ตั้งแต่เริ่มต้นปี2566
ขึ้นมา ผมมีความรู้สึกว่า หลายสิ่งที่เคยชลอๆไว้ได้เมื่อปีก่อนๆ พากันมาโถม
ใส่ผมในปีนี้จน แทบตั้งรับไม่ทัน
โดยเฉพาะเรื่องที่
หมาสุดรักป่วยหนัก
แล้วก็จากไปช่วงปลายเดือน ม.ค.
และพอเข้าเดือน ก.พ. นายแม่ก็ถูกหามเข้า รพ.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หมอนำไปเอกซเรย์แล้วแจ้งว่า ถุงลมโป่งพอง ระยะเริ่มต้น
คือนายแม่มีไอแห้งๆเมื่อวันพฤหัส และเหนื่อยมากๆในเช้าวันศุกร์
ดังนั้น จึงต้องอยู่รพ.
พ่นยา และติดตามอาการ จริงๆแล้วผมดีใจนะครับที่ จะได้ใช้โอกาสนี้บังคับให้แม่เลิกบุหรี่เสียที
เพราะท่านสูบติดต่อมานานมากแล้วตั้งแต่อายุ18เลยทีเดียว
และ..ใครที่มีพ่อแม่อายุ60+ นี่น่าจะเข้าใจนะครับ ว่าท่านๆเหล่านั้นจะดื้อมาก ต่อให้เราชักมหาสมุทรทั้งยี่สิบมาอ้าง ท่านก็จะแถ สีข้างถลอกไปจนได้
และลูกๆก็ได้แต่ส่ายหน้า เพราะเกินความสามารถที่จะทำอะไรได้ ถ้าเจ้าตัวไม่ยินยอม
ดังนั้นเมื่อ เกิดเหตุดังนี้ จึงเป็นนิมิตหมายอันดีที่ท่านจะต้องเลิกสูบโดยเด็ดขาด
แม้ความเจ็บป่วยจะ
เป็นเรื่องไม่ดี แต่การเลิกบุหรี่นี้ก็ถือได้ว่า
เป็นสิ่งดีๆที่แทรกอยู่
และแล้วนายแม่ก็กลายเป็นผู้ป่วยในของตึกหญิง ห้องหนึ่ง เตียง16
ไปโดยปริยาย โดยมีผมเป็นผู้เฝ้า(อีกแล้ว แง้..)
ทั้งห้องมีแต่ผู้ป่วยหญิง(บางห้องเขามีผู้ชายครับ) และญาติ
ผู้ป่วยก็มีแค่ผมคนเดียวที่เป็นผู้ชาย
แบบว่า..นั่งตรงไหนก็ถูกมองตลอดเลยครับ ตอนแรกก็อึดอัดอยู่นะ แต่แค่
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
ผมก็ทำใจได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มันช่วยไม่ได้จริงๆครับ คนมันหล่อทะลุแมสนี่นะถูกมอง ถูกจ้องบ้างก็ต้องเข้าใจแหละ😝
โชคดีที่ผมเอาเสื้อผ้าไปกันเหนียว(เผื่อเหลือเผื่อขาด)1ชุด
ก็เลยไม่ลำบากในการต้องเฝ้าคนป่วย
รพ.นี้เป็นรพ.ประจำอำเภอที่..ต้องบอกว่า
สะดวก สบายมากครับ คนเฝ้าจะอยู่กับคนไข้ได้ตลอด 24ช.ม. และถ้าใครที่ไม่มีญาติ ก็จะมีคุณพยาบาลดูแลให้
ขาดเหลืออะไรก็ขอคุณพยาบาลได้(ถ้าไม่เกรงใจอะนะครับ)
เพียงสองชั่วโมงที่นั่งเฝ้าแม่ ผมก็ถูกคุณป้า คุณยาย ที่เป็นคนป่วยเตียงข้างๆ ชม
เสียแล้วครับ(อันนี้แม่เล่าให้ฟัง เขาคงจะคุยกันช่วงผมไปซื้อข้าว เพราะผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์)
โดยเฉพาะคุณยายเตียง15 ท่านจำชื่อผมได้ตั้งแต่ช.ม.แรกแล้วครับ แถมเรียกผม ' น้องเจ็ด 'ซะด้วย
คงเพราะผมไปปอกส้มและป้อนน้ำให้ท่านแน่ๆเลย คืนวันนั้นเราไม่ได้เจอหน้าคุณหมอครับ เพราะกว่าเราจะถูกส่งตัวเป็นผู้ป่วยก็เกือบเที่ยงแล้ว อาหารมื้อแรกใน รพ.ของนายแม่คือก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น ซึ่งท่านบอกว่าอร่อยและทานจนหมด
นี่เป็นประสบการณ์
เฝ้าไข้ครั้งแรกของผมครับ นายแม่เคยป่วยและต้องแอดมิทแล้วครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน แต่ครั้งนั้นน้องชายไปเฝ้า
และได้อยู่รพ.แค่2วันกับ1คืน ด้วยอาการ
หัวใจเต้นผิดจังหวะ
และก็ได้รู้ว่าเป็นความดันสูงในครั้งนั้นนั่นเอง
ดังนั้นเมื่อครั้งนี้ผมได้มีโอกาสทำหน้าที่บ้าง
ผมจึงต้องทำเต็มที่เช่นกัน ตั้งแต่การ
เสริฟน้ำ เช็ดตัว ล้างหม้อเมล์ และเสนอหน้าเวลาคุณหมอ คุณพยาบาลเข้ามา
ตรวจ คืนแรกผ่านไปแบบ ง่วงที่สุดเลยครับเพราะแทบไม่ได้นอน แถมตอนสายพอน้องไปเยี่ยมแม่
ผมก็ต้องกลับบ้าน
มาจัดกระเป๋าใหม่
และ มาซื้อของเข้าตู้เย็นตุนให้คนอยู่บ้านด้วย กว่าจะทำนั่น
ทำนี่เสร็จ กลับไปรพ.อีกที คุณยายเตียง20 ก็เก็บของเตรียมกลับบ้านแล้ว
ดังนั้นผมก็เลยถือโอกาส หยิบเอาสายสิญจน์ ไปผูกข้อมือให้ ท่านก็บอกให้ผมอวยพรให้ด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ก็เลยจัดไปหนึ่งชุด ขอให้สุขภาพแข็งแรง
อยู่เป็นมิ่งขวัญให้ลูกหลานนานแสนนาน
และขอให้ได้เจอกันอีก แต่..ไม่ใช่ที่นี่นะครับ เล่นเอาคุณยายยิ้มขำไปตามๆกันเลย
พอดีเพิ่งพ้นเทศกาลปิดทองมาไงครับ
ก็เลยได้ของขลัง
(ที่ไม่ใช่ ไซ ตะข้องและกาละมังนะครับ)
มาเยอะมาก
จากที่ผมสังเกตุการณ์มา สิ่งที่คนไข้และคนเฝ้าไข้
มีเหมือนๆกัน คือ
อัธยาศัยอันดีครับ
ทุกคนคุยเก่งมาก
เขาจะอยากเล่าเรื่องของเขา และอยากรู้เรื่องของเราแทบทุกอย่างที่เราคุยได้
เรียกว่าฟังกันตาใสทุกคนเลยครับ
ซึ่งก็น่าจะเป็นอย่างนั้นอยู่หรอก เพราะแต่ละคน แทบจะมีบ้านเป็นรพ.ทั้งนั้น
กลับบ้านได้6-10วัน
ก็กลับมาอีกแล้ว
แถมมีบางคนที่อยู่มาเป็นเดือนแล้วด้วย
ขนาดแค่ด้ายสายสิญจน์ซึ่งถ้าจะหามูลค่า คงจะหาราคาไม่ได้ กระนั้นก็ยังมีคนถามอีกตั้งหลายคน ผมก็เลยแจกหมดที่มีเลยครับ แถมยังขอให้ผมผูกให้อีกด้วยแน่ะ ผมนี่
เอ็นดู๊-เอ็นดู
และในตอนเย็นของวันอาทิตย์ ก็มีพี่คนหนึ่งย้ายมาจากเตียง
12(ด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบเพราะจริงๆระยะห่างระหว่างห้องพักแพทย์จากเตียง12และเตียง20ก็น่าจะพอๆกัน
คิดอีกทีอาจเป็นบุญของผมก็ได้ ที่จะได้เห็นสิ่งดีๆของพี่เตียงนี้ เพื่อจะได้รู้คิดขึ้นไปอีก
คือ...เมื่อแกย้ายมา
เป็นสมาชิกห้อง
ก็เป็นหน้าที่ของคุณพยาบาลที่จะต้อง
ถามชื่อและซักประวัติ ปรากฏว่า
แกจำชื่อตัวเองไม่ได้ครับ และพูดก็แทบ
จะไม่เป็นคำ แต่พอ
ลูกของแกมาเยี่ยม
และคนเล็กสุด เพิ่งจะ8ขวบ แกจำลูกได้ครับ แถมแกยังโบกไม้โบกมือให้ลูกคนเล็กออกไปอยู่นอกห้อง เพราะในห้องมีแต่คนป่วยสารพัดโรค ทำเอาผมสะอึก
อึ้ง ทึ่งในสัญชาตญาณความเป็นแม่มากๆเลยครับ
ขนาดชื่อตัวเองยังจำไม่ได้ แต่จำความห่วงใยที่มีต่อลูกได้
ในความโชคร้ายจากความเจ็บป่วยของคนในครอบครัวครั้งนี้
ผมถือว่า ผมมีอัตราของความโชคดีที่เสมอกัน
เพราะนอกจากจะได้
พูดคุย ช่วยเหลือและแบ่งปันกับเพื่อนร่วมทุกข์ที่ได้มาพบกันโดยบังเอิญแล้ว
ผมยังได้ซาบซึ้งและเข้าใจในความรักอันไม่มีข้อแม้ที่ยิ่งใหญ่ของคุณแม่ตัวเล็กๆ
คนนั้น
ทำให้ผมได้เห็น ได้
เข้าใจ และเก็บเอาไว้สอนตัวเองในวันข้างหน้า ที่อาจจะมีสักครั้งหรือหลายครั้งที่
เกิดอาการขุ่นเคืองใจ
หรือโมโหแม่ของผม
ในเรื่องต่างๆทั้งเล็กและใหญ่
ใครๆบอกเล่าก็ไม่เท่าเห็นเอง จริงไหมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนนี้นายแม่กลับมาพักฟื้นอยู่ที่บ้านด้วยอาการที่ดีขึ้นตามลำดับแล้วครับ ได้ฤกษ์เลิกบุหรี่เสียที ดีจริงๆ
ต้องขอบคุณทุกสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้นะครับ ที่ท่านทำให้เกิดการเปลื่ยนแปลงที่จะเป็นเรื่องดีต่อไปในอนาคต
รวมระยะเวลาในการอยู่รพ.ครั้งนี้4วันกับ3คืนครับผม
....โชค?..
ขึ้นมา ผมมีความรู้สึกว่า หลายสิ่งที่เคยชลอๆไว้ได้เมื่อปีก่อนๆ พากันมาโถม
ใส่ผมในปีนี้จน แทบตั้งรับไม่ทัน
โดยเฉพาะเรื่องที่
หมาสุดรักป่วยหนัก
แล้วก็จากไปช่วงปลายเดือน ม.ค.
และพอเข้าเดือน ก.พ. นายแม่ก็ถูกหามเข้า รพ.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คือนายแม่มีไอแห้งๆเมื่อวันพฤหัส และเหนื่อยมากๆในเช้าวันศุกร์
ดังนั้น จึงต้องอยู่รพ.
พ่นยา และติดตามอาการ จริงๆแล้วผมดีใจนะครับที่ จะได้ใช้โอกาสนี้บังคับให้แม่เลิกบุหรี่เสียที
เพราะท่านสูบติดต่อมานานมากแล้วตั้งแต่อายุ18เลยทีเดียว
และ..ใครที่มีพ่อแม่อายุ60+ นี่น่าจะเข้าใจนะครับ ว่าท่านๆเหล่านั้นจะดื้อมาก ต่อให้เราชักมหาสมุทรทั้งยี่สิบมาอ้าง ท่านก็จะแถ สีข้างถลอกไปจนได้
และลูกๆก็ได้แต่ส่ายหน้า เพราะเกินความสามารถที่จะทำอะไรได้ ถ้าเจ้าตัวไม่ยินยอม
ดังนั้นเมื่อ เกิดเหตุดังนี้ จึงเป็นนิมิตหมายอันดีที่ท่านจะต้องเลิกสูบโดยเด็ดขาด
แม้ความเจ็บป่วยจะ
เป็นเรื่องไม่ดี แต่การเลิกบุหรี่นี้ก็ถือได้ว่า
เป็นสิ่งดีๆที่แทรกอยู่
และแล้วนายแม่ก็กลายเป็นผู้ป่วยในของตึกหญิง ห้องหนึ่ง เตียง16
ไปโดยปริยาย โดยมีผมเป็นผู้เฝ้า(อีกแล้ว แง้..)
ทั้งห้องมีแต่ผู้ป่วยหญิง(บางห้องเขามีผู้ชายครับ) และญาติ
ผู้ป่วยก็มีแค่ผมคนเดียวที่เป็นผู้ชาย
แบบว่า..นั่งตรงไหนก็ถูกมองตลอดเลยครับ ตอนแรกก็อึดอัดอยู่นะ แต่แค่
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
ผมก็ทำใจได้[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โชคดีที่ผมเอาเสื้อผ้าไปกันเหนียว(เผื่อเหลือเผื่อขาด)1ชุด
ก็เลยไม่ลำบากในการต้องเฝ้าคนป่วย
รพ.นี้เป็นรพ.ประจำอำเภอที่..ต้องบอกว่า
สะดวก สบายมากครับ คนเฝ้าจะอยู่กับคนไข้ได้ตลอด 24ช.ม. และถ้าใครที่ไม่มีญาติ ก็จะมีคุณพยาบาลดูแลให้
ขาดเหลืออะไรก็ขอคุณพยาบาลได้(ถ้าไม่เกรงใจอะนะครับ)
เพียงสองชั่วโมงที่นั่งเฝ้าแม่ ผมก็ถูกคุณป้า คุณยาย ที่เป็นคนป่วยเตียงข้างๆ ชม
เสียแล้วครับ(อันนี้แม่เล่าให้ฟัง เขาคงจะคุยกันช่วงผมไปซื้อข้าว เพราะผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์)
โดยเฉพาะคุณยายเตียง15 ท่านจำชื่อผมได้ตั้งแต่ช.ม.แรกแล้วครับ แถมเรียกผม ' น้องเจ็ด 'ซะด้วย
คงเพราะผมไปปอกส้มและป้อนน้ำให้ท่านแน่ๆเลย คืนวันนั้นเราไม่ได้เจอหน้าคุณหมอครับ เพราะกว่าเราจะถูกส่งตัวเป็นผู้ป่วยก็เกือบเที่ยงแล้ว อาหารมื้อแรกใน รพ.ของนายแม่คือก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น ซึ่งท่านบอกว่าอร่อยและทานจนหมด
นี่เป็นประสบการณ์
เฝ้าไข้ครั้งแรกของผมครับ นายแม่เคยป่วยและต้องแอดมิทแล้วครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน แต่ครั้งนั้นน้องชายไปเฝ้า
และได้อยู่รพ.แค่2วันกับ1คืน ด้วยอาการ
หัวใจเต้นผิดจังหวะ
และก็ได้รู้ว่าเป็นความดันสูงในครั้งนั้นนั่นเอง
ดังนั้นเมื่อครั้งนี้ผมได้มีโอกาสทำหน้าที่บ้าง
ผมจึงต้องทำเต็มที่เช่นกัน ตั้งแต่การ
เสริฟน้ำ เช็ดตัว ล้างหม้อเมล์ และเสนอหน้าเวลาคุณหมอ คุณพยาบาลเข้ามา
ตรวจ คืนแรกผ่านไปแบบ ง่วงที่สุดเลยครับเพราะแทบไม่ได้นอน แถมตอนสายพอน้องไปเยี่ยมแม่
ผมก็ต้องกลับบ้าน
มาจัดกระเป๋าใหม่
และ มาซื้อของเข้าตู้เย็นตุนให้คนอยู่บ้านด้วย กว่าจะทำนั่น
ทำนี่เสร็จ กลับไปรพ.อีกที คุณยายเตียง20 ก็เก็บของเตรียมกลับบ้านแล้ว
ดังนั้นผมก็เลยถือโอกาส หยิบเอาสายสิญจน์ ไปผูกข้อมือให้ ท่านก็บอกให้ผมอวยพรให้ด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เล่นเอาคุณยายยิ้มขำไปตามๆกันเลย
พอดีเพิ่งพ้นเทศกาลปิดทองมาไงครับ
ก็เลยได้ของขลัง
(ที่ไม่ใช่ ไซ ตะข้องและกาละมังนะครับ)
มาเยอะมาก
จากที่ผมสังเกตุการณ์มา สิ่งที่คนไข้และคนเฝ้าไข้
มีเหมือนๆกัน คือ
อัธยาศัยอันดีครับ
ทุกคนคุยเก่งมาก
เขาจะอยากเล่าเรื่องของเขา และอยากรู้เรื่องของเราแทบทุกอย่างที่เราคุยได้
เรียกว่าฟังกันตาใสทุกคนเลยครับ
ซึ่งก็น่าจะเป็นอย่างนั้นอยู่หรอก เพราะแต่ละคน แทบจะมีบ้านเป็นรพ.ทั้งนั้น
กลับบ้านได้6-10วัน
ก็กลับมาอีกแล้ว
แถมมีบางคนที่อยู่มาเป็นเดือนแล้วด้วย
ขนาดแค่ด้ายสายสิญจน์ซึ่งถ้าจะหามูลค่า คงจะหาราคาไม่ได้ กระนั้นก็ยังมีคนถามอีกตั้งหลายคน ผมก็เลยแจกหมดที่มีเลยครับ แถมยังขอให้ผมผูกให้อีกด้วยแน่ะ ผมนี่
เอ็นดู๊-เอ็นดู
และในตอนเย็นของวันอาทิตย์ ก็มีพี่คนหนึ่งย้ายมาจากเตียง
12(ด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบเพราะจริงๆระยะห่างระหว่างห้องพักแพทย์จากเตียง12และเตียง20ก็น่าจะพอๆกัน
คิดอีกทีอาจเป็นบุญของผมก็ได้ ที่จะได้เห็นสิ่งดีๆของพี่เตียงนี้ เพื่อจะได้รู้คิดขึ้นไปอีก
คือ...เมื่อแกย้ายมา
เป็นสมาชิกห้อง
ก็เป็นหน้าที่ของคุณพยาบาลที่จะต้อง
ถามชื่อและซักประวัติ ปรากฏว่า
แกจำชื่อตัวเองไม่ได้ครับ และพูดก็แทบ
จะไม่เป็นคำ แต่พอ
ลูกของแกมาเยี่ยม
และคนเล็กสุด เพิ่งจะ8ขวบ แกจำลูกได้ครับ แถมแกยังโบกไม้โบกมือให้ลูกคนเล็กออกไปอยู่นอกห้อง เพราะในห้องมีแต่คนป่วยสารพัดโรค ทำเอาผมสะอึก
อึ้ง ทึ่งในสัญชาตญาณความเป็นแม่มากๆเลยครับ
ขนาดชื่อตัวเองยังจำไม่ได้ แต่จำความห่วงใยที่มีต่อลูกได้
ในความโชคร้ายจากความเจ็บป่วยของคนในครอบครัวครั้งนี้
ผมถือว่า ผมมีอัตราของความโชคดีที่เสมอกัน
เพราะนอกจากจะได้
พูดคุย ช่วยเหลือและแบ่งปันกับเพื่อนร่วมทุกข์ที่ได้มาพบกันโดยบังเอิญแล้ว
ผมยังได้ซาบซึ้งและเข้าใจในความรักอันไม่มีข้อแม้ที่ยิ่งใหญ่ของคุณแม่ตัวเล็กๆ
คนนั้น
ทำให้ผมได้เห็น ได้
เข้าใจ และเก็บเอาไว้สอนตัวเองในวันข้างหน้า ที่อาจจะมีสักครั้งหรือหลายครั้งที่
เกิดอาการขุ่นเคืองใจ
หรือโมโหแม่ของผม
ในเรื่องต่างๆทั้งเล็กและใหญ่
ใครๆบอกเล่าก็ไม่เท่าเห็นเอง จริงไหมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้