เจ็บตัวถึงขั้นเสียโฉมจากความประมาทของเทรนเนอร์ที่ฟิตเนส ผ่านมา6เดือนแล้วทำไมฟิตเนสยังไม่แสดงความรับผิดชอบออกมา

ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าทำไมฟิตเนสถึงไม่แสดงความรับผิดชอบออกมา ไม่มาดูแล ไม่มาชดใช้ ไม่มาเยียวยาอะไรให้เราเลย ทั้งที่เทรนเนอร์ของฟิตเนสเป็นคนทำเราเจ็บปางตายแล้วทำให้เราต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไปเหมือนตายทั้งเป็นเพราะบาดแผลที่เทนเนอร์ทำไว้กับเรามันกลายเป็นรอยแผลเป็นที่เด่นชัดอยู่กลางหน้าผากเรา …เรื่องมันมีอยู่ว่า… เทรนเนอร์ที่เราซื้อชั่วโมง PT ไว้ของฟิตเนสที่เราเป็นเมมเบอร์อยู่กำลังพาเราออกกำลังกาย แล้วเทนเนอร์ทำบาร์ของเครื่องเล่นเคเบิลหลุดมือเลยทำให้บาร์นั้นมาฟาดเข้าที่กลางหน้าผากของเราอย่างแรงจนหน้าผากแตกเป็นแผลลึก หมอเย็บไป6เข็มและบอกว่ายังไงก็เป็นแผลเป็น เราวิตกกังวลในหลายๆเรื่องมาก ทั้งเรื่องงาน เรื่องแผล เรื่องแผลเป็น จนถูกหมอว่าว่าเรากังวลไปไกลเกินนะ ตอนก่อนเย็บหมอฉีดยาชาเข้าที่แผลก่อนคือมันเจ็บมาก ตอนฉีดยาชาเรากำมือพยาบาลแน่นมากระหว่างฉีด แต่ยาชาก็ช่วยได้แค่ตอนเย็บแผล แต่ไม่ได้ช่วยให้อาการปวดหัวเจ็บแผลน้อยลงเลย ยาแก้ปวดก็กิน ให้ทางสายน้ำเกลือด้วยก็แล้ว อาการปวดหัวเจ็บแผลก็ไม่หายไปคือมันโคตรทรมาน เราปวดหัวเจ็บแผลตลอดเวลาที่แอดมิด1คืน เทรนเนอร์ก็มานอนเฝ้าเรานะ แบบมานอนจริงๆอะ มา4ทุ่มไป 6 โมงเช้า ไม่ได้มาช่วยหยิบจับหรือเป็นมือเป็นไม้อะไรให้เราเลย เทนเนอร์บอกว่าต้องไปทำงาน เราก็คิดนะว่าแบบเธอทำเราเจ็บขนาดนี้จะไม่ลางานมาดูแลเราหน่อยหรอ เราต้องลางานทั้งสัปดาห์เพื่อดูแลตัวเองเลยนะที่ต้องมาเจ็บตัวเพราะเธอทำ ค่าเย็บแผลกับนอนโรงบาลเราก็ต้องใช้สิทธิบริษัทรักษา ทางเทนเนอร์กับฟิตเนสไม่ยอมมาจ่าย แย่สุดคือนางบอกจะไม่รับผิดชอบค่ารักษาแผลเป็น เรานี่งงไปไม่ถูกเลยว่าทำไมนางถึงกล้าไม่รับผิดชอบ แผลนี้นางเป็นคนทำนะ เราเลยยังไม่คุยอะไรต่อ คิดว่าถ้ากับเทนเนอร์ดูจะคุยกันไม่ได้ ค่อยลองติดต่อฟิตเนสแทนเผื่อจะคุยได้เรื่องมากกว่า ตอนออกโรงบาลนางก็ไม่ได้ช่วยเราถือของนะ ทั้งที่สภาพเราคือหัวก็ปวด หน้าก็บวมจากการโดนกระแทก แผลก็ยังเจ็บอยู่ แขนก็เจ็บเพราะหมอฉีดวัคซีนให้ มือก็เจ็บจากเข็มน้ำเกลือ กว่าจะหาทางติดต่อฟิตเนสได้ก็ยากเย็นเหลือเกิน หลังจากออกโรงบาลมา1วันผู้จัดการสาขาของฟิตเนสค่อยติดต่อมา ตอนได้เจอกันเราก็แจ้งทางผู้จัดการสาขาไปแล้วนะว่ามีค่ารักษา ค่าใช้จ่าย ค่าเสียหายอะไรบ้างที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ซึ่งเราต้องการให้เทรนเนอร์กับฟิตเนสรับผิดชอบทั้งหมด รวมถึงเราจะเรียกค่าสินไหมทดแทนด้วย แต่เค้ากลับมาจ่ายให้แค่ค่าล้างแผล ค่ารักษา ค่ารถ ค่าสระผม จนถึงวันตัดไหมแค่นั้น ทั้งที่ตัดไหมแล้วหมอก็ยังนัดรักษาต่อ แต่เขาก็ไม่มารับผิดชอบ ไม่มาดูแล ไม่มาเยียวยาอะไรอีกเลย ค่าเย็บแผลที่นอนโรงบาลวันเกิดเหตุเขาก็ไม่ยอมจ่ายเพราะเห็นว่าเราสามารถใช้สิทธิสวัสดิการบริษัทได้ ซึ่งเราบอกเขาไปแล้วว่าให้เค้ามาจ่าย เราจะได้ไม่ต้องใช้สิทธิค่ารักษาของบริษัทเราแต่เค้าก็ไม่ยอมมาจ่าย วันนัดเปิดแผลที่ทั้งเทนเนอร์และผู้จัดการสาขารับปากแล้วว่าจะมาโรงบาลด้วย ทั้งคู่ก็ไม่มาโดยผู้จัดการบอกว่ามันเป็นการรักษาแผลเป็นไม่ใช่การรักษาแผลเขาเลยจะไม่มา ส่วนเทนเนอร์ผู้จัดการบอกว่ามันเป็นเวลางานให้มาไม่ได้ เอาจริงเราเสียใจนะ ทำไมต้องถูกทำร้ายจิตใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้ ทำไมเราต้องมาเสียเวลา เสียเงิน เสียความรู้สึก อยู่แบบนี้ ช่วงเวลาที่ต้องไปล้างแผลและยังไม่ตัดไหมเวลากินข้าวก็สุดจะลำบากทุกการเคี้ยวสะเทือนไปถึงแผล เดินเหินก็ไม่คล่องเหมือนแต่ก่อน ขึ้นลงบันไดก็ต้องจับราวพยุงตัวไว้มันยังมึนหัวปวดหัวอยู่กลัวตกบันไดมากๆ แดดก็ต้องคอยหลบ หน้าก็ไม่ได้ล้าง ผมก็ไม่ได้สระ เพราะแผลห้ามโดนน้ำ อาศัยว่าใช้น้ำเกลือเช็ดหน้าเอา ผมก็ไปสระที่ร้านแต่กว่าจะได้สระก็ล่อไปเป็นสัปดาห์ แค่หวีผมก็เจ็บแผลเลยยังไปร้านให้สระผมไม่ได้ วันเปิดแผลเรากลายเป็นคนกลัวกระจกไปเลย หมอบอกให้เราเดินไปส่องกระจกพูดเป็น 10 รอบเราก็ไม่กล้าเดินไปส่อง นั่งร้องไห้อยู่อย่างนั้นจนพยาบาลต้องมาพยุงไปที่กระจก พอเราเห็นสภาพหน้าเราที่มีรอยบนหน้าแค่เสี้ยววินาที เราร้องไห้แขนขาไม่มีแรงจนพยาบาลต้องพยุงเรามานั่งฟังหมออธิบายวิธีการรักษาแผลเป็น แต่เราก็คือสติไม่อยู่ฟังหมอแล้ว หมอเลยบอกว่าถ้าพร้อมก็ค่อยเข้ามารักษา หมอให้ยาไว้ทาลดรอยแผลเป็นกับซิลิโคนแปะกันแผลนูนมา ทุกครั้งที่เรามองหน้าตัวเองในกระจกเพื่อทายามันเจ็บปวดใจมากนะที่ต้องเห็นว่าหน้าตัวเองมีรอย รอยที่หมอทุกคนพูดเหมือนกันว่ามันไม่มีทางรักษาให้หายเหมือนไม่เคยเป็นรอยมาก่อนได้ เวลาที่เจ็บแผลจนนอนไม่หลับมันโคตรทรมาน ปวดหัวจนทนไม่ไหวต้องลางานไปหาหมอนี่ก็โคตรเหนื่อย เรายังปวดหัวและเจ็บแผลอยู่เรื่อยๆ ตอนคนถามว่าหน้าไปโดนอะไรมาก็ไม่รู้ต้องตอบยังไงไม่ให้ตัวเองร้องไห้ ทั้งเทรนเนอร์และฟิตเนสไม่คิดถึงจิตใจเราบ้างเลยหรอ ทำไมเมินเฉยกับความทุกข์ที่เราต้องพบเจอที่มันเกิดจากการกระทำของเทรนเนอร์ของฟิตเนสแบบนี้ ส่วนเรื่องแจ้งความเอาผิดนั้นเราไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฏหมายไว้แล้วตอนนี้ก็รอทางคุณตำรวจดำเนินเรื่องให้อยู่ คุณตำรวจก็นัดเรากับทนายตัวแทนฟิตเนสมาคุยกันอยู่นะ ทางทนายบอกว่าจะแจ้งฟิตเนสให้ว่าเราเรียกร้องอะไรบ้างแล้วจะติดต่อผ่านคุณตำรวจมาอีกที อีกเรื่องที่สงสัยอะไรคือความปลอดภัยที่ฟิตเนสมีให้เมมเบอร์ ฟิตเนสเคยโฆษณาในเพจไว้นะว่าถ้ามีเทนเนอร์ของฟิตเนสมาพาออกกำลังกายจะทำให้ออกกำลังกายได้อย่างปลอดภัย และเขียนไว้อีกด้วยว่า “เพราะความปลอดภัยของเมมเบอร์คือหัวใจสำคัญของเรา” สงสัยจริงๆว่า หัวใจ ของฟิตเนสเป็นแบบไหน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
สงสัยค่ะ จขกท อยู่ตัวคนเดียวใน กทมเหรอคะ

คือ เรื่องที่เทรนเนอร์ทำให้บาดเจ็บอันนี้เราเข้าใจ เห็นใจ และ เห็นด้วยที่จะต้องติดตามเอาความ เพราะเป็นส่วนที่ฟิตเนต ต้องรับผิดชอบค่ะ

แต่ ที่อ่านมา เรางงมากว่า นี่เทรนเนอร์หรือ แฟนกัน  โดยปกติเวลาคนเรา เจ็บป่วย ต้อง นอน รพ คนที่เราเลือกที่จะให้มานอนเฝ้า ไม่ใช่คนในครอบครัวเหรอคะ? หรือ อย่างน้อยก็เพื่อนสนิท เวลาจะลุกไปเข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัว จะไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจเหรอ? ตอนออกจาก รพ ก็เช่นกัน ก็ไม่ใช่คนในครอบครัวอีก?

เคสคุณน่าเห็นใจค่ะ แต่ก็ น่าแปลกใจเช่นกัน ขนาดคุณหมอ ยังไม่สามารถรับมือกับคุณได้เลยค่ะ บางทีเราต้องกลับมาประเมินตัวเราเองเหมือนกันนะคะ ว่าที่เราบาดเจ็บ "เราเจ็บเท่าที่เราบรรยาย หรือ เรา Overacting ไปเอง"

แยกเรื่องนะ ฟิตเนส และ เทรนเนอร์ผิดแน่นอน เขาควรจะ take action และ รับผิดชอบมากกว่านี้ค่ะ แต่มันต้องแยกแยะ accident กับ emotion

ในเนื้อความของคุณ คือแสดง emotional มาเต็มคาราเบล แม้กระทั่งประโยคจบ คุณไม่ได้เน้นเรื่องขอบข่าย ความรับผิดชอบ ค่าเสียหาย หรือขอวิธีรับมือ จัดการ แนวทางเรียกร้อง แต่คุณกลับเน้นว่า "สงสัยจริงๆว่า หัวใจ ของฟิตเนสเป็นแบบไหน?"

เราว่า ผิดประเด็นไปค่ะ แยกแยะ เรื่องก่อน ผิดว่าไปตามผิด เขาต้องรับผิดชอบตามผิด เพราะมันคือภาระ และ หน้าที่ แต่ ความรู้สึกส่วนตัวที่พลุ้งพล่านของคุณทั้งหมด  เข้าใจได้ว่าเสียใจ แต่ไม่สามารถไปคาดหวังอะไรกับคนรอบตัวได้เลยค่ะ ไม่ว่าจะ หมอ พยาบาล เทรนเนอร์ ผจก ฟิตเนส ตำรวจ ทนาย คนที่ทำงาน ฯลฯ เพราะอะไร? เพราะทำไปเขาก็ไม่สนใจค่ะ.. เขาไม่ใช่คนในครอบครัวคุณเขาไม่มารู้สึกอะไรกับเรื่องพวกนี้ด้วยหรอก

ถ้าให้เราพูดตรงๆ คือ อย่าเวิ่นเว้อ เลิกฟูมฟาย ไม่ต้องถามว่า ทำไมๆ ฉันเจ็บนะ ฉันทรมานนะไม่เห็นเหรอ? เลิกค่ะ เขาไม่สนค่ะ จัดการเป็นเรื่องๆ คุณลงบันทึกประจำวันแล้ว แนะนำให้หาทนายมาดำเนินการเพิ่มค่ะ มันจะเป็นตัวกระตุ้นอีกทางนึง ให้เป็นตัวแทนคุณเรียกร้องค่าเสียหาย ไป รพที่เด่นด้านศัลยกรรม ปรึกษาแพทย์ ให้เขาประเมินค่ารักษา เอาตัวเลขนั้นไปเรียกร้องค่าสินไหมค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่