เมื่อวานนี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ระบุถึงทักษิณ ชินวัตร กับสมุนไล่เรียงใกล้ชิด ไม่ตอบโต้ข้อเท็จจริง แต่ใช้วิธีให้ ปชช. พี่น้องร่วมต่อสู้แถลงใส่ร้าย จึงถือว่า เป็นวิธีประกาศทำสงครามกัน ดังนั้น ตลอดเวลาหาเสียงพวกคุณจะปวดหัวกับผม
.
นายจตุพร กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ ว่า การโหมโรงเลือกตั้งกำลังวิวัฒนาการไปสู่ความขัดแย้งครั้งใหญ่ชนิดไม่น่าเกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ ตนเคยย้ำเสมอมาถึง ทักษิณ ชินวัตร ได้ก่อกองไฟกลับบ้านโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม แต่การก่อกองไฟนี้ได้ปลุกผี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นมา
.
สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับรู้กันชัดเจนแล้วว่า การบริหารงานช่วง 8 ปีกว่าที่ผ่านมา สะท้อนถึงหนทางไปต่อทางการเมืองนั้นยากเหลือเกิน ดังนั้น เมื่อ ทักษิณ มาก่อกองไฟกลับบ้าน โดยไม่แก้กฎหมาย ไม่ใช้พรรคเพื่อไทย และไม่อาศัยพลังประชารัฐ ยิ่งไปชุบชีวิตทางการเมืองที่ตายแล้วของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ฟื้นขึ้นมาอีก พร้อมกับกล่าวว่า สิ่งสำคัญของปรากฏการณ์ทักษิณ จะใช้หัวใจกลับบ้านนั้น ส่อแนวโน้มจะเกิดเหตุการณ์ 2 ซีกเผชิญหน้ากัน โดยในซีกเชื่อมั่น พล.อ.ประยุทธ์ จะออกมาคัดค้านเพื่อหยุดทักษิณ แล้วทำให้ประชาชนลืมชะตากรรมบ้านเมืองที่ พล.อ.ประยุทธ์ กระทำในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา
.
อีกทั้งฝ่ายทักษิณ ยังไม่ทบทวนบทเรียน เมื่อครั้งเป็นรัฐบาลแต่ไม่ยอมกลับบ้านเอง จึงทำให้ประชาชนเสียโอกาสได้รับนิรโทษกรรมออกจากคุกในคดีชุมนุมทางการเมืองไปถึง 8 ปีเช่นกัน รวมถึงกรณีคณะยึดอำนาจสมคบ และสมยอมกันให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางออกนอกประเทศ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นวิกฤตที่รอการปะทุขึ้น
.
นายจตุพร กล่าวว่า ดังนั้น เมื่อมาถึงจุดนี้ต้องพึ่งพาประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เพราะการแสดงออกที่ตนมีต่อทักษิณ เราต้องเตรียมใจรับแรงเหวี่ยงด้วยวิธีการต่างๆ โดยเรื่องราวที่ตนพูดนั้น คนที่ร่วมสู้ด้วยกันมาทุกฝ่ายย่อมรู้ดีว่า ไม่มีอะไรเป็นความเท็จที่จะออกมาตอบโต้ได้ คงมีแต่คนที่ไม่รู้เรื่องการชุมนุมออกมาชี้แจงตอบโต้แทนเท่านั้น
.
“ยังไม่เท่านั้น คนพวกนี้ก็ออกไปพบพี่น้องกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่ให้แถลงตอบโต้ผม ล่าสุด จะมีที่ขอนแก่น มาตอบโต้ ซึ่งผมเห็นใจประชาชนที่สุด เหมือนวันก่อนโกรัชภาคใต้ออกมาโต้ ซึ่งผมจะไม่ตอบโต้อะไร เพราะไม่ได้เป็นแกนนำ ไม่รู้เรื่องราวอะไร โดยมีกรณีหนึ่ง ในวันหนึ่งเขาพูดจะลงเลือกตั้ง จึงขอบริจาคเงินให้พรรคจำนวนหนึ่ง ทำให้ทุกคนช็อกในคำพูด แต่คนที่ตกใจมากที่สุด คือ ทักษิณ นอกจากนั้น ยังมีกรณีถูกดำเนินคดีในศาล เขาให้การโดยไม่รู้ว่าตัวเองกำลังติดคุก ซึ่งวันนั้นเขาขอให้ผมเป็นพยาน ผมนั่งอยู่ในศาลด้วย จึงขอความกรุณาจากศาลให้เขาไปเตรียมการเรื่องทนายก่อน สิ่งนี้แสดงถึงการไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย”
.
นายจตุพร กล่าวว่า จากนั้นคดีของโกรัชก็เงียบหายไป แล้วเขามาพูดอีกทีเพื่อด้อยค่าตนว่า ให้ข้าวให้น้ำ พรรคเพื่อไทยให้เงิน แต่คนจะเป็นลม คือ พรรคเพื่อไทย ตนไม่สนใจเพราะเป็นพี่น้องพาซื่อกันมาตลอด เมื่อพูดอะไรย่อมเข้าตัวเองทั้งนั้น ซึ่งน่าเห็นใจ เนื่องจากตนรู้ใครทำอะไรที่ไหน อย่างไร “บอกพี่น้องอย่างนี้ว่า ใช้สิทธิเสรีภาพได้ตามสบาย เราก็เหมือนคนถูกสั่งห้ามไปวัดในวัน 15 ค่ำ แต่ดันไปสอดรู้สอดเห็นพระทำพิธีสำคัญ นั่งเสพเมถุน เคล้านารีเต็มไปหมด เมื่อลงมาบอกชาวบ้านที่ศรัทธากราบกันทั้งบาง ก็ไม่มีใครเชื่อสักคน แถมยังถูกต่อว่าไปใส่ร้ายพระเป็นคนดี ผมก็อยู่ในสถานการณ์แบบนี้”
.
รวมทั้งย้ำว่า อีกอย่าง ตนเพิ่งได้เห็นคลิป พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง บอกว่า ได้ร่วมมือกับทักษิณที่จะยึดเวที แต่ในทางข่าวตนรู้มาก่อนแล้ว จึงมีความเข้าใจหลายเรื่อง และรู้ถึงบางเส้นทางว่าใครไปทำอะไร ดังนั้น ในวันที่เรารบกันนั้น ทั้งทักษิณ และบรรดานักเลือกตั้ง หรือนักเคลื่อนไหวทั้งหลาย อยู่เป็นภาระของประชาชนทำไม ถ้าตนพูดไม่จริงก็ตอบโต้มา สู้กัน อย่าเอาประชาชนมาเป็นเกราะบัง
.
“ถ้าผมพูดเท็จก็มีสิทธิตอบโต้ ก็มีปากกันทุกคนอยู่แล้ว เห็นประกาศความยิ่งใหญ่กันเหลือเกิน วันนี้ก็ไปทำอีก อย่าบีบผมให้มาก ต้องรู้นิสัยผม ดีก็ดีใจหาย สู้ก็ยิบตา จำไม่ได้หรือเมื่อผมอยู่กับคุณ ศัตรูของคุณผมบล็อกหมดเลย ผมรบจนบาดเจ็บเลือดเต็มตัว แต่ไม่ได้ระวังคุณจะเอามีดมาแทงข้างหลังผม จนกลายเป็นนักรบที่ข้างหลังเต็มไปด้วยบาดแผล แต่ข้างหน้าไม่มีแผล ซึ่งไม่ใช่วิ่งหนี แต่ถูกพวกเดียวกันแอบจ้วงแทงหลัง”
.
นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าคิดว่า ใช้วิธีให้พี่น้องมาถล่มตนแล้วคิดว่าสำเร็จ ตนก็ยากลำบากใจ เหมือนกับถูกขาก

ใส่หัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย่อมทนไม่ไหว ดังนั้น ตั้งแต่ทักษิณลงมาไม่กล้าชน แต่เปลี่ยนตัวให้พี่น้องมารับชนแทน ซึ่งตนเข้าใจความรู้สึกพี่น้อง และรู้ว่าใครไปทาบทาม ส่วนตนชีวิตไม่ได้อีนังขังขอบอะไร ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ขอเพียงได้เล่าความจริงให้ปรากฎต่อลูกหลาน
.
“สิ่งสำคัญอยู่ที่เราต้องการมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ถ้าเราต้องการส่งสิ่งที่ดีงาม เราต้องกล้าสลัดความชั่ว ถ้าเราไปชี้หน้าคนอื่นว่าไม่ดี เราควรมาดูฝ่ายเราเป็นอย่างไร ตลอดเวลาตามเส้นทางมีข้อความตรงไหนบ้างที่พูดมาทั้งหมดนั้น ไม่ตรงกับความเป็นจริง แต่เมื่อทักษิณตอบข้อเท็จจริงไม่ได้ ก็ไปเดือดร้อนพี่น้องที่ร่วมต่อสู้กันมา เมื่อประกาศความกล้าเก่งกันมานักต่อนักแล้ว ทำไมเรื่องราวเหล่านี้จึงไม่ตอบกันเสียเอง ก็ไม่เป็นภาระกับประชาชน”
.
นายจตุพร กล่าวว่า ถึงวันนี้ ยังไม่เคยเดินทางไปพบใครทั้งนั้น เพราะคิดว่าตนเองต้องยืนอยู่กับสัจธรรม ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ความจริงต้องเป็นความจริง สิ่งที่ต้องพูดแม้เป็นประวัติศาสตร์การต่อสู้ ซึ่งตนเองก็กล้ำกลืน แต่คนที่ได้รับประโยชน์ไม่รู้จักพอ ค้ากำไรเกินควร แล้วไม่มีวันสิ้นสุด ถ้ารู้จักพอและรู้จักสำนึก ตนก็ทนกล้ำกลืนผ่านพ้นไปได้ คิดเพียงไม่เป็นไรใ ห้มันตายไปพร้อมกับเรา
.
แต่ตลอดเวลาจนถึงบัดนี้ เขายังหาความสำนึกไม่ได้เลย แม้ยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่พูด แต่คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะถ้าไม่ทำความจริงให้ปรากฎก่อน ก็เริ่มเดินหน้าประเทศไม่ได้ เราจะเห็นแต่หน้า พล.อ.ประยุทธ์ กับหน้าทักษิณ “ยิ่งวันหนึ่งก็ไม่อยากเห็นหน้า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับพรรคเพื่อไทยร่วมมือกัน ซึ่งจะช็อกกันไปใหญ่ ดังนั้น ต้องปฏิเสธออกมาให้เด็ดขาดกันไปเลยว่า ไม่มี ถ้ามีก็มาไล่ได้เลย ควรประกาศเลย อย่าเอาแต่เพียงพูดว่า เร็วเกินไป ไม่ได้พูด ไม่คุย ไม่จับมือใครก่อน รอผลการเลือกตั้งก่อน ซึ่งตรรกะง่ายๆ คือ คนเราถ้าไม่มีอะไรอยู่ในใจจะตอบแบบขาดลอยไปเลย”
.
รวมทั้งกล่าวว่า ความร่ำรวยไม่มีใครแข่งขันกัน แต่ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์แข่งขันกันได้ เพราะศักดิ์ศรีไม่มีฐานะยากดีมีจน แต่มีชีวิตเดียวเท่ากัน ดังนั้น บ้านเมืองในภาวะวิกฤตแบบนี้ หวังว่า เวลาที่เหลือ เราได้ทำความจริงให้ปรากฏ แต่ถ้าใช้วิธีอุ้มเด็กมาต่อสู้แทน ตนก็จะพูดเพิ่ม แล้วต่อไปจะไล่เป็นเรื่องราว เป็นซีรีส์เหมือนอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา เพราะตนพูดได้ทุกวัน
.
“จึงอยากให้คิดดีๆ อยากทำสงครามกันมากใช่หรือไม่ ผมบอกว่า ผมอึดอัดกับการทำสงครามกับหมู่มิตร แต่การใช้วิธีการ (ให้พี่น้องร่วมต่อสู้มาตอบโต้แทน) แบบนี้แสดงว่าอยากทำสงครามมาก ซึ่งคุณจะไม่มีความสุขกับการหาเสียงตลอดเวลา และจะปวดหัวกับผม”
.
.
.
“หาก ตะวัน-แบม เกิดสิ่งที่ไม่อยากคาดคิดให้เกิด ถ้าอดอาหาร และน้ำจนเสียชีวิต จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว แล้วลามไปสู่เรื่องราวมากมายชนิดคาดไม่ถึง ดังนั้น คนในสังคมนี้ ควรคิดอ่านหาหนทางแก้ปัญหาร่วมกัน อย่าได้คิดเพียงว่าธุระไม่ใช่ โดยใครเห็นฟืนอยู่ตรงหน้าก็ต้องช่วยกันดึงฟืนออก วิกฤตก็ไม่เกิด” นายจตุพร เสนอทางออกก่อนเกิดวิกฤตโหมซัด
------------------------------
แหล่งข่าว
https://mgronline.com/politics/detail/9660000010673
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website :
http://www.thailandvision.co
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter :
https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube :
https://www.youtube.com/c/Thailandvision
@@@ จตุพร แฉ @@@@
.
นายจตุพร กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ ว่า การโหมโรงเลือกตั้งกำลังวิวัฒนาการไปสู่ความขัดแย้งครั้งใหญ่ชนิดไม่น่าเกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ ตนเคยย้ำเสมอมาถึง ทักษิณ ชินวัตร ได้ก่อกองไฟกลับบ้านโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม แต่การก่อกองไฟนี้ได้ปลุกผี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นมา
.
สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับรู้กันชัดเจนแล้วว่า การบริหารงานช่วง 8 ปีกว่าที่ผ่านมา สะท้อนถึงหนทางไปต่อทางการเมืองนั้นยากเหลือเกิน ดังนั้น เมื่อ ทักษิณ มาก่อกองไฟกลับบ้าน โดยไม่แก้กฎหมาย ไม่ใช้พรรคเพื่อไทย และไม่อาศัยพลังประชารัฐ ยิ่งไปชุบชีวิตทางการเมืองที่ตายแล้วของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ฟื้นขึ้นมาอีก พร้อมกับกล่าวว่า สิ่งสำคัญของปรากฏการณ์ทักษิณ จะใช้หัวใจกลับบ้านนั้น ส่อแนวโน้มจะเกิดเหตุการณ์ 2 ซีกเผชิญหน้ากัน โดยในซีกเชื่อมั่น พล.อ.ประยุทธ์ จะออกมาคัดค้านเพื่อหยุดทักษิณ แล้วทำให้ประชาชนลืมชะตากรรมบ้านเมืองที่ พล.อ.ประยุทธ์ กระทำในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา
.
อีกทั้งฝ่ายทักษิณ ยังไม่ทบทวนบทเรียน เมื่อครั้งเป็นรัฐบาลแต่ไม่ยอมกลับบ้านเอง จึงทำให้ประชาชนเสียโอกาสได้รับนิรโทษกรรมออกจากคุกในคดีชุมนุมทางการเมืองไปถึง 8 ปีเช่นกัน รวมถึงกรณีคณะยึดอำนาจสมคบ และสมยอมกันให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางออกนอกประเทศ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นวิกฤตที่รอการปะทุขึ้น
.
นายจตุพร กล่าวว่า ดังนั้น เมื่อมาถึงจุดนี้ต้องพึ่งพาประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เพราะการแสดงออกที่ตนมีต่อทักษิณ เราต้องเตรียมใจรับแรงเหวี่ยงด้วยวิธีการต่างๆ โดยเรื่องราวที่ตนพูดนั้น คนที่ร่วมสู้ด้วยกันมาทุกฝ่ายย่อมรู้ดีว่า ไม่มีอะไรเป็นความเท็จที่จะออกมาตอบโต้ได้ คงมีแต่คนที่ไม่รู้เรื่องการชุมนุมออกมาชี้แจงตอบโต้แทนเท่านั้น
.
“ยังไม่เท่านั้น คนพวกนี้ก็ออกไปพบพี่น้องกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่ให้แถลงตอบโต้ผม ล่าสุด จะมีที่ขอนแก่น มาตอบโต้ ซึ่งผมเห็นใจประชาชนที่สุด เหมือนวันก่อนโกรัชภาคใต้ออกมาโต้ ซึ่งผมจะไม่ตอบโต้อะไร เพราะไม่ได้เป็นแกนนำ ไม่รู้เรื่องราวอะไร โดยมีกรณีหนึ่ง ในวันหนึ่งเขาพูดจะลงเลือกตั้ง จึงขอบริจาคเงินให้พรรคจำนวนหนึ่ง ทำให้ทุกคนช็อกในคำพูด แต่คนที่ตกใจมากที่สุด คือ ทักษิณ นอกจากนั้น ยังมีกรณีถูกดำเนินคดีในศาล เขาให้การโดยไม่รู้ว่าตัวเองกำลังติดคุก ซึ่งวันนั้นเขาขอให้ผมเป็นพยาน ผมนั่งอยู่ในศาลด้วย จึงขอความกรุณาจากศาลให้เขาไปเตรียมการเรื่องทนายก่อน สิ่งนี้แสดงถึงการไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย”
.
นายจตุพร กล่าวว่า จากนั้นคดีของโกรัชก็เงียบหายไป แล้วเขามาพูดอีกทีเพื่อด้อยค่าตนว่า ให้ข้าวให้น้ำ พรรคเพื่อไทยให้เงิน แต่คนจะเป็นลม คือ พรรคเพื่อไทย ตนไม่สนใจเพราะเป็นพี่น้องพาซื่อกันมาตลอด เมื่อพูดอะไรย่อมเข้าตัวเองทั้งนั้น ซึ่งน่าเห็นใจ เนื่องจากตนรู้ใครทำอะไรที่ไหน อย่างไร “บอกพี่น้องอย่างนี้ว่า ใช้สิทธิเสรีภาพได้ตามสบาย เราก็เหมือนคนถูกสั่งห้ามไปวัดในวัน 15 ค่ำ แต่ดันไปสอดรู้สอดเห็นพระทำพิธีสำคัญ นั่งเสพเมถุน เคล้านารีเต็มไปหมด เมื่อลงมาบอกชาวบ้านที่ศรัทธากราบกันทั้งบาง ก็ไม่มีใครเชื่อสักคน แถมยังถูกต่อว่าไปใส่ร้ายพระเป็นคนดี ผมก็อยู่ในสถานการณ์แบบนี้”
.
รวมทั้งย้ำว่า อีกอย่าง ตนเพิ่งได้เห็นคลิป พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง บอกว่า ได้ร่วมมือกับทักษิณที่จะยึดเวที แต่ในทางข่าวตนรู้มาก่อนแล้ว จึงมีความเข้าใจหลายเรื่อง และรู้ถึงบางเส้นทางว่าใครไปทำอะไร ดังนั้น ในวันที่เรารบกันนั้น ทั้งทักษิณ และบรรดานักเลือกตั้ง หรือนักเคลื่อนไหวทั้งหลาย อยู่เป็นภาระของประชาชนทำไม ถ้าตนพูดไม่จริงก็ตอบโต้มา สู้กัน อย่าเอาประชาชนมาเป็นเกราะบัง
.
“ถ้าผมพูดเท็จก็มีสิทธิตอบโต้ ก็มีปากกันทุกคนอยู่แล้ว เห็นประกาศความยิ่งใหญ่กันเหลือเกิน วันนี้ก็ไปทำอีก อย่าบีบผมให้มาก ต้องรู้นิสัยผม ดีก็ดีใจหาย สู้ก็ยิบตา จำไม่ได้หรือเมื่อผมอยู่กับคุณ ศัตรูของคุณผมบล็อกหมดเลย ผมรบจนบาดเจ็บเลือดเต็มตัว แต่ไม่ได้ระวังคุณจะเอามีดมาแทงข้างหลังผม จนกลายเป็นนักรบที่ข้างหลังเต็มไปด้วยบาดแผล แต่ข้างหน้าไม่มีแผล ซึ่งไม่ใช่วิ่งหนี แต่ถูกพวกเดียวกันแอบจ้วงแทงหลัง”
.
นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าคิดว่า ใช้วิธีให้พี่น้องมาถล่มตนแล้วคิดว่าสำเร็จ ตนก็ยากลำบากใจ เหมือนกับถูกขาก
.
“สิ่งสำคัญอยู่ที่เราต้องการมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ถ้าเราต้องการส่งสิ่งที่ดีงาม เราต้องกล้าสลัดความชั่ว ถ้าเราไปชี้หน้าคนอื่นว่าไม่ดี เราควรมาดูฝ่ายเราเป็นอย่างไร ตลอดเวลาตามเส้นทางมีข้อความตรงไหนบ้างที่พูดมาทั้งหมดนั้น ไม่ตรงกับความเป็นจริง แต่เมื่อทักษิณตอบข้อเท็จจริงไม่ได้ ก็ไปเดือดร้อนพี่น้องที่ร่วมต่อสู้กันมา เมื่อประกาศความกล้าเก่งกันมานักต่อนักแล้ว ทำไมเรื่องราวเหล่านี้จึงไม่ตอบกันเสียเอง ก็ไม่เป็นภาระกับประชาชน”
.
นายจตุพร กล่าวว่า ถึงวันนี้ ยังไม่เคยเดินทางไปพบใครทั้งนั้น เพราะคิดว่าตนเองต้องยืนอยู่กับสัจธรรม ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ความจริงต้องเป็นความจริง สิ่งที่ต้องพูดแม้เป็นประวัติศาสตร์การต่อสู้ ซึ่งตนเองก็กล้ำกลืน แต่คนที่ได้รับประโยชน์ไม่รู้จักพอ ค้ากำไรเกินควร แล้วไม่มีวันสิ้นสุด ถ้ารู้จักพอและรู้จักสำนึก ตนก็ทนกล้ำกลืนผ่านพ้นไปได้ คิดเพียงไม่เป็นไรใ ห้มันตายไปพร้อมกับเรา
.
แต่ตลอดเวลาจนถึงบัดนี้ เขายังหาความสำนึกไม่ได้เลย แม้ยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่พูด แต่คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะถ้าไม่ทำความจริงให้ปรากฎก่อน ก็เริ่มเดินหน้าประเทศไม่ได้ เราจะเห็นแต่หน้า พล.อ.ประยุทธ์ กับหน้าทักษิณ “ยิ่งวันหนึ่งก็ไม่อยากเห็นหน้า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับพรรคเพื่อไทยร่วมมือกัน ซึ่งจะช็อกกันไปใหญ่ ดังนั้น ต้องปฏิเสธออกมาให้เด็ดขาดกันไปเลยว่า ไม่มี ถ้ามีก็มาไล่ได้เลย ควรประกาศเลย อย่าเอาแต่เพียงพูดว่า เร็วเกินไป ไม่ได้พูด ไม่คุย ไม่จับมือใครก่อน รอผลการเลือกตั้งก่อน ซึ่งตรรกะง่ายๆ คือ คนเราถ้าไม่มีอะไรอยู่ในใจจะตอบแบบขาดลอยไปเลย”
.
รวมทั้งกล่าวว่า ความร่ำรวยไม่มีใครแข่งขันกัน แต่ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์แข่งขันกันได้ เพราะศักดิ์ศรีไม่มีฐานะยากดีมีจน แต่มีชีวิตเดียวเท่ากัน ดังนั้น บ้านเมืองในภาวะวิกฤตแบบนี้ หวังว่า เวลาที่เหลือ เราได้ทำความจริงให้ปรากฏ แต่ถ้าใช้วิธีอุ้มเด็กมาต่อสู้แทน ตนก็จะพูดเพิ่ม แล้วต่อไปจะไล่เป็นเรื่องราว เป็นซีรีส์เหมือนอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา เพราะตนพูดได้ทุกวัน
.
“จึงอยากให้คิดดีๆ อยากทำสงครามกันมากใช่หรือไม่ ผมบอกว่า ผมอึดอัดกับการทำสงครามกับหมู่มิตร แต่การใช้วิธีการ (ให้พี่น้องร่วมต่อสู้มาตอบโต้แทน) แบบนี้แสดงว่าอยากทำสงครามมาก ซึ่งคุณจะไม่มีความสุขกับการหาเสียงตลอดเวลา และจะปวดหัวกับผม”
.
.
.
“หาก ตะวัน-แบม เกิดสิ่งที่ไม่อยากคาดคิดให้เกิด ถ้าอดอาหาร และน้ำจนเสียชีวิต จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว แล้วลามไปสู่เรื่องราวมากมายชนิดคาดไม่ถึง ดังนั้น คนในสังคมนี้ ควรคิดอ่านหาหนทางแก้ปัญหาร่วมกัน อย่าได้คิดเพียงว่าธุระไม่ใช่ โดยใครเห็นฟืนอยู่ตรงหน้าก็ต้องช่วยกันดึงฟืนออก วิกฤตก็ไม่เกิด” นายจตุพร เสนอทางออกก่อนเกิดวิกฤตโหมซัด
------------------------------
แหล่งข่าว
https://mgronline.com/politics/detail/9660000010673
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision