ทักษิณ เผยอีก รับแรกๆแค่อยากให้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ดึงความนิยม ไม่คิดว่าจะช่วยพรรคได้ขนาดนี้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3892653
สื่อญี่ปุ่นเผย ทักษิณฟันธงไทยมีรัฐบาลผสม แม้เพื่อไทยครองเสียงข้างมาก รับแรกๆแค่อยากให้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ดึงความนิยม ไม่คิดว่าจะช่วยพรรคได้ขนาดนี้
นิคเคอิเอเชีย สื่อญี่ปุ่นรายงานบทสัมภาษณ์นาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 มีนาคมว่า นาย
ทักษิณคาดการณ์ว่า รัฐบาลชุดใหม่ที่จะมาบริหารประเทศไทยต่อไปจะเป็นรัฐบาลผสม ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 พฤษภาคม แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งและสามารถคว้าเสียงข้างมากในสภาได้ก็ตาม
“
ผมเชื่อว่าจะเป็นรัฐบาลผสมอย่างแน่นอน”
ทักษิณกล่าว พร้อมเสริมว่าเขามีความมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะได้ที่นั่งในสภาอย่างน้อย 250 ที่นั่ง จาก 500 ที่นั่ง และว่า เขาไม่ต้องการให้รัฐบาลใหม่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับเขา โดยเขาจะเดินทางกลับประเทศไทยด้วยตนเอง แม้ว่านั่นจะหมายถึงการต้องติดคุกก็ตาม
นอกจากนี้ นาย
ทักษิณปฏิเสธที่จะกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยกำลังตกลงกับพรรรคอื่นๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่หรือไม่ “
ผมเป็นแค่ผู้ก่อตั้งพรรค ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ดังนั้นสิ่งที่ผมสามารถทำได้คือ การสังเกตการณ์การเลือกตั้งอยู่ห่างๆ” ทักษิณกล่าว
นิคเคอิเอเชียรายงานว่า นาย
ทักษิณส่งนางสาว
แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนเล็ก นำพรรคเพื่อไทยในการสู้ศึกเลือกตั้ง แต่ยังไม่ชัดเจนว่านางสาวแพทองธารจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่
โดยสื่อญี่ปุ่นดังกล่าวระบุว่า แม้นางสาว
แพทองธารไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองมาก่อน แต่กลับเป็นดั่งตัวแทนของตระกูลชินวัตรที่ทรงอิทธิพล ด้านนาย
ทักษิณกล่าวว่า “
ตอนแรกผมคิดว่าลูกจะแค่มาช่วยพรรคด้วยการเป็นดั่งแม่เหล็กดึงดูดความสนใจ และความนิยมในกลุ่มผู้สนับสนุน แต่เธอมีวุฒิภาวะมาก จนผมคิดว่าเธอจะสามารถช่วยพรรคได้อย่างเต็มที่”
ฟังบทวิเคราะห์จากนักรัฐศาสตร์ ถึงทิศทางจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง
https://ch3plus.com/news/political/3mitinews/340452
การเลือกตั้ง ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ถูกนิยามจากนักรัฐศาสตร์ว่าเป็นความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งที่ประชาชนจะไปเลือกตั้งอย่างเสรีขึ้น เพื่อชี้ชะตาการจัดตั้งรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี แม้ยังมีเงื่อนตายอยู่ที่เสียง ส.ว.250 เสียง แต่โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ 310 เสียงยังเป็นไปได้ยาก เช่นเดียวกับ พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ยากต่อการเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก รวมถึงการเล่นเกมยุบพรรคและล้มเลือกตั้ง ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นแล้ว
ศาตราจารย์ ดร.
สิริพรรณ นกสวน สวัสดี นิยามการเลือกตั้ง 2566 คือความไม่แน่นอนของผลเลือกตั้ง ที่กลายเป็นเสน่ห์ให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างเสรี เพื่อชี้ชะตาว่าใครจะได้จัดตั้งรัฐบาล ที่ต่างจากการเลือกต้ังในปี 2562 โดยเฉพาะการต้องแข่งกันเองของ พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พลเอก
ประวิตร วงษ์สุวรรณ รวมถึง พรรคเพื่อไทย ที่ตั้งเป้าต้องแลนด์สไลด์ ปิดสวิตซ์ ส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะหากพรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายประชาธิปไตย มีเสียงรวมกันมากกว่า 250 เสียง ได้จัดตั้งรัฐบาล แต่ไม่ถึง 376 เสียง ก็ไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ทำให้เกิดสูตรการจัดตั้งรัฐบาลอย่างน้อย 3 รูปแบบ
ศ.ดร.
สิรพรรณ มองว่า โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะได้เสียงมากกว่า 310 เสียงเป็นไปได้ยาก หากต้องร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ จัดตั้งรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ แต่ต้องบอกข้อตกลงกับประชาชน
ซึ่งมีความเป็นไปได้จากท่าทีของพลเอก
ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่อาสาเป็นโซ่ข้อกลางก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่อาจไม่ส่งผลดีกับพรรคเพื่อไทย เพราะหากพรรคเพื่อไทยต้องการชนะเลือกตั้งต้องเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยเท่านั้น
ในสมการเลือกตั้งครั้งนี้จึงมีความเสี่ยงสูง สำหรับพลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีแนวโน้มอาจจะได้ ส.ส.น้อยกว่าพรรคพลังประชารัฐ โอกาสที่แม้ พล.อ.
ประยุทธ์ อาจได้เลือกเป็นนายกรัฐมนตรีจากเสียงส.ว.แต่ถ้าจำนวนส.ส.ในการจัดตั้งรัฐบาลไม่มากพอ ก็อาจเป็นเพียงรัฐบาลเสียงข้างน้อย
ส่วนกรณีมีการจับตาไปที่การล้มเลือกตั้ง ศ.ดร.
สิริพรรณ มองว่าเป็นไปได้ยาก แต่อาจมีเกมการยุบพรรค หากผลเลือกตั้งไม่เป็นผลดี ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นแล้วในทางการเมือง
สนามเลือกตั้งครั้งนี้ จึงไม่ง่ายทั้งสำหรับพลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ภายใต้เงื่อนไขทางการเมืองทั้งการแข่งขันกับพลเอก
ประวิตร วงษ์สุวรรณ และเวลาการเป็นนายกรัฐมนตรีอีก 2 ปี และไม่ง่ายสำหรับพรรคเพื่อไทย ที่ต้องไปให้ถึงคะแนนเสียงได้เป็นนายกรัฐมนตรี
รายจ่าย” ครัวเรือนไทย”ไม่ลดตาม”เงินเฟ้อ” เฉลี่ยเดือนละ 2 หมื่นบาท
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1059523
เงินเฟ้อไทยลดลงต่อเนื่อง หลังราคาพลังงานเริ่มปรับตัวลดลง แต่คนไทยยังต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายครัวเรือนเดือนละกว่า 1.8 หมื่นบาท เผย “ค่าโดยสารสาธารณะ น้ำมันเชื้อเพลิง บริการโทรศัพท์มือถือ” ยังจ่าย สูงสุด 4,236 บาท “ตามด้วยค่าเช่าบ้าน วัสดุก่อสร้าง ค่าไฟ ก๊าซหุงต้ม 4 พันบาท
ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย หรือเงินเฟ้อ เดือนก.พ. 2566 เท่ากับ 108.05 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเท่ากับ 104.10 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป สูงขึ้น 3.79 % ชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และอยู่ระดับต่ำสุดในรอบ 13 เดือน ซึ่งเงินเฟ้อไทยอยู่ในช่วงชะลอตัวตัว เป็นผลมาจากการชะลอตัวลงของราคาพลังงาน ที่สูงขึ้นเพียง 5.03 % ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำสุดในรอบ 2 ปี และคาดว่าเงินเฟ้อในเดือนมี.ค.จะลดลงอีก
ทั้งนี้เมื่อเทียบกับเงินเฟ้อในต่างประเทศ (ข้อมูลล่าสุดเดือนม.ค.66) จะพบว่า อัตราเงินเฟ้อของไทยอยู่ในระดับต่ำ เป็นอันดับที่ 29 จาก 139 ประเทศที่มีการประกาศตัวเลข ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดีกว่าหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร อิตาลี เม็กซิโก อินเดีย และเกาหลีใต้ รวมถึงประเทศในอาเซียน เช่น ลาว ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย
หันมาดูค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือนของประชาชน โดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) พบว่า เดือนก.พ.66พบว่า เดือนก.พ.66 แม้รายจ่ายครัวเรือนลดลงเมื่อเทียบเดือนม.ค.66 แต่ยังคงอยู่ในระดับสูงถึง 18,168 บาท จากเดือนม.ค.66 ที่ 18,190 บาท ขณะที่เดือนก.พ.65 มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่ามากเพียง 17,503 บาท
ทั้งๆ ที่เมื่อพิจารณาแนวโน้มการปรับขึ้นลงของราคาสินค้าและบริการเดือนก.พ.66 เทียบกับเดือนก.พ.65 และเดือนม.ค.66 รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อ) แล้ว พบว่า เดือนก.พ.66 ราคาสินค้าและบริการ รวมถึงดัชนีต่ำกว่าทั้ง 2 เดือนมาก เนื่องจากราคาพลังงานมีแนวโน้มลดลง
โดยเดือนก.พ.66 ครัวเรือนใช้จ่ายซื้อสินค้าที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ มากถึง 58.49% และสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ 41.51% ส่วนเดือนก.พ.65 สัดส่วนอยู่ที่ 59.26% และ 40.74% ตามลำดับ ขณะที่เมื่อแยกเป็นรายหมวดสินค้าเดือนก.พ.66 เทียบเดือนก.พ.65 พบว่า มีค่าใช้จ่ายค่าโดยสารสาธารณะ ค่าซื้อยานพาหนะ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าบริการโทรศัพท์มือถือ สูงสุดถึง 4,236 บาท จากเดือนก.พ.65 ที่ 4,135 บาท ตามด้วยค่าเช่าบ้าน ค่าวัสดุก่อสร้าง ค่าไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม เครื่องใช้ในบ้าน 4,033 บาท จาก 3,913 บาท, เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ สัตว์น้ำ 1,756 บาท จาก 1,690 บาท
ส่วนอาหารบริโภคในบ้าน (ดีลิเวอรี่) 1,632 บาท จาก 1,560 บาท, อาหารบริโภคนอกบ้าน (ข้าวราดแกง อาหารตามสั่ง เคเอฟซี พิซซา) 1,252 บาท จาก 1,200 บาท, ผักและผลไม้ 1,002 บาท จาก 873 บาท, ค่าแพทย์ ยา และบริการส่วนบุคคล 980 บาท จาก 961 บาท, ค่าหนังสือ สันทนาการ ค่าเล่าเรียน และการกุศลต่างๆ 761 บาท จาก 751 บาท, ข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์ 675 บาท จาก 649 บาท
เครื่องปรุงอาหาร 429 บาท 421 บาท, เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 399 บาท จาก 381 บาท, ไข่และผลิตภัณฑ์นม 392 บาท จาก 358 บาท, ค่าเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม และรองเท้า 375 บาท จาก 374 บาท และค่าบุหรี่ เหล้า เบียร์ 241 บาท จาก 238 บาท
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ค่าใช้จ่ายครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง มาจากราคาพลังงาน ที่แม้ปรับลดลง แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับสูง และทำให้ค่าโดยสารสาธารณะปรับสูงขึ้น ทั้งค่าแท็กซี่ เรือ รถเมล์เล็ก/สองแถว เครื่องบิน, ค่าก๊าซหุงต้ม, ค่ากระแสไฟฟ้า ประกอบกับ ราคาสินค้าอาหารยังคงอยู่ในระดับสูงเกือบ โดยเฉพาะอาหารที่บริโภคทั้งในบ้าน และนอกบ้าน เช่น อาหารสำเร็จรูป กับข้าวสำเร็จรูป อาหารกลางวัน ข้าวราดแกง อาหารเช้า ซึ่งผู้ค้าปรับขึ้นโดยอ้างต้นทุนวัตถุดิบ ก๊าซหุงต้มสูงขึ้น แต่เมื่อต้นทุนวัตถุดิบลดลง ราคาขายก็ยังไม่ปรับลดลงตาม
แม้ว่าราคาพลังงานจะลดลงแต่ยังอยู่ในระดับสูง และยังมีปัจจัยต่างๆร่วมกดดันอีกไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ และภัยแล้งทั้งในและต่างประเทศ ที่อาจส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลก และจะส่งผลมายังราคาสินค้าและบริการของไทย ซึ่งอาจทำให้ภาระค่าใช้จ่ายครัวเรือนของไทยในเดือนมี.ค.66 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อไป
JJNY : ทักษิณเผยอีก ‘อุ๊งอิ๊ง’│ฟังบทวิเคราะห์จากนักรัฐศาสตร์│รายจ่ายครัวเรือน ไม่ลดตามเงินเฟ้อ│สมรภูมิบาคห์มุต เริ่มสงบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3892653
สื่อญี่ปุ่นเผย ทักษิณฟันธงไทยมีรัฐบาลผสม แม้เพื่อไทยครองเสียงข้างมาก รับแรกๆแค่อยากให้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ดึงความนิยม ไม่คิดว่าจะช่วยพรรคได้ขนาดนี้
นิคเคอิเอเชีย สื่อญี่ปุ่นรายงานบทสัมภาษณ์นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 มีนาคมว่า นายทักษิณคาดการณ์ว่า รัฐบาลชุดใหม่ที่จะมาบริหารประเทศไทยต่อไปจะเป็นรัฐบาลผสม ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 พฤษภาคม แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งและสามารถคว้าเสียงข้างมากในสภาได้ก็ตาม
“ผมเชื่อว่าจะเป็นรัฐบาลผสมอย่างแน่นอน” ทักษิณกล่าว พร้อมเสริมว่าเขามีความมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะได้ที่นั่งในสภาอย่างน้อย 250 ที่นั่ง จาก 500 ที่นั่ง และว่า เขาไม่ต้องการให้รัฐบาลใหม่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับเขา โดยเขาจะเดินทางกลับประเทศไทยด้วยตนเอง แม้ว่านั่นจะหมายถึงการต้องติดคุกก็ตาม
นอกจากนี้ นายทักษิณปฏิเสธที่จะกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยกำลังตกลงกับพรรรคอื่นๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่หรือไม่ “ผมเป็นแค่ผู้ก่อตั้งพรรค ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ดังนั้นสิ่งที่ผมสามารถทำได้คือ การสังเกตการณ์การเลือกตั้งอยู่ห่างๆ” ทักษิณกล่าว
นิคเคอิเอเชียรายงานว่า นายทักษิณส่งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนเล็ก นำพรรคเพื่อไทยในการสู้ศึกเลือกตั้ง แต่ยังไม่ชัดเจนว่านางสาวแพทองธารจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่
โดยสื่อญี่ปุ่นดังกล่าวระบุว่า แม้นางสาวแพทองธารไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองมาก่อน แต่กลับเป็นดั่งตัวแทนของตระกูลชินวัตรที่ทรงอิทธิพล ด้านนายทักษิณกล่าวว่า “ตอนแรกผมคิดว่าลูกจะแค่มาช่วยพรรคด้วยการเป็นดั่งแม่เหล็กดึงดูดความสนใจ และความนิยมในกลุ่มผู้สนับสนุน แต่เธอมีวุฒิภาวะมาก จนผมคิดว่าเธอจะสามารถช่วยพรรคได้อย่างเต็มที่”
ฟังบทวิเคราะห์จากนักรัฐศาสตร์ ถึงทิศทางจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง
https://ch3plus.com/news/political/3mitinews/340452
การเลือกตั้ง ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ถูกนิยามจากนักรัฐศาสตร์ว่าเป็นความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งที่ประชาชนจะไปเลือกตั้งอย่างเสรีขึ้น เพื่อชี้ชะตาการจัดตั้งรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี แม้ยังมีเงื่อนตายอยู่ที่เสียง ส.ว.250 เสียง แต่โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ 310 เสียงยังเป็นไปได้ยาก เช่นเดียวกับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ยากต่อการเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก รวมถึงการเล่นเกมยุบพรรคและล้มเลือกตั้ง ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นแล้ว
ศาตราจารย์ ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี นิยามการเลือกตั้ง 2566 คือความไม่แน่นอนของผลเลือกตั้ง ที่กลายเป็นเสน่ห์ให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างเสรี เพื่อชี้ชะตาว่าใครจะได้จัดตั้งรัฐบาล ที่ต่างจากการเลือกต้ังในปี 2562 โดยเฉพาะการต้องแข่งกันเองของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รวมถึง พรรคเพื่อไทย ที่ตั้งเป้าต้องแลนด์สไลด์ ปิดสวิตซ์ ส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะหากพรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายประชาธิปไตย มีเสียงรวมกันมากกว่า 250 เสียง ได้จัดตั้งรัฐบาล แต่ไม่ถึง 376 เสียง ก็ไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ทำให้เกิดสูตรการจัดตั้งรัฐบาลอย่างน้อย 3 รูปแบบ
ศ.ดร.สิรพรรณ มองว่า โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะได้เสียงมากกว่า 310 เสียงเป็นไปได้ยาก หากต้องร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ จัดตั้งรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ แต่ต้องบอกข้อตกลงกับประชาชน
ซึ่งมีความเป็นไปได้จากท่าทีของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่อาสาเป็นโซ่ข้อกลางก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่อาจไม่ส่งผลดีกับพรรคเพื่อไทย เพราะหากพรรคเพื่อไทยต้องการชนะเลือกตั้งต้องเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยเท่านั้น
ในสมการเลือกตั้งครั้งนี้จึงมีความเสี่ยงสูง สำหรับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีแนวโน้มอาจจะได้ ส.ส.น้อยกว่าพรรคพลังประชารัฐ โอกาสที่แม้ พล.อ.ประยุทธ์ อาจได้เลือกเป็นนายกรัฐมนตรีจากเสียงส.ว.แต่ถ้าจำนวนส.ส.ในการจัดตั้งรัฐบาลไม่มากพอ ก็อาจเป็นเพียงรัฐบาลเสียงข้างน้อย
ส่วนกรณีมีการจับตาไปที่การล้มเลือกตั้ง ศ.ดร.สิริพรรณ มองว่าเป็นไปได้ยาก แต่อาจมีเกมการยุบพรรค หากผลเลือกตั้งไม่เป็นผลดี ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นแล้วในทางการเมือง
สนามเลือกตั้งครั้งนี้ จึงไม่ง่ายทั้งสำหรับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ภายใต้เงื่อนไขทางการเมืองทั้งการแข่งขันกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ และเวลาการเป็นนายกรัฐมนตรีอีก 2 ปี และไม่ง่ายสำหรับพรรคเพื่อไทย ที่ต้องไปให้ถึงคะแนนเสียงได้เป็นนายกรัฐมนตรี
รายจ่าย” ครัวเรือนไทย”ไม่ลดตาม”เงินเฟ้อ” เฉลี่ยเดือนละ 2 หมื่นบาท
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1059523
เงินเฟ้อไทยลดลงต่อเนื่อง หลังราคาพลังงานเริ่มปรับตัวลดลง แต่คนไทยยังต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายครัวเรือนเดือนละกว่า 1.8 หมื่นบาท เผย “ค่าโดยสารสาธารณะ น้ำมันเชื้อเพลิง บริการโทรศัพท์มือถือ” ยังจ่าย สูงสุด 4,236 บาท “ตามด้วยค่าเช่าบ้าน วัสดุก่อสร้าง ค่าไฟ ก๊าซหุงต้ม 4 พันบาท
ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย หรือเงินเฟ้อ เดือนก.พ. 2566 เท่ากับ 108.05 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเท่ากับ 104.10 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป สูงขึ้น 3.79 % ชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และอยู่ระดับต่ำสุดในรอบ 13 เดือน ซึ่งเงินเฟ้อไทยอยู่ในช่วงชะลอตัวตัว เป็นผลมาจากการชะลอตัวลงของราคาพลังงาน ที่สูงขึ้นเพียง 5.03 % ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำสุดในรอบ 2 ปี และคาดว่าเงินเฟ้อในเดือนมี.ค.จะลดลงอีก
ทั้งนี้เมื่อเทียบกับเงินเฟ้อในต่างประเทศ (ข้อมูลล่าสุดเดือนม.ค.66) จะพบว่า อัตราเงินเฟ้อของไทยอยู่ในระดับต่ำ เป็นอันดับที่ 29 จาก 139 ประเทศที่มีการประกาศตัวเลข ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดีกว่าหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร อิตาลี เม็กซิโก อินเดีย และเกาหลีใต้ รวมถึงประเทศในอาเซียน เช่น ลาว ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย
หันมาดูค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือนของประชาชน โดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) พบว่า เดือนก.พ.66พบว่า เดือนก.พ.66 แม้รายจ่ายครัวเรือนลดลงเมื่อเทียบเดือนม.ค.66 แต่ยังคงอยู่ในระดับสูงถึง 18,168 บาท จากเดือนม.ค.66 ที่ 18,190 บาท ขณะที่เดือนก.พ.65 มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่ามากเพียง 17,503 บาท
ทั้งๆ ที่เมื่อพิจารณาแนวโน้มการปรับขึ้นลงของราคาสินค้าและบริการเดือนก.พ.66 เทียบกับเดือนก.พ.65 และเดือนม.ค.66 รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อ) แล้ว พบว่า เดือนก.พ.66 ราคาสินค้าและบริการ รวมถึงดัชนีต่ำกว่าทั้ง 2 เดือนมาก เนื่องจากราคาพลังงานมีแนวโน้มลดลง
โดยเดือนก.พ.66 ครัวเรือนใช้จ่ายซื้อสินค้าที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ มากถึง 58.49% และสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ 41.51% ส่วนเดือนก.พ.65 สัดส่วนอยู่ที่ 59.26% และ 40.74% ตามลำดับ ขณะที่เมื่อแยกเป็นรายหมวดสินค้าเดือนก.พ.66 เทียบเดือนก.พ.65 พบว่า มีค่าใช้จ่ายค่าโดยสารสาธารณะ ค่าซื้อยานพาหนะ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าบริการโทรศัพท์มือถือ สูงสุดถึง 4,236 บาท จากเดือนก.พ.65 ที่ 4,135 บาท ตามด้วยค่าเช่าบ้าน ค่าวัสดุก่อสร้าง ค่าไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม เครื่องใช้ในบ้าน 4,033 บาท จาก 3,913 บาท, เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ สัตว์น้ำ 1,756 บาท จาก 1,690 บาท
ส่วนอาหารบริโภคในบ้าน (ดีลิเวอรี่) 1,632 บาท จาก 1,560 บาท, อาหารบริโภคนอกบ้าน (ข้าวราดแกง อาหารตามสั่ง เคเอฟซี พิซซา) 1,252 บาท จาก 1,200 บาท, ผักและผลไม้ 1,002 บาท จาก 873 บาท, ค่าแพทย์ ยา และบริการส่วนบุคคล 980 บาท จาก 961 บาท, ค่าหนังสือ สันทนาการ ค่าเล่าเรียน และการกุศลต่างๆ 761 บาท จาก 751 บาท, ข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์ 675 บาท จาก 649 บาท
เครื่องปรุงอาหาร 429 บาท 421 บาท, เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 399 บาท จาก 381 บาท, ไข่และผลิตภัณฑ์นม 392 บาท จาก 358 บาท, ค่าเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม และรองเท้า 375 บาท จาก 374 บาท และค่าบุหรี่ เหล้า เบียร์ 241 บาท จาก 238 บาท
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ค่าใช้จ่ายครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง มาจากราคาพลังงาน ที่แม้ปรับลดลง แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับสูง และทำให้ค่าโดยสารสาธารณะปรับสูงขึ้น ทั้งค่าแท็กซี่ เรือ รถเมล์เล็ก/สองแถว เครื่องบิน, ค่าก๊าซหุงต้ม, ค่ากระแสไฟฟ้า ประกอบกับ ราคาสินค้าอาหารยังคงอยู่ในระดับสูงเกือบ โดยเฉพาะอาหารที่บริโภคทั้งในบ้าน และนอกบ้าน เช่น อาหารสำเร็จรูป กับข้าวสำเร็จรูป อาหารกลางวัน ข้าวราดแกง อาหารเช้า ซึ่งผู้ค้าปรับขึ้นโดยอ้างต้นทุนวัตถุดิบ ก๊าซหุงต้มสูงขึ้น แต่เมื่อต้นทุนวัตถุดิบลดลง ราคาขายก็ยังไม่ปรับลดลงตาม
แม้ว่าราคาพลังงานจะลดลงแต่ยังอยู่ในระดับสูง และยังมีปัจจัยต่างๆร่วมกดดันอีกไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ และภัยแล้งทั้งในและต่างประเทศ ที่อาจส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลก และจะส่งผลมายังราคาสินค้าและบริการของไทย ซึ่งอาจทำให้ภาระค่าใช้จ่ายครัวเรือนของไทยในเดือนมี.ค.66 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อไป