คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
สิ่งหนึ่งที่มีผลพอสมควรเลยคือหลักสูตรครับ เพราะดันไปส่งเสริมให้เอาความรู้ระดับชั้นสูงกว่าลงมาสอนคนเรียนระดับชั้นต่ำกว่า คนเรียนก็มีระดับของวุฒิภาวะที่จะเรียนและเข้าใจอยู่ เอาวิชาการระดับสูงไปสอนก็ยากที่จะเข้าใจ และพอไม่เข้าใจก็พาลทำให้เรียนไม่รู้เรื่องไปหมด
- 50 กว่าปีก่อนเรียนเรื่องเซ็ตตอนมหาวิทยาลัย 30 ปีที่แล้วมาเรียนตอนมัธยมปลาย
- 30 กว่าปีก่อนคณิตศาสตร์ประถม 6 เรียนทศนิยม ร้อยละ องศา หาพื้นที่นิดหน่อยๆ ส่วนเศษส่วน สมการ อสมการ Sin Cos Tan เรียนมัธยม 2 พิธากอรัสเรียนมัธยม 3 แต่เดี๋ยวนี้หลายๆคนบอกประถม 6 เรียนสมการ อสมการ พิธากอรัส Sin Cos Tan กันมากว่าสิบปีแล้ว
- นี่เมื่อปี 2561 ก็เห็นมีการพูดกันว่าสนใจหลักสูตรคณิตศาสตร์ของเซียงไฮ้ ที่ทำให้คนเรียนระดับมัธยม 1 สามารถไปเรียนและเข้าใจวิชาของมัธยม 3 ได้เลย
ด้วยความเร็วขนาดนี้อีกไม่นานเราคงได้เห็นมัธยม 1 ต้องเรียนแคลคูลัส พีชคณิต สมการเชิงอนุพันธ์ ตัวแปรเชิงซ้อน วิเคราะห์เวกเตอร์ Laplace Transform กัน
- 50 กว่าปีก่อนเรียนเรื่องเซ็ตตอนมหาวิทยาลัย 30 ปีที่แล้วมาเรียนตอนมัธยมปลาย
- 30 กว่าปีก่อนคณิตศาสตร์ประถม 6 เรียนทศนิยม ร้อยละ องศา หาพื้นที่นิดหน่อยๆ ส่วนเศษส่วน สมการ อสมการ Sin Cos Tan เรียนมัธยม 2 พิธากอรัสเรียนมัธยม 3 แต่เดี๋ยวนี้หลายๆคนบอกประถม 6 เรียนสมการ อสมการ พิธากอรัส Sin Cos Tan กันมากว่าสิบปีแล้ว
- นี่เมื่อปี 2561 ก็เห็นมีการพูดกันว่าสนใจหลักสูตรคณิตศาสตร์ของเซียงไฮ้ ที่ทำให้คนเรียนระดับมัธยม 1 สามารถไปเรียนและเข้าใจวิชาของมัธยม 3 ได้เลย
ด้วยความเร็วขนาดนี้อีกไม่นานเราคงได้เห็นมัธยม 1 ต้องเรียนแคลคูลัส พีชคณิต สมการเชิงอนุพันธ์ ตัวแปรเชิงซ้อน วิเคราะห์เวกเตอร์ Laplace Transform กัน
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ปัญหาวัยรุ่น
การศึกษา
โลกมันห่วยหรือเด็กรุ่นใหม่ใจไม่สู้?
ณ ปัจจุบัน ตัวเราเองมีผลการเรียนแย่แทบกู่ไม่กลับ ติด 0 ร ม ส เกรดเฉลี่ยพังไม่เป็นท่า ผู้ใหญ่หลายคนมักจะบอกว่า เด็กสมัยนี่ใจไม่สู้ ได้เรียนหนังสือแล้วยังขี้เกียด สมัยลุงทำงานแบกหามตั้งแต่อายุ 10 ขวบยังอยู่ได้เลย
ซึ่งมันก็น่าสงสัย รุ่นลุงรุ่นพ่อเรา ทำไมมันดูง่ายจัง หรือมันเป็นเรื่องแต่งกันแน่ ความสับสนวุ่นวายในใจทำให้เกิดกระทู้นี้ขึ้นมาค่ะ
ตอนนี้ทุกคนมีโทรศัพท์อยู่ในมือ เด็กรุ่นใหม่ทุกคนรู้ว่าโลกหมุนไปเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เทคโนโลยีใหม่ ๆ AI ที่เริ่มเข้ามาในระบบการทำงานมากขึ้น แล้วก็ทำให้พวกเราอดสงสัยไม่ได้เลยว่าในอีก 10 ปี ข้างหน้าเมื่อพวกเราเรียนจบจะเหลืองานให้ทำหรือไม่ ? พอมาบวกกับระบบการศึกษาที่ปฏิบัติราวนักเรียนหลายแสนคนเป็นหุ่นยนต์ที่ใช้ฐานข้อมูลเดียวกันทั้งสิ้น วิชาศิลปะ การงานอาชีพ คอมพิวเตอร์ ได้เรียนแค่ 1 คาบต่อสัปดาห์ ไม่สามารถครีเอททรงผม การแต่งตัวของตัวเองได้เลย พวกเราถูกปฏิบัติเหมือนหุ่นยนต์ที่ออกมาจากโรงงานเดียวกัน และถ้าเกิดมีคนใดคนหนึ่งเกิดแตกต่างก็จะหลุดออกนอกวงโคจรของการศึกษาไป
พอเด็กบางคนหลุดออกจากวงจรนั้น ก็จะถูกตราหน้าจากเหล่าผู้ใหญ่ว่า ไร้ความรับผิดชอบ ใจไม่สู้ ทั้ง ๆ ที่บางที เด็กคนนั้นอาจมีความสามารถที่ซ่อนอยู่ข้างใน แต่ในเมื่อระบบการศึกษาไม่ได้มีให้เราเลือกว่าจะเรียนแบบไหน จริงอยู่ว่าเลือกสายได้ หากแต่ว่าในแต่ละสาย มันก็เหมือนกันหมดทั้งประเทศนั้นแหละ แล้วแบบนี้เด็กรุ่นใหม่แบบเราจะยังคาดหวังอะไรกับโลกนี้ได้อีกคะ???