สวัสดีค่ะวันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์หน้าเป็นฝ้าหนา รอยด่างดำมาเต็มไปหมด ทาครีมไม่ทันจนสุดท้ายต้องเข้าคลินิก ขอเล่าก่อนเลยว่า เราเป็นพนักงานทำบัญชีที่ทำงานออฟฟิศทั่วไป มีภาระเยอะเหมือนคนทั่วไป งานหนัก เครียดเกือบทุกวัน แต่ละวันกว่าจะได้กลับบ้านก็คือค่อนข้างมืดแล้ว กลับมาถึงบ้านทีไร อาบน้ำเสร็จปุ๊ป หัวถึงหมอนก็คือหลับเลย เหนื่อยจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง กันแดดที่หน้าก็แทบจะไม่ได้ทาเลย คงเป็นเพราะเรามีพฤติกรรมแบบนี้สะสมบ่อยๆ จนนานๆเข้าฝ้ามันก็มาจนเห็นได้ชัดอย่างในรูปนี่เลยค่ะ

อย่างที่เห็นกันตามในรูปเลยค่ะ เราเป็นฝ้าหนาจนเห็นได้ชัดและกระจายอยู่ทั่วหน้า คือรู้สึกหมดความมั่นใจไปเลย เวลาเราออกไปทำงาน เราก็ไม่ได้ทาบำรุงอะไรเลย เราเป็นคนไม่ชอบทาครีมกันแดดอยู่แล้ว มันรู้สึกเหนียวเหนอะหนะแล้วระหว่างวันหน้าก็มันเยิ้มตลอด บวกกับขี้เกียจด้วย แล้วยิ่งตอนนั่งวินไปทำงาน เจอแดดเจอฝุ่นทุกวัน พอไปถึงที่ทำงานก็คิดแค่ว่าแต่งหน้าทับเอาก็จบแล้ว เพราะมันก็มีแป้งช่วยกันแดด ตอนทามันก็กันแหละ แต่พอล้างออกไปก็เห็นรอยฝ้าเหมือนเดิม ทำให้เราต้องแต่งหน้าให้แน่นกว่าเดิม สวนกระแสเทรนด์แต่งหน้าธรรมชาติที่เพื่อนร่วมงานชอบแต่งกัน นี่ยังไม่พอหนักกว่าเดิม คือ คนที่เข้ามาคุยกับเราหลายคนเรียกเราพี่ .... เพราะเราต้องแต่งหน้าจัด จนลุคดูป้าๆ ที่มันดูแก่กว่าวัยจริงๆ ของเรา ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไป ไม่คิดจะดูแลหน้าตัวเองเลย ถึงแต่งหน้าทับไปมันก็ไม่สวย มันก็แย่เพราะเห็นรอยด่างดำชัดอยู่ดี หรือต้องโบกให้หนาขึ้น เครื่องสำอางก็แทบจะเอาไม่อยู่ TT เราเลยอยากหันมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้สวยไม่มีฝ้าเป็นป้า หรือถ้ายังจะป้าก็ต้องป้าไร้ฝ้า เผื่อจะได้โม้กับเขาได้บ้างว่าเราก็ดูแลตัวเองนะ ไม่ได้ปล่อยตัวแล้ว หรือเข้าสังคมอย่างมั่นใจกว่าเดิม!!!!!
เราเริ่มจากหาครีมทาฝ้า กันแดด บำรุงตามในเน็ตเลย สั่งมาใช้หมด บอกเลยว่าเอาไม่อยู่แล้ว ต่อให้ทาทุกวันก็ไม่ได้จางลงหรือดีขึ้น ใช้มาเกือบ3เดือนกว่า จนตัดสินใจว่าต้องเข้าคลินิกแล้วล่ะ มันช้าไปแล้วอะ ก็หาคลินิกที่เกี่ยวกับการรักษาฝ้าแบบเร่งด่วนเลยค่ะ ดูคลินิกที่รีวิวเยอะๆ มีโปรโมชั่น ราคาที่สู้ไหว ลองคุยอยู่หลายที่ จนสุดท้ายก็ตัดสินใจว่าจะไปลองที่ ธาดาคลินิก ก่อนเป็นที่แรกค่ะ เพราะพอดีมีสาขาที่เราสะดวกเดินทางคือ แถวตลิ่งชัน ตรงกันข้ามกับ เดอะ พาซิโอ้ ถนนกาญจนาภิเษกค่ะ
ที่นี่พอไปถึง คุณหมอก็จะตรวจเช็คประเมินสภาพผิวหน้า ดูสภาพฝ้าของเราว่าเป็นยังไงและมีฝ้าจุดด่างดำเยอะแค่ไหน แล้วคุณหมอเขาจะอธิบายสาเหตุการเกิดฝ้าของเรา ว่ามันเกิดจากอะไร และจะแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะกับสภาพฝ้าและสภาพผิวหน้าของเราให้เลยในตอนนั้นค่ะ คุณหมอแนะนำเราว่าให้เริ่มจากการทำpeelingที่หน้าก่อน ด้วยสูตรเฉพาะของทางธาดาคลินิกเลย จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าและพวกสิ่งสกปรกที่มันอุดตันอยู่ให้หลุดออกไปด้วย ซึ่งจะช่วยเผยผิวใหม่ให้ดูใสขึ้น ตอนทำpeeling คือ เรารู้สึกสบายหน้าประมาณนึงเลยแหละ จะมีรู้สึกอุ่นๆที่หน้าบ้างเล็กน้อยค่ะ หลังจากนั้นหมอเขาก็หยิบเอาเจลเย็นมาประคบให้ ซึ่งหลังจากขั้นตอนนี้ผ่านไปแล้ว หมอเขาก็ทำเลเซอร์ที่ฝ้าตรงหน้าเราแบบโดยตรงไปเลย เห็นหมอบอกว่าจะหายได้ไวขึ้นเยอะมากเลยทีเดียวค่ะ ตอนแรกก็แอบหวั่นใจอยู่เหมือนกันนะ กลัวเจ็บ กลัวระคายเคืองหน้า แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็แอบมีจี๊ดๆที่ผิวหน้าบ้างเล็กน้อย สุดท้ายเขาก็จะมาส์กหน้าให้เราตอนท้าย ขั้นตอนนี้จะช่วยฟื้นบำรุงผิวหน้าของเราหลังจากที่โดนทำเลเซอร์ไปโดยตรงกับการที่ได้ทำpeelingมาค่ะ แล้วหมอก็มีนัดมาเช็คเพื่อดูสภาพฝ้าของเราอีกเป็นระยะๆ จนกว่าฝ้าเราจะหายดีเลย ตอนนี้เราทาครีมบำรุง ทากันแดด ทายาลดฝ้าตลอดทั้งเช้าเย็น เราต้องมีวินัยมากขึ้น ถ้าขี้เกียจทาเหมือนเดิมก็ไม่ได้ผล เราใช้เวลารักษาอยู่ประมาณ 6 เดือนกว่าๆ ต้องไปหาหมอตามที่หมอนัดตลอดทุกครั้ง แล้วก็ทำตามที่หมอแนะนำเป็นประจำ ผลของการอดทนและความพยายามในการดูแลตัวเองตลอดหลายเดือน สุดท้ายแล้วฝ้าเราก็จางลงเรื่อยๆ ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดกว่าตอนแรกมากๆ

ส่วนตัวเรารู้สึกชอบการเข้าคลินิกมากขึ้น มันเห็นผลไวจริงค่ะทุกคน แค่ลงทุนมากกว่าการทาครีมแพงๆ แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือคุ้มกับที่เสียไปค่ะ กล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าคิดถูกที่ตัดสินใจมารักษากับคลินิกได้ทันเวลา
[CR] คนขี้เกียจทาครีมต้องดูไว้ ประสบการณ์หน้าพังจนต้องเข้าคลินิก !!!
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้