สภาวะระหว่างตติยฌาน-จตุตถฌาน
เมื่อนักปฏิบัติเข้าถึงตติยฌาน จะทิ้งปีติจนหมดสิ้นเหลือแต่สุขไม่มีประมาณกับจิตสงบและลมหายใจที่ละเอียด แผ่วเบา
เมื่อจิตจะข้ามจากตติยฌานไปยังจตุตถฌาน ร่างกายจะแข็งทื่อตั้งตรงเป็นไม้บรรทัด ลมหายใจที่ละเอียดจะดับวูบลงเหมือนขาดใจ บางทีเหมือนจิตพุ่งออกจากกาย เพราะจตุตถฌาน จิตจะแยกจากกาย 100% หรือเรียกว่าสภาวะจิตแยกมาเห็นกายและผู้รู้
นักปฏิบัติที่ถึงสภาวะนี้ครั้งแรก ถ้ากำลังสติไม่ดีพอส่วนใหญ่ 99% จะถอนออกจากสมาธิเพราะตกใจ กลัวตาย เนื่องจากลมหายใจดับวูบ หายไป ไม่แปลกเพราะเราอยู่กับลมหายใจมาทั้งชีวิตอยู่ดีๆ ลมหายใจดับไปก็กลัวตายเป็นปกติ หรือรู้สึกเหมือนจิตพุ่งออกจากกายไปกลัวจิตจะไม่ได้กลับเข้ามายังกายอีก
วิธีแก้ คือ ฝึกกำลังสติให้มากๆ ก่อนนั่งสมาธิให้อธิษฐานจิตว่า ขอถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา เพื่อปฏิบัติบูชาถวายแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อานิสงส์จะมากยิ่งกว่า ปรมัตถทาน เพราะเราปฏิบัติบูชาด้วยชีวิต (พระอริยเจ้าส่วนใหญ่บรรลุธรรมเพราะปฏิบัติบูชาด้วยชีวิต)
เมื่อปฏิบัติสมาธิถึงสภาวะระหว่างตติยฌาน-จตุตถฌาน ลมหายใจดับวูบลงหรือจิตพุ่งออกจากร่างก็ไม่ต้องกลัวตายเพราะเราได้ถวายชีวิตให้แก่พระพุทธเจ้าแล้ว ใช้สติตามดูไม่ต้องกลัวตายจะก้าวข้ามสภาวะนี้เข้าสู่จตุตถฌาน นักปฏิบัติจะพบความสงบของจิตที่ละเอียดประณีตมากอย่างที่ไม่เคยเจอมาในชีวิต
เมื่อออกจากสมาธิที่ละเอียดประณีตนี้ เหมือนจิตได้พักจากความสงบและอุเบกขาอย่างเต็มอิ่ม จิตจะเบาสบาย สว่างไสวและมีอุเบกขา เหมาะแก่การเจริญวิปัสสนาเป็นอย่างยิ่งเพื่อยกระดับสู่ภูมิพระอริยบุคคลตั้งแต่โสดาบันจนถึงพระอรหันต์ได้ไม่ยากตามแต่บุญบารมีที่ทุกท่านสั่งสมมา
สภาวะระหว่างตติยฌาน-จตุตถฌาน
เมื่อนักปฏิบัติเข้าถึงตติยฌาน จะทิ้งปีติจนหมดสิ้นเหลือแต่สุขไม่มีประมาณกับจิตสงบและลมหายใจที่ละเอียด แผ่วเบา
เมื่อจิตจะข้ามจากตติยฌานไปยังจตุตถฌาน ร่างกายจะแข็งทื่อตั้งตรงเป็นไม้บรรทัด ลมหายใจที่ละเอียดจะดับวูบลงเหมือนขาดใจ บางทีเหมือนจิตพุ่งออกจากกาย เพราะจตุตถฌาน จิตจะแยกจากกาย 100% หรือเรียกว่าสภาวะจิตแยกมาเห็นกายและผู้รู้
นักปฏิบัติที่ถึงสภาวะนี้ครั้งแรก ถ้ากำลังสติไม่ดีพอส่วนใหญ่ 99% จะถอนออกจากสมาธิเพราะตกใจ กลัวตาย เนื่องจากลมหายใจดับวูบ หายไป ไม่แปลกเพราะเราอยู่กับลมหายใจมาทั้งชีวิตอยู่ดีๆ ลมหายใจดับไปก็กลัวตายเป็นปกติ หรือรู้สึกเหมือนจิตพุ่งออกจากกายไปกลัวจิตจะไม่ได้กลับเข้ามายังกายอีก
วิธีแก้ คือ ฝึกกำลังสติให้มากๆ ก่อนนั่งสมาธิให้อธิษฐานจิตว่า ขอถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา เพื่อปฏิบัติบูชาถวายแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อานิสงส์จะมากยิ่งกว่า ปรมัตถทาน เพราะเราปฏิบัติบูชาด้วยชีวิต (พระอริยเจ้าส่วนใหญ่บรรลุธรรมเพราะปฏิบัติบูชาด้วยชีวิต)
เมื่อปฏิบัติสมาธิถึงสภาวะระหว่างตติยฌาน-จตุตถฌาน ลมหายใจดับวูบลงหรือจิตพุ่งออกจากร่างก็ไม่ต้องกลัวตายเพราะเราได้ถวายชีวิตให้แก่พระพุทธเจ้าแล้ว ใช้สติตามดูไม่ต้องกลัวตายจะก้าวข้ามสภาวะนี้เข้าสู่จตุตถฌาน นักปฏิบัติจะพบความสงบของจิตที่ละเอียดประณีตมากอย่างที่ไม่เคยเจอมาในชีวิต
เมื่อออกจากสมาธิที่ละเอียดประณีตนี้ เหมือนจิตได้พักจากความสงบและอุเบกขาอย่างเต็มอิ่ม จิตจะเบาสบาย สว่างไสวและมีอุเบกขา เหมาะแก่การเจริญวิปัสสนาเป็นอย่างยิ่งเพื่อยกระดับสู่ภูมิพระอริยบุคคลตั้งแต่โสดาบันจนถึงพระอรหันต์ได้ไม่ยากตามแต่บุญบารมีที่ทุกท่านสั่งสมมา