รีวิว ทริป ดอยผาตั้ง,เนิน102,103,104 -ภูชี้เดือน-ภูชี้ดาว-ภูชี้ฟ้า เชียงราย

เป็นทริป 2คน ขับรถกระบะ4ประตู เกียร์ออโต้ จากเชียงใหม่ไปเชียงราย 3วัน2คืน. เติมน้ำมันเต็มถังกลับมาก็ยังเหลือครับ.
เริ่มจากออกที่พัก ดอยสะเก็ด เชียงใหม่ วันศุกร์ แวะที่แรกสิบโมง  สวนจริณรีสอร์ท  แม่สรวย เชียงราย  อยู่ขวาติดถนน ร้านนี้ขึ้นชื่อ พายรสต่างๆกับเครื่องดื่ม (ปกติจะกินที่สาขาในนิมมานฯ ชื่อ ร้านพายจริณ ) ร้านอยู่ริมแม่น้ำลาว ภายในร้านกว้างขวาง ห้องน้ำสะอาดน่าใช้ (สวนหน้าร้านมีกรงนกยูงให้ดูด้วย) 
 
ร้านนี้จะมีรสต่างๆให้เหลือมากกว่าร้านสาขา อร่อยคุ้มราคา. จากนั้นเดินทางเข้าตัวเมืองเชียงรายไปทานขนมจีนน้ำเงี้ยว ร้านน้ำเงี้ยวป้าสุข ไปถึงร้านปิด ซ่ะงั้นจึงเลยไปทานอีกร้านคือ ร้านน้ำเงี้ยวหม้อดิน(ป้าอี๊ด) ถึงตอนเที่ยงตรงคนเยอะมาก โต๊ะเต็ม รอสักแป็บจึงได้สั่งน้ำเงี้ยวเนื้อ มาลองจะเป็นน้ำเงี้ยวเนื้อเปื่อยชิ้นๆราดเส้นขนมจีน รสชาติดีใช้ได้ ก็รีบๆทานจะได้ลุกให้ลูกค้าท่านอื่นๆเข้าร้าน. แล้วเปิด GoogleMapตั้งไปที่พัก ภูหมอกรีสอร์ท ใกล้ดอยผาตั้ง เส้นทางเริ่มขึ้นเขา จากประตูสู่ภูชี้ฟ้า ผ่านสระมังกร ภูหลงถัง ช่วงลงเขาค่อนข้างชันมาก(ถ้าถนนเปียกดูอันตรายมาก)(ขากลับถ้ารถเก๋งไม่แนะนำมาทางนี้)
จากนั้นก็ทางขึ้น-ลงภูเขาทั่วไป ขับไม่ยาก.ถึงที่พักบ่าย3 เข้าเช็คอิน

นอนเล่นพักผ่อน รอไปขึ้นดอยผาตั้ง ,เนิน102,103 ตอนบ่าย4โมงขับไปไม่ไกล ทางดีไม่ชันมากมาก ขับง่าย
มีลานจอดและร้านขายของ จากรูปนี้จะเห็นลานจอดรถซ้ายมือ แนวร้านค้า และซุ้มทางขึ้น จะมีป้ายบอกระยะทางจุดเที่ยว และถ้าท่านใดไม่สะดวกเดินก็มี ม้า ให้บริการนั่งขึ้นเขา เที่ยวละ350บ./คน  ทางเดินดินตลอดแนวสันเขา


จุดนี้คือ ช่องเขาขาด จะเห็นวิวฝั่งประเทศลาวกับแม่น้ำโขง(ที่จริงก็จะเห็นแบบนี้ทุกจุดแหละเพราะเป็นสันเขากั้นไทยกับสปป.ลาว)

 
ทางเดินดินเรียบบ้าง สลับกับบันได

บนยอดเนิน102

ทางไปยอดเนิน 103

ยอดเนิน103 มี นทท.ใช้บริการน้องม้า นั่งมาเที่ยว

บนนี้จะมองเห็นยอดภูชี้เดือนกับภูชี้ดาว ไกลออกไปลิบๆทางมุมขวา

เราเดินย้อนกลับมาที่เนินป่าหินยูนนาน เพื่อดูพระอาทิตย์ตกดิน(ห้าโมงอากาศเริ่มเย็นลง) เดินเที่ยวสบายไม่ค่อยร้อนแม้จะขึ้นลงยอดเนินร่วม 2 กม. แต่ก็ชวนให้เมื่อยแข้งขาได้อยู่ เพราะไม่ค่อยออกกำลังกาย  
ตะวันลาลับขอบฟ้าก็เดินลงกลับไปหามื้อเย็นกินก่อนเข้าที่พัก(อันที่จริงที่พักเค้าก็เป็นทั้งร้านอาหาร คาเฟ่นะ) ร้านอาหารส่วนใหญ่ในพื้นที่จะเป็นแบบไทย-ยูนาน ขาหมู หมั่นโถว ผัดผักต่างฯ ซึ่งเหมาะกับท่านที่มาเป็นกรุ๊ป 4 คนขึ้นไป 2 คนสั่งแค่ขาหมูก็กินได้อย่างเดียวแหละ เราเลยลองหาร้านผ่านกูเกิ้ลแมพ ดูรีวิวต่างเพื่อดูเมนูของแต่ละ ก็ไปสะดุดที่ร้านครัว 106 ดอยผาตั้ง เพราะมี คากิ (เอาจริงก็อยากกินขาหมูนั่นเองแต่ งก กลัวกินไม่หมด)เลย เข้าร้านนี้ สั่งคากิ  หมั่นโถว เกี๊ยวน้ำซด แก้หนาวพร้อมชาร้อน สำหรับ2คน คากิ หมั่นจิ้มกับน้ำจิ้มพริกหม่าล่า คืออร่อยลงตัว  เกี๊ยวน้ำได้มาตั้ง10ชิ้นใหญ่มาพร้อมยอดผัก กินไม่หมดเลย. (แนะนำให้ร้านทำชามเล็ก6ชิ้นสำหรับ2คนขายนะ) ที่จริงสั่งผัดผักอีกอย่างแต่ของหมด ซ่ะก่อน ไม่งั้นคงจุกท้องน่าดู
อิ่มแล้วก็กลับมาที่พัก แจ้งคอนเฟิร์ม จอง รถนำเที่ยวท้องถิ่น เพื่อให้ไปส่งที่ เนิน 104 ตอนเช้า(เพราะทางชันและขรุขระมาก) ราคาเที่ยวละ 600 บ.และเป็นการสร้างรายได้ให้คนท้องถิ่น. นัดไว้ ตี5:30 น. แล้วเข้าที่พัก.คืนแรก
วันที่2 ตื่นแต่ตี5 ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ลงไปขึ้นรถนำเที่ยว เราเลือกเหมาคัน600บ. เพราะถ้าแชร์รถจะต้องคอยเกรงใจคนอื่นเรื่องเวลากลับ.ถ้าใครมีกรุ๊ปแชร์ก็จะถูกเหลือหัวละ100บ.(ตั้งแต่คนที่7ไป) เส้นทางขุรขระ คดเคี้ยวและชันมากเป็นช่วง ไปถึงจะส่งลง(จะมีห้องน้ำเผื่อไว้ให้อยู่1จุด) เราก็เปิดไฟฉายเดินไปตามทางขึ้นสู่ยอดเนิน 104. เห็นแสงไฟแว๊บๆมีคนมาถึงก่อนแล้วหลายคนเลย.   เส้นทางขึ้นลงเนิน(ตอนสว่างแล้ว)

ในเช้านี้ไม่ผิดหวังได้เห็นทะเลหมอกสมใจ แม้จะยังไม่หนาแน่น เต็มพื้นที่(ที่เค้าว่า 360 องศา)เพราะหมอกฝั่งไทยไม่ค่อยมี

พอสายๆ 7:30น.เริ่มหิวก็เดินกลับลงไปเลือกเดินตามสันเขาอ้อมไปลงจุดจอด กะว่าจะดูนู้นนี้ไป ก็ไปเห็นหินใหญ่นึง เลยไปยืนโพสถ่าย ดูจากรูปทะเลหมอกอย่างเต็ม(มารู้อีกทีคือจุดที่เค้าถ่ายรูปไว้ประชาสัมพันธ์ลงโปสเตอร์)

นู้นยอดเนิน 104 กับเส้นทางที่เราเดินกลับลงมาเป็นสองคนสุดท้าย

มาถึงที่พักก็จัดมื้อเช้า เมนูมาตรฐาน แล้วเราก็ขึ้นมานอนเล่น รอเช็ดเอาท์10โมง ไปเที่ยวภูชี้เดือน,ภูชี้ดาว ต่อไป

เราขับรถย้อนมาทางไปภูชี้ฟ้า ก็จะถึงจุดจอดขึ้นรถนำเที่ยว ภูชี้เดือน จุดสังเกตคือ สะพานข้ามที่ถูกปิดไป1เลน(เพราะโครงสร้างเคลื่อนตัว) กับมีป้ายบอกข้างทาง ก็เช่นเดิมเหมาคัน 600 บ. เส้นทางที่ขึ้นไปค่อนข้างชันและขรุขระ ไกล มากกว่าเนิน104 ระหว่างทางอาจจะเห็น นกกระทาป่า ได้ด้วย


เส้นทางเดินบนยอดภูชี้เดือน จะเป็นช่วงสั้นระยะทางไม่ไกลแบบจุดชมวิวอื่น จากลานจอดรถเดินทางไม่กี่สิบเมตรก็ถึงแนวสันเขาแล้ว.

บนภูชี้เดือน จะเป็นวิว360องศา ไทย-ลาว เห็น ดอยผาตั้ง ดอยผาหม่น(มีฐานทหารลาวบนยอดภู) ภูชี้ดาว ภูชี้ฟ้า

เต็มอิ่มบรรยายกาศแล้ว เราเดินทางต่อไปเช็ดอินที่พัก ภูชี้ฟ้าโฮมสเตย์บ้านออย  (เลือกที่นี้เพราะราคาค่าห้องรวมมื้อเย็น+มื้อเช้าแล้ว) ก่อนแล้วค่อยขับรถไปหามื้อเที่ยงร้านแถวใกล้ทางภูชี้ฟ้า กินแล้วก็หลับมานอนพัก รอเวลาไปยังจุดขึ้นรถ ภูชี้ดาว ตอนบ่าย3:30น.ไปรอดูพระทิตย์ตกดินข้างบน. ขับรถย้อนไปทางผาตั้ง 9 กม.จะถึงจุดขึ้นรถภูชี้ดาว(ก่อนจุดขึ้นภูชี้เดือน1กม.) รถเหมาราคาเดิม600บ. แต่เราแชร์กับน้องอีกคู่นึง เป็น 4 คน เส้นทางชันและขรุขระ แต่มีบางช่วงทำทางเป็นถนนคอนกรีตให้รถไต่ได้ง่าย เทียบกัน ภูชี้เดือน>ภูชี้ดาว>เนิน104 ทางลำบากตามนี้ จุดจอดมีเพิงร้านค้า ตู้สุขา ให้บริการอยู่

เดินขึ้นไปถึงแนวสันเขา เป็นทางแยกซ้ายไปหลักแบ่งเขต2-09 เหมาะที่จะมองย้อนมาดูพระอาทิตย์ตก มียอดภูชี้ดาวประกอบ

หลักแบ่งเขตแดน 2-09/1 ตรงจุดทางแยกซ้าย-ขวา ไปขวา จะขึ้นยอดภูชี้ฟ้า

จากจุดจอดรถ จะเดินขึ้นทางดินขั้นบันไดที่มีความชันอยู่จนถึงสันเขา

หลักแบ่งเขตแดน 2-09/2 ดูตะวันตกดินกับภูชี้ฟ้าไกล นู้น....
พอใกล้มืดก็กลับลงมา ถึงที่พัก พนง.เตรียมมื้อเย็นให้เป็นต้มยำปลา ไก่ทอด ไข่เจียว กะลังปลีผัดน้ำมันหอย พร้อมข้าวสวยโถนึง อร่อยแต่กิน2คนไม่หมดได้เยอะเกินคุ้มค่าราคา ห้องพักใช้ได้ นอนมองออกหน้าต่างวิวภูเขา (ที่จริงก็วิวเหมือนกันแทบจะทุกที่ละมั้งเพราะสร้างที่หักตามแนวไหล่เขากัน)

ก่อนนอนแจ้ง ขึ้นรถนำส่งไปที่ลานจอดบนภูชี้ฟ้า แต่คราวเค้าคิดเป็นคนๆละ80บาท.นัดขึ้นรถตอนตีห้าครึ่ง พอตื่นเช้าก็ขึ้นรถไปแล้วก็เดินไปตามทางเดินที่มืด ต้องเปิดไฟฉายเดินขึ้นไป ระหว่างทางมีน้องๆแต่งชุดชาวเขามาแสดงร้องเพลงให้ดู+ถ่ายรูป (ก็ช่วยค่าทิปแสดงเด็กๆไปน่าจะตื่นแต่เช้า)

เช้านี้28/12/65 นทท.เยอะ เมื่อเทียบกับขนาดพื้นที่บนยอดภู น่าเกือบ200คนได้ พยายามหาจังหวะถ่ายมุมว่างๆ หมอกเกิดไม่ค่อยหนา
วิวชุมชนฝั่งเพื่อนบ้าน สปป.ลาว

สายๆก็ลงไปขี้นรถกลับที่พัก (เดินลงถึงลานจอด ค่อยโทรตามรถ สะดวกดีไม่ต้องรอเต็มคัน)
ทานมื้อเช้าเสร็จก็ พักผ่อน แล้วเช็ดเอาท์  ขากลับเราขับกลับทางเดิมคือขึ้นภูหลงถัง  ชันมากๆ รถเล็ก/รถที่มีน้ำหนัก ไม่แนะนำเลยให้เลี่ยงไปอีกทางครับ.
ถึงตัวเมืองเชียงราย แวะกินที่ร้านน้ำเงี้ยวป้าสุข เที่ยงตรงแต่น้ำเงี้ยวเนื้อ ก็หมดซ่ะแล้ว(ขายดีจริงๆ) ต้องรอคิว20นาทีได้.สั่งน้ำเงี้ยวหมูทานกับใส่ถุงกลับบ้าน. แล้วออกร้านตอนบ่ายโมง คิดว่าน่าจะมีเวลาเหลือเลยเลี้ยวไป ร้านกาแฟดอยช้าง ที่แม่สรวย ผ่าน แลนด์มาร์กใหม่ เช่น AkhaVille 8กม.  มุ่งตรงไป กาแฟดอยช้าง 17กม. พอไปถึงเป็นลานตากเมล็ดกาแฟกว้าง ตัวร้านบริการ น่านั่งจัดแต่งสวนได้สวย มีทั้งเครื่องดื่ขนมและอาหาร คุ้มค่าที่แวะ. END...
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่