คดีเหมืองอัครายิ่งกว่า WIN-WIN / สุทิน ส.ส.เพื่อไทย อภิปรายข้อมูลบิดเบือนในสภา

ที่น่าสนใจสุดก็คือ ในการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ได้ชี้แจงประเด็นที่ฝ่ายค้านอภิปรายเรื่องเหมืองทองอัคราทั้งหมด และได้นำ นายนิรันดร์ ยิ่งมหิศรานนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เข้าให้ข้อมูลกับ ครม.ว่า 

ก่อนการปิดเหมืองนั้น บริษัทอัคราฯ จะส่งออกไปถลุงที่ฮ่องกง เพื่อเข้าสู่กระบวนการผลิตและแยกสินแร่ต่างๆ เพื่อได้ทองคำบริษัท 99.9% 

ก่อนที่จะส่งกลับมาประเทศไทยและส่งออกทองคำไปยังประเทศต่างๆ ต่อไป แต่จากนี้ไปจะทำเช่นนั้นไม่ได้ และกำหนดเป็นเงื่อนไขจะต้องใช้บริษัทคนไทยเท่านั้น เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งทางอัคราฯ ยินดี พร้อมที่จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ผลิตทองคำได้ครบวงจร จะสามารถลดการนำเข้าทองคำส่งผลให้ไทยขาดดุลน้อยลง

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ได้มีการวิจารณ์กันว่าการที่บริษัทอัคราฯ ส่งออกไปเข้าสู่กระบวนการผลิตและแยกที่ต่างประเทศนั้นจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือไม่นั้น

เรื่องนี้ทางบริษัทอัครา อธิบายว่า การที่บริษัทส่งไปดำเนินการที่ฮ่องกงนั้น เป็นเพราะบริษัทของคนไทยที่ทำธุรกิจถลุงแร่ส่วนใหญ่เมื่อเข้าสู่กระบวนการผลิตและแยกจะได้ทองคำที่มีความบริสุทธิ์เพียง 96.5% แต่บริษัทต้องการความบริสุทธ์อยู่ที่ 99.9%

แต่เมื่อรัฐบาล โดย กพร.มีนโยบายที่จะผลักดันให้ประเทศไทยสามารถผลิตได้ครบวงจร เราจึงได้ติดต่อบริษัทถลุงแร่ต่างๆ ในประเทศไทย ในที่สุดได้บริษัทที่จะดำเนินการผลิตได้ทองคำบริสุทธิ์ 99.9% ตามที่เราต้องการได้แล้ว คือบริษัทรีฟายนิ่ง โลหะมีค่า จำกัด (PRECIOUS METAL REFINING COMPANY LIMITED : PMR) ซึ่งทางบริษัทอัคราฯ และ PMR จะร่วมเปิดตัวผลงานในงาน Bangkok Gems & Jewelr Fair ในวันที่ 7-11 กันยายน 2565 ที่อิมแพค เมืองทองธานี

“เมื่อเราได้ผงทองและเงินไปอบแห้งก่อนเข้าเตาหลอม จะได้เป็นแท่งโดเร ที่มีทองคำ 10% และเงิน 90% เราจะเอาแท่งโดเรส่งไปที่บริษัท Heraeus ในฮ่องกง เป็นผู้ดำเนินการผลิตและแยกเพื่อให้ได้ทองคำบริสุทธิ์ถึง 99.9% จากนั้นเราจะขายทองคำและเงินบริสุทธิ์ให้ธนาคารต่างๆ แต่หลังจากนี้เราไม่ส่งที่ฮ่องกงแล้ว เราจะส่งที่ PMR เป็นคนดำเนินการทำทั้งหมด”
 
สำหรับตัวเลขแร่ของบริษัทคิงส์เกต ในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ระบุไว้ว่ามีปริมาณแร่สำรองภายใต้พื้นที่ประทานบัตรปัจจุบัน แบ่งเป็นแร่ทอง 1.3 ล้านออนซ์ และแร่เงิน 12.2 ล้านออนซ์ 

ซึ่งแร่ทั้งหมดนี้จะถูกส่งไปที่บริษัท PMR ให้เป็นผู้สกัดโลหะเงินและทองคำ โดยแบ่งเป็นแร่ทองปีละ 100,000 ออนซ์/ปี และแร่เงิน 1,000,000 ออนซ์/ปี ปัจจุบันราคาทองคำ ณ เดือน ก.ค.2565 อยู่ที่ประมาณ 1,740 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

“ปริมาณแร่สำรองที่คิงส์เกต ระบุเท่ากับว่ามีแร่ทองมูลค่ารวม 81,432,000,000 บาท ส่วนแร่เงิน มีมูลค่ารวม 10,736,000,000 เมื่อรวมแร่ทอง และแร่เงินมีมูลค่าทั้งสิ้น 92,168,000,000 บาท”

เม่าอ่านหนังสือพิมพ์

ดังนั้นการที่เหมืองทองอัครา ได้รับการต่อใบอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษ และการต่ออายุประทานบัตร และได้รับการต่อใบอนุญาตประกอบโลหกรรม ภายใต้ พ.ร.บ.แร่ฉบับใหม่ จะทำให้บริษัทสามารถประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำซึ่งมีมูลค่ามหาศาลตามตัวเลขที่บริษัทคิงส์เกตฯ ประเมินไว้ถึง 9 หมื่นกว่าล้านบาทรออยู่ ส่วนรัฐบาลไทยสามารถตีกรอบให้บริษัทอัคราฯ เข้ามาร่วมพัฒนาพื้นที่ชุมชน ภายใต้ความรับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำเหมืองแร่ทองคำในทุกๆ ด้าน และที่สำคัญสุดทำให้นโยบายรัฐบรรลุเป้าหมายคือสามารถทำให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตทองคำแบบครบวงจร

ส่งผลให้กระทรวงอุตสาหกรรม และบริษัทอัคราฯ มีความเชื่อมั่นว่าปมขัดแย้งต่างๆ จะยุติลงได้โดยไม่จำเป็นต้องให้อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดในปลายปีนี้แน่นอน แต่ทั้งสองฝ่ายจะต้องนำผลเจรจาไปแจ้งให้อนุญาโตฯ ทราบเท่านั้น และประชาชนที่อยู่บริเวณเหมืองก็เตรียมพร้อมที่จะเข้าทำงานในเหมืองทองอัคราฯ กันแล้ว!

อ่าน. https://mgronline.com/specialscoop/detail/9650000074370
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่