูกของเราทุกคนจะดีขึ้น เมื่อพวกเราอยู่ในสังคมที่เท่าเทียมกัน” นายพิธากล่าว
นายพิธา กล่าวต่อว่า สังคมที่เท่าเทียมกันต้องมีโอกาสที่เท่าเทียมกันระหว่างคนที่มีความพิการและคนอื่นๆ ในสังคม โดยพรรคก.ก. หนึ่ง จะเพิ่มเบี้ยผู้พิการ 3,000 บาท สอง จะผลักดันนโยบายการออกแบบเพื่อคนทุกคนให้สามารถกำหนดชีวิตประจำวันในการเดินทางให้ได้ สาม คือการสร้างงานจากปัจจุบันที่รัฐบังคับเฉพาะบริษัทเอกชนให้จ้างงานคนพิการ แต่ในรัฐบาลพรรคก้าวไกลจะจ้างงานคนพิการเป็นข้าราชการทันที 20,000 ตำแหน่ง และสี่ สร้างอุตสาหกรรมเพื่อผู้พิการ เช่น รถเข็นของคนพิการ จากที่นำเข้ามีราคาแพง ให้สามารถผลิตได้ในประเทศ
นายพิธายังเสนออีกว่า ตนและพรรคก.ก. ต้องการให้คนรุ่นต่อไปได้อากาศสะอาดไว้หายใจ นี่คือสาเหตุให้พรรคก้าวไกลผลักดันกฎหมายอากาศสะอาด ซึ่งกฎหมายอากาศสะอาดของพรรคก.ก. ต้องไม่ใช่แค่มีผลในประเทศ แต่จะไปเจรจากับต่างประเทศให้มีมาตรฐานคุณภาพอากาศเดียวกันทั้งอาเซียน ไม่ใช่ปล่อยให้กลุ่มทุนภาคเกษตรหนีจากประเทศที่มีมาตรฐานสินค้าเกษตรสูงแล้วไปทำไร่ข้าวโพดในลาวและเมียนมาร์
นายพิธากล่าวว่า ตนฝากถึงประชาชนชาวพิษณุโลกและคนไทยทั้งประเทศว่า เลือกพรรคก.ก. ประชาชนจะได้ประโยชน์ถึง 3 เด้ง เด้งแรก เอา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากอำนาจ เด้งที่สอง เอา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกจากการเมือง เด้งที่สาม ได้คนใหม่ไปเปลี่ยนประเทศไทยให้ดีขึ้น แถมได้ ส.ส.เขตแบบก้าวไกล ที่ทำงานการเมืองแบบใหม่เข้าไปทำงานในสภาฯ
นายพิธา กล่าวว่า กรณีที่มีข่าวลือเรื่องพรรคก.ก. จะตัดบำนาญข้าราชการนั้น ตนคือลูกของข้าราชการบำนาญ และในอดีตก็เคยเป็นข้าราชการ เข้าใจความยากลำบากของข้าราชการดี พรรคก.ก.ไม่เคยเสนอตัดบำนาญข้าราชการ งบช้างป่วยคืองบประมาณและการเก็บภาษีของประเทศนี้ที่ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเจอโควิด เจอวิกฤตเงินเฟ้อ เจอสงครามรัสเซียยูเครน ก็ยังจัดงบประมาณเหมือนเดิมทุกปี นี่คือปัญหาของประเทศ
“พรรคก.ก. เป็นพรรคที่เห็นความสำคัญของบำนาญ ทั้งบำนาญข้าราชการและบำนาญของประชาชน ย้ำอีกครั้ง บำนาญของท่านจะมั่นคงที่สุด ภายใต้รัฐบาลพรรคก้าวไกล เพราะเราจะไปรีดเงินกองทัพเพื่อมาสร้างความมั่นคงให้งบประมาณประเทศ 14 พฤษภานี้ กาทั้งทีขอให้กาอย่างมีวิสัยทัศน์ กาก้าวไกล ให้การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” นายพิธากล่าวทิ้งท้าย
ฝุ่นพิษกระเทือนท่องเที่ยวเหนือ เชียงใหม่-เชียงรายยกเลิกห้องพัก 50%
https://www.prachachat.net/local-economy/news-1250199
ปัญหาฝุ่นควันกระทบท่องเที่ยวภาคเหนือ “เชียงใหม่” ยอดจองโรงแรมแผ่ว บุ๊กกิ้งล่วงหน้าเพียง 3% ชี้คนไทยหนีไปเมืองชายทะเล ส่วนทางต่างชาติ ไดเร็กต์ไฟลต์เพียบ ส่วน “เชียงราย” ตัวเลขยกเลิกห้องพักล่วงหน้าช่วงสงกรานต์ไปแล้วกว่า 50% นักท่องเที่ยวลองสเตย์ เซย์โนหนีไปเที่ยวทะเลแทน ขณะที่ร้านอาหารเอาต์ดอร์ยอดลดฮวบ
นางละเอียด บุ้งศรีทอง ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมรติล้านนา ริเวอร์ไซด์ สปา รีสอร์ท เชียงใหม่ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้สถานการณ์ฝุ่นควันซึ่งเกิดขึ้นรุนแรงในพื้นที่ภาคเหนือและจังหวัดเชียงใหม่ นอกจากจะส่งผลกระทบทั้งกับสุขภาพประชาชนแล้ว ยังส่งผลกระทบกับภาพรวมเศรษฐกิจด้วย เนื่องจากปีนี้สถานการณ์มีความรุนแรงกว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งภาคการท่องเที่ยวของเชียงใหม่ในช่วงเดือน มี.ค. ถือเป็นช่วงโลว์ซีซั่น และไม่มีกิจกรรมการท่องเที่ยวดึงดูด และมีอัตราการเข้าพักต่ำอยู่แล้ว
ประกอบกับสถานการณ์ฝุ่นควันที่รุนแรง จึงทำให้นักท่องเที่ยวคนไทยตัดสินใจเดินทางไปเมืองชายทะเลมากกว่าที่จะเดินทางมาเชียงใหม่ในช่วงนี้ สะท้อนจากตัวเลขยอดจองห้องพักโรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่ ช่วงเดือน มี.ค. อยู่ที่ราว 45% จากปกติในสถานการณ์ไม่มีฝุ่นควันตัวเลขจะอยู่ที่ระดับ 55-60% ส่วนการยกเลิกการจองมีเพียง 3% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนไทย
ขณะที่อัตราการจองห้องพักล่วงหน้าช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขณะนี้มี booking อยู่ที่ 30-40% เท่านั้น ซึ่งอาจต้องรอช่วง 10 วัน ก่อนช่วงหยุดสงกรานต์ คาดว่ายอดจองห้องพักจะอยู่ที่ราว 65% เทียบกับช่วงปกติก่อนโควิด (ปี 2562) จะอยู่ที่ 80-85% จึงต้องรอดูสถานการณ์ว่าช่วงใกล้เทศกาลสงกรานต์ ยอดจองจะเพิ่มเข้ามาอีกหรือไม่ และล่าสุด เทศบาลนครเชียงใหม่ เตรียมจัดกิจกรรม “ปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่” ชูจุดขายประเพณีวัฒนธรรมที่เป็นไฮไลต์ ซึ่งมีการแถลงข่าวไปเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา
“คาดว่าอัตราการจองห้องพักช่วงสงกรานต์ปีนี้จะอยู่ที่ราว 65% ซึ่งคิดเฉพาะกลุ่มโรงแรม 4-5 ดาว ที่มีจำนวนราว 5,000 ห้อง ราคาห้องพักเฉลี่ย 4,000 บาทต่อห้อง (รวมวันพักเฉลี่ย 3 วันในช่วงหยุดสงกรานต์) จะมีรายได้ในส่วนของห้องพักในช่วงสงกรานต์ราว 60 ล้านบาท”
นายพัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวในเรื่องนี้ว่า ขณะนี้ภาพรวมของธุรกิจการท่องเที่ยวเชียงใหม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาฝุ่นควันไม่มากนัก ซึ่งตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยอาจแผ่วลงไปบ้าง เนื่องจากเป็นช่วงฤดูร้อน (โลว์ซีซั่น) ทำให้คนไทยนิยมไปเที่ยวทะเล ขณะที่ตลาดต่างชาติกลับสวนทาง ยังคงมีการเดินทางเข้าสู่จังหวัดเชียงใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีไดเร็กต์ไฟลต์จากหลายประเทศที่บินตรงมาเชียงใหม่มากถึง 29 ไฟลต์ต่อสัปดาห์ และจะเพิ่มเป็น 30 ไฟลต์ ในช่วงเดือน ก.ค. โดยเฉพาะสายการบินจากจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปัญหาฝุ่นควันจะไม่กระทบไปถึงช่วงสงกรานต์ เพราะหากสภาพอากาศมีลมมีฝนในช่วงก่อนสงกรานต์ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ก็จะช่วยบรรเทาปัญหาฝุ่นควันลงได้บ้าง ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงสงกรานต์ รายได้ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ทั้งระบบจะอยู่ที่ราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ที่มาจากโรงแรมที่พัก การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว และการจับจ่ายซื้อสินค้าของฝาก
ท่องเที่ยวเชียงรายกระทบหนัก
นางพร้อมพร จินดาวงศ์ เนตรหาญ รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย และประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชียงรายพัฒนาเมือง (ซีอาร์ซีดี) จำกัด ยอมรับว่า ขณะนี้การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายได้รับผลกระทบอย่างมากจากปัญหาฝุ่นควันที่รุนแรง โดยนักท่องเที่ยวยกเลิกการจองห้องพักโรงแรมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ไปมากกว่า 50% จากปกติน่าจะมียอดจองห้องพักประมาณ 70%
ขณะที่นักท่องเที่ยวที่จะมาพักผ่อนแบบระยะยาวหรือลองสเตย์ ก็มีการยกเลิกการจองห้องและย้ายออกจากจังหวัดเชียงรายไปแล้ว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากยุโรปและรัสเซีย ซึ่งเป็นลูกค้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงรายตั้งแต่ช่วงต้นปี 2566
“ตอนนี้ชาวต่างประเทศออกไปจากเชียงรายไปจังหวัดชายทะเลกันหมดแล้ ส่วนธุรกิจร้านอาหาร คาเฟ่ ที่เป็นลักษณะ Outdoor ยอดขายตกอย่างมาก เพราะไม่มีคนออกไปรับประทานอาหาร แม้แต่คนเชียงรายเองก็อยู่แต่ในบ้าน และอีกธุรกิจหนึ่งที่ได้ระบผลกระทบก็คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าที่เป็นคนต่างพื้นที่และต้องการจะมาใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุที่เชียงราย พอเกิดปัญหาฝุ่นควันที่รุนแรงและยังไม่ได้รับการแก้ไขชัดเจนเป็นรูปธรรม ก็ตัดสินใจยกเลิกโครงการเช่นกัน”