ไฮไลท์ซักฟอก:สุดฮอต ชลน่านเปิด8ปมแปดเปื้อน พิธา ตอกทศวรรษที่สูญหาย เต้ ก้มกราบลา
https://www.matichon.co.th/clips/news_3827099
ไฮไลท์ซักฟอก #:สุดฮอตวันแรก 15 ก.พ.2566
ชลน่าน เปิด8ปมแปดเปื้อน
พิธา ตอกทศวรรษที่สูญหาย เต้ ก้มกราบลา ส.ส.
น้ำ จิราพร แฉพฤติกรรมหลานประยุทธ์ ส่อฮั้ว โยงทุนจีนสีเทา ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้
พิจารณ์ ฉะ บิ๊กตู่ มองเรือรบเป็นขนมเค้ก ซ่อมร.ล.สุโขทัยแค่ให้ลอยน้ำได้ สูญเสียชีวิตกำลังพล
https://www.matichon.co.th/politics/news_3827021
‘พิจารณ์‘ ฉะ ‘ประยุทธ์–ทร.’ มองเรือรบเป็นขนมเค้ก ทุจริตซ่อมบำรุง แบ่งกินคนละคำ ทำสูญเสียชีวิตกำลังพล ในโศกนาฏกรรมเรือหลวงสุโขทัย เย้ย ซ่อมเรือแค่ให้ลอยน้ำได้ เอาออกไปโชว์งานวันเด็ก–ลอยอังคาร อดีต ผบ.ทอ.
เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม มีการพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เสนอโดย นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กับคณะ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2
เวลา 12.46 น. นาย
พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายถึงเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปางลง ว่า ตนไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก เรื่องนี้คือความบกพร่องโดยสุจริต หรือการทุจริตทีละเล็กทีละน้อย และพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมต้องรับผิดชอบ โดยตนสรุปความเป็นไปได้ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ 3 ข้อหารือ คือ
1. ความผิดพลาดของมนุษย์เพราะเมื่อเรือหลวงสุโขทัยไปถึงจุดที่มีคลื่นลมแรง และไม่สามารถทอดสมอได้ จึงต้องเข้าเทียบท่าที่ใกล้ที่สุด คือท่าเรือบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่กลับได้รับคำสั่งให้ฝ่าคลื่นลมกลับไปที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรีพล.อ.ประยุทธ์ ต้องตอบว่าใครเป็นคนออกสั่งให้กลับไปที่ อ.สัตหีบ
2. เรือล่มเพราะคลื่นลม เมื่อเกิดเหตุการณ์ กองทัพบอกว่าวันเกิดเหตุมีคลื่นลมแรงสูง 6 เมตร โดยข้อมูลของกรมอุทกศาสตร์กองทัพเรือบอกสูง 2.5 เมตร ซึ่งมีความคลาดเคลื่อนจากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา ที่บอกว่า สูง 6 เมตร แต่อดีตข้าราชการทหารเรือบอกตนว่า ไม่มีทางที่เรือหลวงสุโขทัยจะล่มจากคลื่นลม เพราะสร้างมาให้ทนต่อเคลื่อนสูง 6 เมตร
นาย
พิจารณ์ ได้นำเสนอภาพแปลนเรือหลวงสุโขทัย ที่แยกเป็นสัดส่วนและโครสร้างเรือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ว่าเรือหลวงไม่ได้ล่มง่ายๆ ยกเว้นเรือไม่อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ เช่น ประตูผนึกน้ำไม่สามารถใช้การได้และซีลยางขอบประตูเสื่อมสภาพ ข้อกล่าวหาของพล.อ.ประยุทธ์ คือการปล่อยปละละเลยให้ทุจริตในทุกกระบวนการจัดซื้อและจัดจ้างของกองทัพเรือ และปล่อยให้พี่น้องทหารเรือต้องทนใช้เรือที่ขาดการทำนุบำรุง และไม่พร้อมทำศึกสงคราม
นาย
พิจารณ์ กล่าวว่า และ 3.สภาพความพร้อมรบของเรือหลวงสุโขทัย เมื่อตนได้รับเอกสารการซ่อมเรือหลวง พบว่าตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2561 ถึง มกราคม 2564 ได้งบประมาณ 60 ล้านบาท เมื่ออ่านรายละเอียดจึงพบว่า กองทัพกำลังปกปิดความผิดการซ่อมบำรุง คือแม้จะซ่อมแล้ว แต่ยังมีปัญหาหลายจุด นี่จึงไม่ใช่การบกพร่องโดยสุจริต แต่เป็นการทุจริตในการซ่อม แบ่งกันกินทีละคำจนไม่แน่ใจว่านี่คือเรือรบหรือขนมเค้ก ในเอกสารระบุรายละเอียดการซ่อม ว่า ในส่วนของสมอเรือ เมื่อทดสอบการใช้งานจริงหลังการซ่อม ปรากฏว่ามอเตอร์ฝั่งขวาขัดข้อง และหยุดทำงานในบางจังหวะ นอกจากนี้ มาตรวัดแรงดันต่างๆยังใช้งานไม่ได้ ส่วนการติดตั้งเครื่องยนต์ใหม่แทนเครื่องเดิม ก็ไม่สมดุล จึงเกิดการสั่น ส่วนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าซ่อมเสร็จก็พัง หรือท่านซ่อมเรือเอาไว้แค่พาผู้ใหญ่ไปลอยอังคาร หรือไม่ เพราะล่าสุดเอาเรือหลวงบางปะกงที่ใหญ่กว่าเรือหลวงสุโขทัย 2 เท่า พร้อมด้วย F-16 อีก 2 ลำ ออกไปลอยอังคารอดีต ผบ.ทอ.
นาย
พิจารณ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการซ่อมตัวเรือ โดยกองแผนการช่าง ได้สำรวจตัวเรือว่ามีแผ่นเหล็กต้องเปลี่ยนหรือไม่ จากเอกสารลงวันที่ 12 กันยายน 2561 ระบุว่า มีทั้งหมด 13 จุดที่ต้องเปลี่ยนเหล็กให้หนาขึ้น จึงอยากถามว่า ใช้เหล็ก AH-36 หรือไม่ และใช้ลวดเชื่อมมีมาตราฐานหรือไม่ แต่สรุปแล้วซ่อมเพียง 5 จุด ไม่ได้ซ่อมอีก 8 จุด และกลับไปซ่อมอีก 10 จุดที่เหล็กหนาอยู่แล้ว เมื่อตรวจสอบการซ่อม พบว่าเอกชนรายหนึ่งที่มาซ่อมเป็นบริษัทห้องแถว ที่มีสายสัมพันที่ดีกับ พล.ร.ท. ว. คนหนึ่ง สรุปคือกินกันหนัก กินเหล็ก กินลวดเชื่อม และหลับหูหลับตา ซ่อมเรือให้ลอยนำได้ก็พอ
นายพิจารณ์ กล่าวต่อว่า การซ่อมครีบกันโคลงหรืออุปกรณ์ที่รักษาสมดุลและการทรงตัวของเรือ ทางทร.ตอบว่า เรือเก่า หาอะไหล่ไม่ได้ เมื่อซ่อมไม่ได้ก็ถอดทิ้งไป ซึ่งเรืออาจจะโคลงหน่อย แต่ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่มีครีบกันโคลงจะยิงขีปนาวุธอย่างไร นี่คือมายด์เซ็ทที่ไม่ได้ซ่อมเพื่อรบ แต่ซ่อมเพื่อใช้อวดงานวันเด็ก
ทั้งนี้ ตนคาดว่าน้ำได้เข้าเรือผ่านทางท้ายเรือ หรือแบริ่งเพลาจักร ที่ทำหน้าที่อุดช่องใต้ท้องเรือไม่ให้น้ำไหลย้อนเข้าตัวเรือ แต่ที่ตนทราบว่าการซื้ออะไหล่ชิ้นนี้ไม่ชอบมาพากล เพราะอะไหล่ที่ซื้ออยู่ในสภาพที่ไม่สามารถใช้งานได้
“
ในปีงบประมาณ 2566 เรือหลวงสุโขทัย มีจุดรอซ่อมอยู่ 19 รายการ งบประมาณ 16.25 ล้านบาท งานซ่อมใหญ่ที่สุดคือการซ่อมเกียร์ฝั่งซ้าย 7.5 ล้านบาท เรือที่รอซ่อมเกียร์ และอีกหลายจุด จะออกไปปฏิบัติภารกิจอย่างไร นี่จึงเป็นหลักฐานว่าเรือหลวงสุโขทัยไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมรบ รวมถึงไม่พร้อมในเรื่องอัตรากำลังพล ที่ต้องมี 97 อัตรา แต่ขาดวันนั้นกลับขาดไป 22 อัตรา และตำแหน่งที่ว่างคือ ต้นกล หรือหัวหน้าวิศวะกร ซึ่งมีความสำคัญมาก โดยวันที่เรือล่ม ไม่มีต้นกลเรืออยู่ด้วย” นาย
พิจารณ์ กล่าว
นาย
พิจารณ์ กล่าวว่า เมื่อเรือหลวงสุโขทัยที่มีรูรั่ว ขาดต้นกล ขาดมาตรวัดที่ใช้งานได้ ขาดครีบกันโคลงและขาดกำลังเครื่องยนต์ จนต้องจมลง สังเวยชีวิตทหารเรือ 24 นาย และสูญหายอีก 5 นาย ตนจึงอยากให้ พล.อ.
ประยุทธ์ และกองทัพเรือ อย่ามองยุทโธปกรณ์เป็นขนมเค้ก ที่ต้องแบ่งกันกิน เพราะทุกคำที่ท่านกิน ท่านอาจจะคิดว่าครั้งเดียว แต่เมื่อกินกันหลายคน หลายคำ จึงทำให้เกิดความสูญเสียแบบเรืองหลวงสุโขทัย การที่เรือหลวงสุโขทัยไม่อยู่ในสภาพซ้อมรบ ไม่ใชเพราะงบประมาณซ่อมน้อย แต่เป็นตัวอย่างของการทุจริตแบ่งกันกิน จนนำมาสู่โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ตราบใดที่เรายังอยู่ภายใต้รัฐบาลปรสิต และระบบ 3 ป. จะยังคงมีการทุจริต แบ่งกันกิน และปกปิดกันไป ไม่มีกองทัพที่เคารพ ประชาธิปไตย ดังนั้นจึงต้องปฏิรูปกองทัพ ที่เป็นเรื่องเดียวกับการพัฒนาเศรษฐกิจ และการแก้ปัญหาสังคม ปากท้องจะดีอย่างยั่งยืน การเมืองต้องดีก่อน
‘ปดิพัทธ์’ แฉแหลก เส้นทางกินหัวคิว บ้านพักทหาร ต้นเหตุกราดยิงโคราช
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3827192
‘ปดิพัทธ์’ แฉ แหลกกองทัพโกงบ้านทหาร โดยมีทหารยศจ่าเป็นมือมืด หักค่าหัวคิว 5% อมเงินค่าส่วนต่างค่าบ้าน ตั้งแต่ปี 54-63 ก่อนเหตุการณ์กราดยิงโคราช จี้ นายกฯ ตอบ เส้นทางสู้แล้วรวยหน่อย
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนาย
ชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม มีการพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เสนอโดย นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กับคณะ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2
นาย
ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายว่า การทุจริตของกองทัพ ตั้งแต่ยึดอำนาจมา เป็นยุคทองของการทุจริตคอร์รัปชั่นแทบทุกหน่วย เกิดเรื่องฉาวโฉ่ไม่เว้นแต่ละวัน ปิดเอาไว้ด้วยหน้ากากคนดี คงไม่ลืมโศกนาฏกรรมกราดยิงที่โคราช ที่มีผู้เสียชีวิต 30 คนบาดเจ็บ 58 คนในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 5 คน ผ่านมา 3 ปีแล้ว ซึ่งเราต้องไม่ลืมสาเหตุการตัดสินใจของจ่าคลั่ง มาจากความโกรธแค้นที่ตัวเองถูกโกงเงินในโครงการซื้อบ้านของกองทัพบก เขาโกรธแค้นกับวัฒนธรรมคอร์รัปชั่นของกองทัพที่ทำกันเป็นเรื่องปกติ ทุจริตกันจนเคยตัว คนทำผิดเป็นพี่ น้อง นายทหารกันหมด แล้วลอยนวลไร้ความยุติธรรม สรุปผลงานปฏิรูปประเทศของ คสช. คือเราได้ทหารเป็นโจรในเครื่องแบบ ซึ่งตนขอตั้งชื่อว่า “
ปิดคดี กราดยิงโคราช จับโจรในคราบทหาร ทำนาบนหลังกำลังพล”
นาย
ปดิพัทธ์ กล่าวต่อว่า เรื่องการโกงบ้านทหาร โครงการบ้านทหารของกรมสวัสดิการทหารบก โดยผู้ประกอบการขายบ้านรายใดที่จะเข้าร่วมกับโครงการนี้ก็จะต้องได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการทหารบก ทางกรมฯก็จะออกใบอนุญาตว่าผู้ประกอบการรายใดขายได้ที่ไหน จังหวัดไหนบ้าง โดยขั้นตอนการกู้ ถ้าตนเป็นทหารคนหนึ่งกู้เงินซื้อบ้านของโครงการนี้ก็ต้องเริ่มจากการขออนุมัติจากผู้บังคับบัญชาในหน่วยที่ตนสังกัดก่อน เพื่อตรวจสอบสถานะการเงิน หนี้สินต้างๆให้เรียบร้อย เมื่ออนุมัติแล้วก็เอาไปยื่นกรมสวัสดิการฯ เพื่อเข้าสู่กระบวนการอนุมัติขอกู้ มีกรรมการมาตรวจหลักทรัพย์มาพิจารณาว่าบ้านที่จะซื้อมีมูลค่าเทียบเท่าเงินที่กู้หรือไม่ จึงถึงเวลาทำมาหากินของนายทหาร มีตำแหน่งที่เกี่ยวข้อง 3 ตำแหน่ง 1.เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก ยศ พลตรี 2.ผอ.กองการออมทรัพย์ ยศ พันเอกพิเศษ และ 3.ตำแหน่งที่น่าจะเป็นจุดรวมเงินหัวคิวทั้งหมดเอาไว้ก่อนแจกจ่ายต่อ คือ เสธ.เงินกู้ ยศพันโท
นาย
ปดิพัทธ์ กล่าวด้วยว่า ตามขั้นตอนปกติ เมื่อมีการอนุมัติเงินกู้กำลังพลที่กู้เงินก็ต้องไปรับเช็คที่กรมสวัสดิการฯ แล้วเอาเช็คไปขึ้นเงินแล้วจ่ายเงินให้ผู้ประกอบการขายบ้านด้วยตัวเอง แต่กลับมีมือมืดมาดำเนินการให้ ซึ่งมือมืดส่วนใหญ่ มียศแค่จ่า แต่โดนนายใช้ให้ทำงานมือ คือ ตำแหน่งที่เกี่ยวข้อง 3 ตำแหน่งและกรรมการตรวจหลักทรัพย์ เป็นคนใช้ โดยกลุ่มคนพวกนี้หาผลประโยชน์ เป็นสองก้อน คือก้อนที่หนึ่งค่าธรรมเนียม 5 เปอร์เซนต์ โดยผู้ประกอบการบ้านต้องจ่าย ก้อนที่สองคือเงินส่วนต่างค่าบ้าน โดยการประเมิณราคาบ้านสูงกว่าความเป็นจริงมากๆ เพื่อให้ผู้กู้ได้ส่วนต่างเยอะๆ เงินทอนส่วนต่างนี้จะมากน้อยเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับตกลงกับผู้ประกอบการ ซึ่งเรื่องมีการแฉว่ามีการทุจริตในโครงการเมื่อปี 65 และเข้าสู่คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง โดยเจ้ากรมสวัสดิการทหารบกมาชี้แจง ยืนยันว่ากำลังพลต้องไปรับเช็คด้วยตัวเองที่กรมสวัสดิการฯ ทุกใบ ซึ่งต้องมีใบรับเช็ค เมื่อขอใบรับเช็คผ่านมาแล้ว 4 เดือน เจ้ากรมฯ ก็ยังไม่ส่งให้อ้างว่าเป็นเอกสารลับความมั่นคง ตนรู้ว่าไม่ใช่ความมั่นคงของชาติแน่ๆ
“
กรณีที่เกิดขึ้นจริง โดยผู้ประกอบการสองรายให้ข้อมูลมาว่า จะมีมือมืดคนแรกชื่อจ่า ส. ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กรมสวัสดิการทหารบก จะทำหน้าที่ในการปลอมลายเซ็นต์ แล้วรับเช็คแทนผู้กู้ทั้งหมดไป ทำงานมือนี้มาตั้งแต่ปี 54-63 รวมแล้ว 620 รายการ มูลค่า 812 ล้านบาท วิธีการคือ จ่าส.จะเอาเงินเข้าบัญชีของตัวเองก่อน จากนั้นก็ถอนเงินทั้งหมดให้ผู้ประกอบการขายบ้าน ขั้นตอนนี้จุดประสงค์คือไม่ให้กำลังพลได้รับเงินกู้ด้วยตัวเอง แล้วผู้ประกอบการขายบ้านก็ต้องโอนเงิน 5 เปอร์เซนต์ค่าหัวคิวไปให้มือมืดรายที่สอง รายนี้ชื่อจ่าธ. ตอนนี้อยู่ในการคุ้มครองพยานเรียบร้อยแล้ว จ่าธ.ได้รับมอบหมายให้ดูแฟ้มของผู้ประกอบการทั้งหมด ก็จะโอนเงินก้อนนี้ไปให้กับนาย และโครงการนี้ตั้งแต่ปี 54-63 มีเสธ.ผลัดกันขึ้นมา 3 คน 54-59 เป็นพันเอก ภ. 59-62 พันเอก ส. 62-63 พันเอก ช.” นาย
ปดิพัทธ์ กล่าว
JJNY : 5in1 ไฮไลท์ซักฟอก│พิจารณ์ฉะตู่ มองเรือรบเป็นขนมเค้ก│‘ปดิพัทธ์’แฉแหลก│‘โรม’ซัดกลับธนกร│โวย รบ.ขยี้ซ้ำ ทำนทท.หนี
https://www.matichon.co.th/clips/news_3827099
พิจารณ์ ฉะ บิ๊กตู่ มองเรือรบเป็นขนมเค้ก ซ่อมร.ล.สุโขทัยแค่ให้ลอยน้ำได้ สูญเสียชีวิตกำลังพล
https://www.matichon.co.th/politics/news_3827021
‘พิจารณ์‘ ฉะ ‘ประยุทธ์–ทร.’ มองเรือรบเป็นขนมเค้ก ทุจริตซ่อมบำรุง แบ่งกินคนละคำ ทำสูญเสียชีวิตกำลังพล ในโศกนาฏกรรมเรือหลวงสุโขทัย เย้ย ซ่อมเรือแค่ให้ลอยน้ำได้ เอาออกไปโชว์งานวันเด็ก–ลอยอังคาร อดีต ผบ.ทอ.
เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม มีการพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เสนอโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กับคณะ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2
เวลา 12.46 น. นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายถึงเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปางลง ว่า ตนไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก เรื่องนี้คือความบกพร่องโดยสุจริต หรือการทุจริตทีละเล็กทีละน้อย และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมต้องรับผิดชอบ โดยตนสรุปความเป็นไปได้ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ 3 ข้อหารือ คือ
1. ความผิดพลาดของมนุษย์เพราะเมื่อเรือหลวงสุโขทัยไปถึงจุดที่มีคลื่นลมแรง และไม่สามารถทอดสมอได้ จึงต้องเข้าเทียบท่าที่ใกล้ที่สุด คือท่าเรือบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่กลับได้รับคำสั่งให้ฝ่าคลื่นลมกลับไปที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรีพล.อ.ประยุทธ์ ต้องตอบว่าใครเป็นคนออกสั่งให้กลับไปที่ อ.สัตหีบ
2. เรือล่มเพราะคลื่นลม เมื่อเกิดเหตุการณ์ กองทัพบอกว่าวันเกิดเหตุมีคลื่นลมแรงสูง 6 เมตร โดยข้อมูลของกรมอุทกศาสตร์กองทัพเรือบอกสูง 2.5 เมตร ซึ่งมีความคลาดเคลื่อนจากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา ที่บอกว่า สูง 6 เมตร แต่อดีตข้าราชการทหารเรือบอกตนว่า ไม่มีทางที่เรือหลวงสุโขทัยจะล่มจากคลื่นลม เพราะสร้างมาให้ทนต่อเคลื่อนสูง 6 เมตร
นายพิจารณ์ ได้นำเสนอภาพแปลนเรือหลวงสุโขทัย ที่แยกเป็นสัดส่วนและโครสร้างเรือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ว่าเรือหลวงไม่ได้ล่มง่ายๆ ยกเว้นเรือไม่อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ เช่น ประตูผนึกน้ำไม่สามารถใช้การได้และซีลยางขอบประตูเสื่อมสภาพ ข้อกล่าวหาของพล.อ.ประยุทธ์ คือการปล่อยปละละเลยให้ทุจริตในทุกกระบวนการจัดซื้อและจัดจ้างของกองทัพเรือ และปล่อยให้พี่น้องทหารเรือต้องทนใช้เรือที่ขาดการทำนุบำรุง และไม่พร้อมทำศึกสงคราม
นายพิจารณ์ กล่าวว่า และ 3.สภาพความพร้อมรบของเรือหลวงสุโขทัย เมื่อตนได้รับเอกสารการซ่อมเรือหลวง พบว่าตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2561 ถึง มกราคม 2564 ได้งบประมาณ 60 ล้านบาท เมื่ออ่านรายละเอียดจึงพบว่า กองทัพกำลังปกปิดความผิดการซ่อมบำรุง คือแม้จะซ่อมแล้ว แต่ยังมีปัญหาหลายจุด นี่จึงไม่ใช่การบกพร่องโดยสุจริต แต่เป็นการทุจริตในการซ่อม แบ่งกันกินทีละคำจนไม่แน่ใจว่านี่คือเรือรบหรือขนมเค้ก ในเอกสารระบุรายละเอียดการซ่อม ว่า ในส่วนของสมอเรือ เมื่อทดสอบการใช้งานจริงหลังการซ่อม ปรากฏว่ามอเตอร์ฝั่งขวาขัดข้อง และหยุดทำงานในบางจังหวะ นอกจากนี้ มาตรวัดแรงดันต่างๆยังใช้งานไม่ได้ ส่วนการติดตั้งเครื่องยนต์ใหม่แทนเครื่องเดิม ก็ไม่สมดุล จึงเกิดการสั่น ส่วนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าซ่อมเสร็จก็พัง หรือท่านซ่อมเรือเอาไว้แค่พาผู้ใหญ่ไปลอยอังคาร หรือไม่ เพราะล่าสุดเอาเรือหลวงบางปะกงที่ใหญ่กว่าเรือหลวงสุโขทัย 2 เท่า พร้อมด้วย F-16 อีก 2 ลำ ออกไปลอยอังคารอดีต ผบ.ทอ.
นายพิจารณ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการซ่อมตัวเรือ โดยกองแผนการช่าง ได้สำรวจตัวเรือว่ามีแผ่นเหล็กต้องเปลี่ยนหรือไม่ จากเอกสารลงวันที่ 12 กันยายน 2561 ระบุว่า มีทั้งหมด 13 จุดที่ต้องเปลี่ยนเหล็กให้หนาขึ้น จึงอยากถามว่า ใช้เหล็ก AH-36 หรือไม่ และใช้ลวดเชื่อมมีมาตราฐานหรือไม่ แต่สรุปแล้วซ่อมเพียง 5 จุด ไม่ได้ซ่อมอีก 8 จุด และกลับไปซ่อมอีก 10 จุดที่เหล็กหนาอยู่แล้ว เมื่อตรวจสอบการซ่อม พบว่าเอกชนรายหนึ่งที่มาซ่อมเป็นบริษัทห้องแถว ที่มีสายสัมพันที่ดีกับ พล.ร.ท. ว. คนหนึ่ง สรุปคือกินกันหนัก กินเหล็ก กินลวดเชื่อม และหลับหูหลับตา ซ่อมเรือให้ลอยนำได้ก็พอ
นายพิจารณ์ กล่าวต่อว่า การซ่อมครีบกันโคลงหรืออุปกรณ์ที่รักษาสมดุลและการทรงตัวของเรือ ทางทร.ตอบว่า เรือเก่า หาอะไหล่ไม่ได้ เมื่อซ่อมไม่ได้ก็ถอดทิ้งไป ซึ่งเรืออาจจะโคลงหน่อย แต่ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่มีครีบกันโคลงจะยิงขีปนาวุธอย่างไร นี่คือมายด์เซ็ทที่ไม่ได้ซ่อมเพื่อรบ แต่ซ่อมเพื่อใช้อวดงานวันเด็ก
ทั้งนี้ ตนคาดว่าน้ำได้เข้าเรือผ่านทางท้ายเรือ หรือแบริ่งเพลาจักร ที่ทำหน้าที่อุดช่องใต้ท้องเรือไม่ให้น้ำไหลย้อนเข้าตัวเรือ แต่ที่ตนทราบว่าการซื้ออะไหล่ชิ้นนี้ไม่ชอบมาพากล เพราะอะไหล่ที่ซื้ออยู่ในสภาพที่ไม่สามารถใช้งานได้
“ในปีงบประมาณ 2566 เรือหลวงสุโขทัย มีจุดรอซ่อมอยู่ 19 รายการ งบประมาณ 16.25 ล้านบาท งานซ่อมใหญ่ที่สุดคือการซ่อมเกียร์ฝั่งซ้าย 7.5 ล้านบาท เรือที่รอซ่อมเกียร์ และอีกหลายจุด จะออกไปปฏิบัติภารกิจอย่างไร นี่จึงเป็นหลักฐานว่าเรือหลวงสุโขทัยไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมรบ รวมถึงไม่พร้อมในเรื่องอัตรากำลังพล ที่ต้องมี 97 อัตรา แต่ขาดวันนั้นกลับขาดไป 22 อัตรา และตำแหน่งที่ว่างคือ ต้นกล หรือหัวหน้าวิศวะกร ซึ่งมีความสำคัญมาก โดยวันที่เรือล่ม ไม่มีต้นกลเรืออยู่ด้วย” นายพิจารณ์ กล่าว
นายพิจารณ์ กล่าวว่า เมื่อเรือหลวงสุโขทัยที่มีรูรั่ว ขาดต้นกล ขาดมาตรวัดที่ใช้งานได้ ขาดครีบกันโคลงและขาดกำลังเครื่องยนต์ จนต้องจมลง สังเวยชีวิตทหารเรือ 24 นาย และสูญหายอีก 5 นาย ตนจึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ และกองทัพเรือ อย่ามองยุทโธปกรณ์เป็นขนมเค้ก ที่ต้องแบ่งกันกิน เพราะทุกคำที่ท่านกิน ท่านอาจจะคิดว่าครั้งเดียว แต่เมื่อกินกันหลายคน หลายคำ จึงทำให้เกิดความสูญเสียแบบเรืองหลวงสุโขทัย การที่เรือหลวงสุโขทัยไม่อยู่ในสภาพซ้อมรบ ไม่ใชเพราะงบประมาณซ่อมน้อย แต่เป็นตัวอย่างของการทุจริตแบ่งกันกิน จนนำมาสู่โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ตราบใดที่เรายังอยู่ภายใต้รัฐบาลปรสิต และระบบ 3 ป. จะยังคงมีการทุจริต แบ่งกันกิน และปกปิดกันไป ไม่มีกองทัพที่เคารพ ประชาธิปไตย ดังนั้นจึงต้องปฏิรูปกองทัพ ที่เป็นเรื่องเดียวกับการพัฒนาเศรษฐกิจ และการแก้ปัญหาสังคม ปากท้องจะดีอย่างยั่งยืน การเมืองต้องดีก่อน
‘ปดิพัทธ์’ แฉแหลก เส้นทางกินหัวคิว บ้านพักทหาร ต้นเหตุกราดยิงโคราช
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3827192
‘ปดิพัทธ์’ แฉ แหลกกองทัพโกงบ้านทหาร โดยมีทหารยศจ่าเป็นมือมืด หักค่าหัวคิว 5% อมเงินค่าส่วนต่างค่าบ้าน ตั้งแต่ปี 54-63 ก่อนเหตุการณ์กราดยิงโคราช จี้ นายกฯ ตอบ เส้นทางสู้แล้วรวยหน่อย
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม มีการพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เสนอโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กับคณะ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายว่า การทุจริตของกองทัพ ตั้งแต่ยึดอำนาจมา เป็นยุคทองของการทุจริตคอร์รัปชั่นแทบทุกหน่วย เกิดเรื่องฉาวโฉ่ไม่เว้นแต่ละวัน ปิดเอาไว้ด้วยหน้ากากคนดี คงไม่ลืมโศกนาฏกรรมกราดยิงที่โคราช ที่มีผู้เสียชีวิต 30 คนบาดเจ็บ 58 คนในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 5 คน ผ่านมา 3 ปีแล้ว ซึ่งเราต้องไม่ลืมสาเหตุการตัดสินใจของจ่าคลั่ง มาจากความโกรธแค้นที่ตัวเองถูกโกงเงินในโครงการซื้อบ้านของกองทัพบก เขาโกรธแค้นกับวัฒนธรรมคอร์รัปชั่นของกองทัพที่ทำกันเป็นเรื่องปกติ ทุจริตกันจนเคยตัว คนทำผิดเป็นพี่ น้อง นายทหารกันหมด แล้วลอยนวลไร้ความยุติธรรม สรุปผลงานปฏิรูปประเทศของ คสช. คือเราได้ทหารเป็นโจรในเครื่องแบบ ซึ่งตนขอตั้งชื่อว่า “ปิดคดี กราดยิงโคราช จับโจรในคราบทหาร ทำนาบนหลังกำลังพล”
นายปดิพัทธ์ กล่าวต่อว่า เรื่องการโกงบ้านทหาร โครงการบ้านทหารของกรมสวัสดิการทหารบก โดยผู้ประกอบการขายบ้านรายใดที่จะเข้าร่วมกับโครงการนี้ก็จะต้องได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการทหารบก ทางกรมฯก็จะออกใบอนุญาตว่าผู้ประกอบการรายใดขายได้ที่ไหน จังหวัดไหนบ้าง โดยขั้นตอนการกู้ ถ้าตนเป็นทหารคนหนึ่งกู้เงินซื้อบ้านของโครงการนี้ก็ต้องเริ่มจากการขออนุมัติจากผู้บังคับบัญชาในหน่วยที่ตนสังกัดก่อน เพื่อตรวจสอบสถานะการเงิน หนี้สินต้างๆให้เรียบร้อย เมื่ออนุมัติแล้วก็เอาไปยื่นกรมสวัสดิการฯ เพื่อเข้าสู่กระบวนการอนุมัติขอกู้ มีกรรมการมาตรวจหลักทรัพย์มาพิจารณาว่าบ้านที่จะซื้อมีมูลค่าเทียบเท่าเงินที่กู้หรือไม่ จึงถึงเวลาทำมาหากินของนายทหาร มีตำแหน่งที่เกี่ยวข้อง 3 ตำแหน่ง 1.เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก ยศ พลตรี 2.ผอ.กองการออมทรัพย์ ยศ พันเอกพิเศษ และ 3.ตำแหน่งที่น่าจะเป็นจุดรวมเงินหัวคิวทั้งหมดเอาไว้ก่อนแจกจ่ายต่อ คือ เสธ.เงินกู้ ยศพันโท
นายปดิพัทธ์ กล่าวด้วยว่า ตามขั้นตอนปกติ เมื่อมีการอนุมัติเงินกู้กำลังพลที่กู้เงินก็ต้องไปรับเช็คที่กรมสวัสดิการฯ แล้วเอาเช็คไปขึ้นเงินแล้วจ่ายเงินให้ผู้ประกอบการขายบ้านด้วยตัวเอง แต่กลับมีมือมืดมาดำเนินการให้ ซึ่งมือมืดส่วนใหญ่ มียศแค่จ่า แต่โดนนายใช้ให้ทำงานมือ คือ ตำแหน่งที่เกี่ยวข้อง 3 ตำแหน่งและกรรมการตรวจหลักทรัพย์ เป็นคนใช้ โดยกลุ่มคนพวกนี้หาผลประโยชน์ เป็นสองก้อน คือก้อนที่หนึ่งค่าธรรมเนียม 5 เปอร์เซนต์ โดยผู้ประกอบการบ้านต้องจ่าย ก้อนที่สองคือเงินส่วนต่างค่าบ้าน โดยการประเมิณราคาบ้านสูงกว่าความเป็นจริงมากๆ เพื่อให้ผู้กู้ได้ส่วนต่างเยอะๆ เงินทอนส่วนต่างนี้จะมากน้อยเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับตกลงกับผู้ประกอบการ ซึ่งเรื่องมีการแฉว่ามีการทุจริตในโครงการเมื่อปี 65 และเข้าสู่คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง โดยเจ้ากรมสวัสดิการทหารบกมาชี้แจง ยืนยันว่ากำลังพลต้องไปรับเช็คด้วยตัวเองที่กรมสวัสดิการฯ ทุกใบ ซึ่งต้องมีใบรับเช็ค เมื่อขอใบรับเช็คผ่านมาแล้ว 4 เดือน เจ้ากรมฯ ก็ยังไม่ส่งให้อ้างว่าเป็นเอกสารลับความมั่นคง ตนรู้ว่าไม่ใช่ความมั่นคงของชาติแน่ๆ
“กรณีที่เกิดขึ้นจริง โดยผู้ประกอบการสองรายให้ข้อมูลมาว่า จะมีมือมืดคนแรกชื่อจ่า ส. ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กรมสวัสดิการทหารบก จะทำหน้าที่ในการปลอมลายเซ็นต์ แล้วรับเช็คแทนผู้กู้ทั้งหมดไป ทำงานมือนี้มาตั้งแต่ปี 54-63 รวมแล้ว 620 รายการ มูลค่า 812 ล้านบาท วิธีการคือ จ่าส.จะเอาเงินเข้าบัญชีของตัวเองก่อน จากนั้นก็ถอนเงินทั้งหมดให้ผู้ประกอบการขายบ้าน ขั้นตอนนี้จุดประสงค์คือไม่ให้กำลังพลได้รับเงินกู้ด้วยตัวเอง แล้วผู้ประกอบการขายบ้านก็ต้องโอนเงิน 5 เปอร์เซนต์ค่าหัวคิวไปให้มือมืดรายที่สอง รายนี้ชื่อจ่าธ. ตอนนี้อยู่ในการคุ้มครองพยานเรียบร้อยแล้ว จ่าธ.ได้รับมอบหมายให้ดูแฟ้มของผู้ประกอบการทั้งหมด ก็จะโอนเงินก้อนนี้ไปให้กับนาย และโครงการนี้ตั้งแต่ปี 54-63 มีเสธ.ผลัดกันขึ้นมา 3 คน 54-59 เป็นพันเอก ภ. 59-62 พันเอก ส. 62-63 พันเอก ช.” นายปดิพัทธ์ กล่าว