พอดี จขกท เจอเคสเพื่อน คนรู้จัก หรือแม้แต่ คนในพันทิพเอง ที่ออกมา "ขอรับบริจาคเงินสำหรับค่าผ่าตัดที่มีค่าใช้จ่ายสูง" ซึ่งคนที่เคยใช้สิทธิ์บัตรทองอย่าง จขกท (หรือแม้แต่คนอื่นๆ) ก็สงสัยว่า แล้วบัตรทองพวกเขาไม่ครอบคลุมเหรอ ทำไมต้องออกมาขอรับบริจาคกันด้วย?
สาเหตุที่เจอเลยทุกเคส เพราะ "คนไข้เข้ารักษาคนละ รพ กับที่มีสิทธิ์บัตรทอง" ซึ่ง บางรายมีการถาม จนท รพ แล้วพบว่า ไม่สามารถเบิกค่าใช้จ่ายได้เนื่องจากเป็นคนละ รพ กัน สิทธิ์ไม่ได้แชร์ร่วมกัน ก็เลยอยากจะมาเล่าประสบการณ์ การทำใบส่งตัว จาก รพ ต้นทาง (ที่เรามีสิทธิ์) มาที่ รพ ปลายทางที่เรากำลังรักษาอยู่ค่ะ เผื่อจะช่วยประหยัดค่ารักษาให้ได้ ไม่ต้องกลุ้มใจมารับบริจาคกันนะคะ
** อันนี้แชร์จากประสบการณ์ตัวเองนะคะ เราไม่รู้ว่ามันจะใช้ได้ทุกกรณีไหม แต่ประเมินแล้วน่าจะได้นะ ก็ลองพิจารณากันดูค่ะ **
ของเราเป็นเคสที่ พ่อเราเป็นมะเร็งลำไส้แล้วลามขึ้นสมอง ซึ่งเนื้องอกในสมองเริ่มส่งผลให้มีอาการความจำผิดๆเพี้ยนๆ ตอบคำถามทั่วๆไปได้บ้างไม่ได้บ้าง เบลอบ่อยๆ ซึ่งตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นมะเร็ง ก็ไปรักษา รพ เอกชนแถวบ้านก่อน เขาก็ MRI สมอง แล้วเจอเนื้องอก แถมประเมินอาการไปมา เอ้า เป็นมะเร็งซะงั้น เอ้าาา~ เรื่องใหญ่แล้วววววว
พอดีคนที่บ้าน รู้จักคุณหมอที่ รพ รามา ก็เลยติดต่อไปแล้วคุณหมอก็รับเป็นคนไข้ให้เลย หลังจากประเมินอาการ แล้วก็ได้รับคำแนะนำว่าให้ผ่าเอาเนื้องอกในสมองออกก่อนเลย ก่อนที่มันจะโตจนไปเบียดโดนเส้นประสาทอื่นๆแล้วจะทำให้เกิดการพิการต่อมาได้
ทีนี้ เนื่องจาก สิทธิ์บัตรทองของพ่อเราอยู่ที่ เลิดสิน แต่ตอนนี้กระบวนการรักษาเริ่มขึ้นที่ รามา แล้ว ต้องขอบคุณคุณหมอที่รามามากๆ ที่แนะนำให้เราทำเรื่องส่งตัวมา เพื่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด โดยคุณหมอ "เขียนใบแนวทางการรักษาที่คุณหมอจะทำ" ด้วยลายมือเลยค่ะ ใส่กระดาษของ รพ มาให้ (ซึ่งต่อไปนี้จะขอเรียกว่า ใบ ref นะคะ) แล้วให้เราไปทำไงก็ได้เพื่อให้ได้ใบส่งตัวมาที่รามา
เอาจริงๆตอนแรกก็งงๆนะ เพราะไม่เคยทำมาก่อน ก็เลยโทรหา สปสช 1330 ก็เล่าเรื่องให้เขาฟัง เขาก็แนะนำว่า ขั้นตอนการทำใบส่งตัว จะต้องส่งมาจากคลินิคอบอุ่นตามพื้นที่เขตที่ทะเบียนบ้านอยู่ก่อน แล้วให้เขาส่งเรื่องขึ้นไปที่ รพ ที่คลินิคอบอุ่นนั้นสังกัด แล้วถึงให้ รพ ต้นทางออกใบส่งตัวให้อีกที โดย สปสช ก็จะบอกชื่อคลินิค พร้อมที่อยู่มาให้ เราก็วิ่งไปที่คลินิคนั้นค่ะ โดยไม่ต้องเอาคนไข้ไป แต่ต้องเอาใบ ref ที่คุณหมอเขียนให้จาก รพ รามา ไปด้วย
ตอนไปถึงคลินิคอบอุ่นแถวบ้าน จนท หน้า counter ก็ถามทำไมไม่เอาคนไข้มา = =; (คือคนไข้ admit อยู่ค่ะ จะมาไง) ตรงนี้ต้องไฟว์กันนิดนึงด้วยความสุภาพสุดขีดว่า "เราต้องการคุยกับหมอ และคนไข้ไม่สะดวกมา และเรามีใบ ref มาคุยกับหมอด้วย" จนท เขาก็เข้าไปคุยกับหมอซักครู่ เขาก็ยอมให้เราเข้าพบหมอได้
พอพบหมอที่คลินิค ก็ยื่นใบ ref ให้ + อธิบายเหตุการณ์ให้หมอฟัง หมอเขาก็อ่านใบ ref เงียบๆ แล้วก็พยักหน้าหงึกๆ เขาก็โอเค รับทราบ เขาก็อธิบาย ขั้นตอนให้เราฟังล่ะว่า ระบบมันเป็นแบบนี้ เดี๋ยวหมอจะออกใบส่งตัวให้ว่า "คลินิคไม่สามารถรักษาเคสนี้ได้ และจำเป็นต้องส่งตัวไป รพ เลิดสิน ซึ่งเป็น รพ ต้นสังกัดต่อ" แล้วให้เราเอาใบส่งตัวของคลินิคนี่ไปยื่นให้ที่ รพ เลิดสิน นะ
โอเค พอเราได้ใบส่งตัวของคลินิค เราก็จะไป รพ เลิดสินต่อ แต่ตอนนั้น บ่ายโมงแล้ว เลยเลือกโทรไปถามก่อน กลัวไม่ทันหมอที่เขาจะออกใบส่งตัวให้จะกลับบ้านก่อนไหม
ที่ รพ เลิดสิน operator ก็โอนให้คุยกับแผนกบัตรทอง ซึ่งเขาก็แนะนำว่าให้มาตอนเช้าๆๆๆๆอีกวันดีกว่า เพราะมันค่อนข้างทำเรื่องนานกลัวจะไม่เสร็จ เราก็โอเค รุ่งขึ้น แหกขี้ตาไปถึง รพ เลิดสิน 6 โมงเช้า ก็ไปติดต่อทำบัตรให้พ่อ ก็ตามระเบียบ ตอนแรก จนท ไม่ยอมให้ทำเพราะไม่ได้พาคนไข้มาด้วย เราก็บอก คนไข้ admit อยู่รอผ่าตัด จะมาไง แล้วแค่มาทำเรื่องส่งตัว พวกเขาก็มองหน้ากันแล้วก็คุยกันเองซักพัก เขาก็ยอมให้เราทำบัตรคนไข้แทนพ่อเรา แล้วเราก็เข้ากระบวนการของ รพ โดยถือบัตรคนไข้ของพ่อ ไปติดต่อแผนกบัตรทองต่อ
แผนกบัตรทอง (เจอคนที่รับโทรศัพท์เราพอดี เขายังบอกว่าเรามาเร็วมาก) ก็จะอธิบายต่อว่า เคสส่งตัว ต้องให้หมอเขียนให้เท่านั้น เราเลยจำเป็นต้องเข้ากระบวนการเหมือนคนไข้ของ รพ เลิดสินเลย คือ ต้องไปพบหมอตามสิทธิ์บัตรทองก่อน ซึ่งก็รอคิวไป พอพบหมอ เราก็เล่าแบบเดียวกับที่เราเล่าให้หมอที่คลินิคฟังพร้อมยื่นใบ ref ให้เขาดู เขาก็อ่านเงียบๆ แล้วก็เก้ทเลย แล้วเขาก็บอกว่า ตาม process นะ เขาจะส่งเราไปที่แผนกศัลยกรรมสมองและประสาทต่อ เพื่อพบหมอเฉพาะทางซึ่งจะเป็นคนออกใบส่งตัวให้ได้ เราก็วิ่งไปตามแผนกที่เขาบอก
พอมาถึงแผนกศัลยกรรม เราก็รอจนได้พบหมอ เราก็ยื่นใบ ref ของรามาให้ (ใบนี้คือที่สุดแล้วค่ะ เบิกทางทุกแห่ง TvT) แล้วก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้หมอฟัง ว่าเราต้องการแค่ใบส่งตัว เพื่อช่วยค่าผ่าตัด หมอศัลย์ก็หัวเราะเบาๆแล้วบอก เออ ราชการมันทำงานเยิ่นเย้อดีนะ 555+ จริงๆ มันไม่ควรต้องมาถึงผมด้วย ในเมื่อคนไข้เข้ากระบวนการรักษาที่ รามาไปแล้ว ตามหลักการก็ควรจะติดต่อแค่ สปสช แล้วให้ไปเบิกเงินจากกอง สปสช ได้เลย จะให้คนไข้วิ่งมา คลินิค มา รพ ต้นทางให้เสียเวลาทำไม เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
เสร็จแล้วหมอศัลย์ก็เขียน "ใบส่งตัว" ให้ค่ะ ใบนี้แหล่ะคือใบที่เราต้องการรรรร เราก็เอาใบนี้วิ่งกลับไปที่แผนกบัตรทอง ซึ่งแผนกนี้จะคีย์ข้อมูลเพื่อทำเรื่องการโอนย้ายสิทธิ์ให้ เสร็จเราก็ถือใบส่งตัวออกมา ภารกิจเรียบร้อย เสร็จในครึ่งวัน ตอนเที่ยงๆ ก็กลับบ้านแล้วค่ะ
ต่อมา เราก็เอาใบส่งตัวจาก รพ เลิดสิน ไปยื่นให้ที่แผนกลงทะเบียนของรามาต่อค่ะ เขาก็จะทำเรื่องโอนย้ายสิทธิ์ให้ ตรงนี้ใช้เวลาแพ้บเดียวเสร็จเลย และจากนี้การรักษาพยาบาล ทาง รามา ก็จะสามารถเบิกตรงจากบัตรทองได้แล้วค่ะ ซึ่งสรุปเคสพ่อเราจากค่าผ่าตัดแสนกว่าก็เหลือจ่ายประมาณหมื่นสองได้ ลดไปได้เยอะมว้ากกกกกก
เราก็มานั่งคิดนะ ต้องขอบคุณ หมอเจ้าของไข้จาก รพ รามา ที่เขียนใบ ref การรักษาให้มากๆ เพราะใบนั้นคือใบเบิกทางทุกอย่างเลย พวกหมอด้วยกันเขาอ่านแล้วเก้ทกันหมดเลยค่ะ ในขณะที่ จนท ที่หน้า counter เขาจะพยายามทำตาม process ของเขา เราต้องยืนกรานว่ายังไงเราก็จะขอพบหมอ ขอคุยกับหมอเท่านั้น เพราะสิทธิ์การตัดสินใจทั้งหมดคือหมอเลยค่ะ และหมอที่เราพบมาตลอดทางคือ น่ารักทุกคนเลยค่ะ ใจดีทุกคนมากๆๆๆ เข้าใจทุกอย่างที่เราอธิบายหมดเลยค่ะ ฮรือออ ปลื้มปริ่มมากกก
ก็หวังว่า ประสบการณ์เรา จะพอเป็นแนวทางให้สำหรับคนที่เจอเคสการรักษาข้าม รพ แล้วต้องการทำเรื่องย้ายสิทธิ์นะคะ รพ อื่นอาจจะมีขั้นตอนต่างกัน แต่เพราะทุก รพ รัฐ อยู่ในระบบบัตรทอง เราเข้าใจว่าขั้นตอนมันควรจะคล้ายๆกันนะ ก็เอาไว้เป็นแนวทางละกันนะคะ
ส่วนอันนี้เป็นเกร็ดเพิ่มเติมค่ะ
1. การย้ายสิทธิ์มีช่วงเวลาด้วยค่ะ ซึ่งแล้วแต่หมอ รพ ต้นทางจะเขียนให้ อย่างของเราได้ประมาณ 6 เดือน ซึ่ง จนท ที่แผนกบัตรทองก็บอกว่า ถ้าหมดเวลา เราต้องกลับมาวิ่งที่เลิดสินแบบนี้อีกรอบเพื่อขอใบใหม่ (ไม่ต้องกลับไปคลินิคอบอุ่นแล้ว)
2. การรักษามะเร็ง มันจะมีอีกโครงการที่ชื่อ cancer anywhere ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับบัตรทอง และถ้า รพ ไหนเข้าร่วม (รามาเข้าร่วมค่ะ) ก็ให้สมัครไปด้วยเลย เพราะบางรายการอย่างฉายแสง บัตรทองจะไม่ครอบคลุม แต่ cancer anywhere จะครอบคลุม จะได้ช่วยลดค่าใช้จ่ายลงไปได้อีกค่ะ (อันนี้ขอบคุณ cashier ของรามาค่ะ อุตส่าห์แนะนำมาให้ รักษาผลประโยชน์คนไข้สุดขีด ตอนแรกก็เกือบต้องควักเองแล้วค่ะ)
เล่าประสบการณ์ การทำใบส่งตัวบัตรทองกรณีที่เรารักษาคนละ รพ กับที่เรามีสิทธิ์ เพื่อช่วยเรื่องค่ารักษาค่ะ
สาเหตุที่เจอเลยทุกเคส เพราะ "คนไข้เข้ารักษาคนละ รพ กับที่มีสิทธิ์บัตรทอง" ซึ่ง บางรายมีการถาม จนท รพ แล้วพบว่า ไม่สามารถเบิกค่าใช้จ่ายได้เนื่องจากเป็นคนละ รพ กัน สิทธิ์ไม่ได้แชร์ร่วมกัน ก็เลยอยากจะมาเล่าประสบการณ์ การทำใบส่งตัว จาก รพ ต้นทาง (ที่เรามีสิทธิ์) มาที่ รพ ปลายทางที่เรากำลังรักษาอยู่ค่ะ เผื่อจะช่วยประหยัดค่ารักษาให้ได้ ไม่ต้องกลุ้มใจมารับบริจาคกันนะคะ
** อันนี้แชร์จากประสบการณ์ตัวเองนะคะ เราไม่รู้ว่ามันจะใช้ได้ทุกกรณีไหม แต่ประเมินแล้วน่าจะได้นะ ก็ลองพิจารณากันดูค่ะ **
ของเราเป็นเคสที่ พ่อเราเป็นมะเร็งลำไส้แล้วลามขึ้นสมอง ซึ่งเนื้องอกในสมองเริ่มส่งผลให้มีอาการความจำผิดๆเพี้ยนๆ ตอบคำถามทั่วๆไปได้บ้างไม่ได้บ้าง เบลอบ่อยๆ ซึ่งตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นมะเร็ง ก็ไปรักษา รพ เอกชนแถวบ้านก่อน เขาก็ MRI สมอง แล้วเจอเนื้องอก แถมประเมินอาการไปมา เอ้า เป็นมะเร็งซะงั้น เอ้าาา~ เรื่องใหญ่แล้วววววว
พอดีคนที่บ้าน รู้จักคุณหมอที่ รพ รามา ก็เลยติดต่อไปแล้วคุณหมอก็รับเป็นคนไข้ให้เลย หลังจากประเมินอาการ แล้วก็ได้รับคำแนะนำว่าให้ผ่าเอาเนื้องอกในสมองออกก่อนเลย ก่อนที่มันจะโตจนไปเบียดโดนเส้นประสาทอื่นๆแล้วจะทำให้เกิดการพิการต่อมาได้
ทีนี้ เนื่องจาก สิทธิ์บัตรทองของพ่อเราอยู่ที่ เลิดสิน แต่ตอนนี้กระบวนการรักษาเริ่มขึ้นที่ รามา แล้ว ต้องขอบคุณคุณหมอที่รามามากๆ ที่แนะนำให้เราทำเรื่องส่งตัวมา เพื่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด โดยคุณหมอ "เขียนใบแนวทางการรักษาที่คุณหมอจะทำ" ด้วยลายมือเลยค่ะ ใส่กระดาษของ รพ มาให้ (ซึ่งต่อไปนี้จะขอเรียกว่า ใบ ref นะคะ) แล้วให้เราไปทำไงก็ได้เพื่อให้ได้ใบส่งตัวมาที่รามา
เอาจริงๆตอนแรกก็งงๆนะ เพราะไม่เคยทำมาก่อน ก็เลยโทรหา สปสช 1330 ก็เล่าเรื่องให้เขาฟัง เขาก็แนะนำว่า ขั้นตอนการทำใบส่งตัว จะต้องส่งมาจากคลินิคอบอุ่นตามพื้นที่เขตที่ทะเบียนบ้านอยู่ก่อน แล้วให้เขาส่งเรื่องขึ้นไปที่ รพ ที่คลินิคอบอุ่นนั้นสังกัด แล้วถึงให้ รพ ต้นทางออกใบส่งตัวให้อีกที โดย สปสช ก็จะบอกชื่อคลินิค พร้อมที่อยู่มาให้ เราก็วิ่งไปที่คลินิคนั้นค่ะ โดยไม่ต้องเอาคนไข้ไป แต่ต้องเอาใบ ref ที่คุณหมอเขียนให้จาก รพ รามา ไปด้วย
ตอนไปถึงคลินิคอบอุ่นแถวบ้าน จนท หน้า counter ก็ถามทำไมไม่เอาคนไข้มา = =; (คือคนไข้ admit อยู่ค่ะ จะมาไง) ตรงนี้ต้องไฟว์กันนิดนึงด้วยความสุภาพสุดขีดว่า "เราต้องการคุยกับหมอ และคนไข้ไม่สะดวกมา และเรามีใบ ref มาคุยกับหมอด้วย" จนท เขาก็เข้าไปคุยกับหมอซักครู่ เขาก็ยอมให้เราเข้าพบหมอได้
พอพบหมอที่คลินิค ก็ยื่นใบ ref ให้ + อธิบายเหตุการณ์ให้หมอฟัง หมอเขาก็อ่านใบ ref เงียบๆ แล้วก็พยักหน้าหงึกๆ เขาก็โอเค รับทราบ เขาก็อธิบาย ขั้นตอนให้เราฟังล่ะว่า ระบบมันเป็นแบบนี้ เดี๋ยวหมอจะออกใบส่งตัวให้ว่า "คลินิคไม่สามารถรักษาเคสนี้ได้ และจำเป็นต้องส่งตัวไป รพ เลิดสิน ซึ่งเป็น รพ ต้นสังกัดต่อ" แล้วให้เราเอาใบส่งตัวของคลินิคนี่ไปยื่นให้ที่ รพ เลิดสิน นะ
โอเค พอเราได้ใบส่งตัวของคลินิค เราก็จะไป รพ เลิดสินต่อ แต่ตอนนั้น บ่ายโมงแล้ว เลยเลือกโทรไปถามก่อน กลัวไม่ทันหมอที่เขาจะออกใบส่งตัวให้จะกลับบ้านก่อนไหม
ที่ รพ เลิดสิน operator ก็โอนให้คุยกับแผนกบัตรทอง ซึ่งเขาก็แนะนำว่าให้มาตอนเช้าๆๆๆๆอีกวันดีกว่า เพราะมันค่อนข้างทำเรื่องนานกลัวจะไม่เสร็จ เราก็โอเค รุ่งขึ้น แหกขี้ตาไปถึง รพ เลิดสิน 6 โมงเช้า ก็ไปติดต่อทำบัตรให้พ่อ ก็ตามระเบียบ ตอนแรก จนท ไม่ยอมให้ทำเพราะไม่ได้พาคนไข้มาด้วย เราก็บอก คนไข้ admit อยู่รอผ่าตัด จะมาไง แล้วแค่มาทำเรื่องส่งตัว พวกเขาก็มองหน้ากันแล้วก็คุยกันเองซักพัก เขาก็ยอมให้เราทำบัตรคนไข้แทนพ่อเรา แล้วเราก็เข้ากระบวนการของ รพ โดยถือบัตรคนไข้ของพ่อ ไปติดต่อแผนกบัตรทองต่อ
แผนกบัตรทอง (เจอคนที่รับโทรศัพท์เราพอดี เขายังบอกว่าเรามาเร็วมาก) ก็จะอธิบายต่อว่า เคสส่งตัว ต้องให้หมอเขียนให้เท่านั้น เราเลยจำเป็นต้องเข้ากระบวนการเหมือนคนไข้ของ รพ เลิดสินเลย คือ ต้องไปพบหมอตามสิทธิ์บัตรทองก่อน ซึ่งก็รอคิวไป พอพบหมอ เราก็เล่าแบบเดียวกับที่เราเล่าให้หมอที่คลินิคฟังพร้อมยื่นใบ ref ให้เขาดู เขาก็อ่านเงียบๆ แล้วก็เก้ทเลย แล้วเขาก็บอกว่า ตาม process นะ เขาจะส่งเราไปที่แผนกศัลยกรรมสมองและประสาทต่อ เพื่อพบหมอเฉพาะทางซึ่งจะเป็นคนออกใบส่งตัวให้ได้ เราก็วิ่งไปตามแผนกที่เขาบอก
พอมาถึงแผนกศัลยกรรม เราก็รอจนได้พบหมอ เราก็ยื่นใบ ref ของรามาให้ (ใบนี้คือที่สุดแล้วค่ะ เบิกทางทุกแห่ง TvT) แล้วก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้หมอฟัง ว่าเราต้องการแค่ใบส่งตัว เพื่อช่วยค่าผ่าตัด หมอศัลย์ก็หัวเราะเบาๆแล้วบอก เออ ราชการมันทำงานเยิ่นเย้อดีนะ 555+ จริงๆ มันไม่ควรต้องมาถึงผมด้วย ในเมื่อคนไข้เข้ากระบวนการรักษาที่ รามาไปแล้ว ตามหลักการก็ควรจะติดต่อแค่ สปสช แล้วให้ไปเบิกเงินจากกอง สปสช ได้เลย จะให้คนไข้วิ่งมา คลินิค มา รพ ต้นทางให้เสียเวลาทำไม เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
เสร็จแล้วหมอศัลย์ก็เขียน "ใบส่งตัว" ให้ค่ะ ใบนี้แหล่ะคือใบที่เราต้องการรรรร เราก็เอาใบนี้วิ่งกลับไปที่แผนกบัตรทอง ซึ่งแผนกนี้จะคีย์ข้อมูลเพื่อทำเรื่องการโอนย้ายสิทธิ์ให้ เสร็จเราก็ถือใบส่งตัวออกมา ภารกิจเรียบร้อย เสร็จในครึ่งวัน ตอนเที่ยงๆ ก็กลับบ้านแล้วค่ะ
ต่อมา เราก็เอาใบส่งตัวจาก รพ เลิดสิน ไปยื่นให้ที่แผนกลงทะเบียนของรามาต่อค่ะ เขาก็จะทำเรื่องโอนย้ายสิทธิ์ให้ ตรงนี้ใช้เวลาแพ้บเดียวเสร็จเลย และจากนี้การรักษาพยาบาล ทาง รามา ก็จะสามารถเบิกตรงจากบัตรทองได้แล้วค่ะ ซึ่งสรุปเคสพ่อเราจากค่าผ่าตัดแสนกว่าก็เหลือจ่ายประมาณหมื่นสองได้ ลดไปได้เยอะมว้ากกกกกก
เราก็มานั่งคิดนะ ต้องขอบคุณ หมอเจ้าของไข้จาก รพ รามา ที่เขียนใบ ref การรักษาให้มากๆ เพราะใบนั้นคือใบเบิกทางทุกอย่างเลย พวกหมอด้วยกันเขาอ่านแล้วเก้ทกันหมดเลยค่ะ ในขณะที่ จนท ที่หน้า counter เขาจะพยายามทำตาม process ของเขา เราต้องยืนกรานว่ายังไงเราก็จะขอพบหมอ ขอคุยกับหมอเท่านั้น เพราะสิทธิ์การตัดสินใจทั้งหมดคือหมอเลยค่ะ และหมอที่เราพบมาตลอดทางคือ น่ารักทุกคนเลยค่ะ ใจดีทุกคนมากๆๆๆ เข้าใจทุกอย่างที่เราอธิบายหมดเลยค่ะ ฮรือออ ปลื้มปริ่มมากกก
ก็หวังว่า ประสบการณ์เรา จะพอเป็นแนวทางให้สำหรับคนที่เจอเคสการรักษาข้าม รพ แล้วต้องการทำเรื่องย้ายสิทธิ์นะคะ รพ อื่นอาจจะมีขั้นตอนต่างกัน แต่เพราะทุก รพ รัฐ อยู่ในระบบบัตรทอง เราเข้าใจว่าขั้นตอนมันควรจะคล้ายๆกันนะ ก็เอาไว้เป็นแนวทางละกันนะคะ
ส่วนอันนี้เป็นเกร็ดเพิ่มเติมค่ะ
1. การย้ายสิทธิ์มีช่วงเวลาด้วยค่ะ ซึ่งแล้วแต่หมอ รพ ต้นทางจะเขียนให้ อย่างของเราได้ประมาณ 6 เดือน ซึ่ง จนท ที่แผนกบัตรทองก็บอกว่า ถ้าหมดเวลา เราต้องกลับมาวิ่งที่เลิดสินแบบนี้อีกรอบเพื่อขอใบใหม่ (ไม่ต้องกลับไปคลินิคอบอุ่นแล้ว)
2. การรักษามะเร็ง มันจะมีอีกโครงการที่ชื่อ cancer anywhere ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับบัตรทอง และถ้า รพ ไหนเข้าร่วม (รามาเข้าร่วมค่ะ) ก็ให้สมัครไปด้วยเลย เพราะบางรายการอย่างฉายแสง บัตรทองจะไม่ครอบคลุม แต่ cancer anywhere จะครอบคลุม จะได้ช่วยลดค่าใช้จ่ายลงไปได้อีกค่ะ (อันนี้ขอบคุณ cashier ของรามาค่ะ อุตส่าห์แนะนำมาให้ รักษาผลประโยชน์คนไข้สุดขีด ตอนแรกก็เกือบต้องควักเองแล้วค่ะ)