-
-
หากเป็นก่อน ค.ศ. 2000 หลายคนอาจไม่รู้สึกรู้สา เมื่อทราบว่าภาพยนตร์มนุษย์ค้าวคาวสาว (Batgirl) อดเผยแพร่
แต่สำหรับยุคที่ผู้ชมเข้าใจคำว่า "จักรวาลภาพยนตร์" กันเยอะแล้ว
ถ้าจะบอกว่า ใครติดตามจักรวาลขยายดีซี (DC Extended Universe) ควรประหลาดใจกับเหตุการณ์นี้ทุกคน ก็คงได้อยู่
-
อย่างไรก็ตาม เรื่องมันยังไม่จบแค่นั้น
DC EU [ที่พวกเรารู้จัก] อาจไม่เหลืออีกต่อไป ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า
ส่วนสาเหตุคือการเถลิงอำนาจ ของบุรุษผู้เดียว (ณ เวลานี้) ซึ่งสามารถกำกับหนังซูเปอร์ฮีโร่ ให้ทั้งกับมาร์เวลและดีซีได้
โดยไม่ถูกกระแสความเป็นคู่แข่งของ 2 ค่าย (รวมถึงข่าวฉาว) ทับแบนตาย
-
เนื่องในโอกาสที่มันชัดเจนละว่า, DC EU จะเดินตามโร้ดแม็ป (Roadmap) อันวางแผนล่วงหน้าสิบปี (สักที)
จึงคิดว่าสมควรแก่เพลา สำหรับการย้อนมองอดีตตั้งกะต้น จนถึงปัจจุบัน
เผื่อใครเปล่าตามข่าวตลอด (หรือเพิ่งมาตาม) จะได้โอกาสเพิ่มความกระจ่าง
ว่าเหตุใดสตูดิโอผลิตภาพยนตร์ ดันปลดดาราหน้าเดิม ๆ ที่เด่นดังออก
หรือเทหนังทุนสร้างกว่า 90 ล้านดอลลาร์ (3 พันกว่าล้านบาท) ทิ้งดื้อ ๆ
-
-
นามนี้ท่านได้แต่ใดมา ?
-
ความสำเร็จของ The Avengers (2012) ส่งผลให้ฮอลลีวูดที่ชักหาความสดใหม่ไม่เจอ, ตระหนักว่าการเปิด "จักรวาล" บนแผ่นฟิล์มคือทางออก
หลังจากค่ายวอร์เนอร์ เคยเอาคอมมิก (การ์ตูนฝรั่ง) มาดัดแปลงเป็นหนังสะเปะสะปะ
พอ Man of Steel (2013) ประสบความสำเร็จ พวกเขาจึงไม่รอช้าที่จะใช้มันตั้งฐานราก, สำหรับแฟรนไชส์ของตัวเองบ้าง
-
ก่อนสาธยายเรื่องทั้งเบื้องหน้า (ตัวผลงาน) และเบื้องหลัง (บริษัทวอร์เนอร์)
มีสิ่งที่เป็นเกร็ด ซึ่งอยากลงไว้ตรงนี้ด้วยก่อน (เนื่องจากมันสะท้อนบางอย่าง)
นั่นคือ "ชื่อ" ของแฟรนไชส์ที่ประวัติการเรียก แอบอีรุงตุงนังสังขยา
คือเดิมทีในกลุ่มแฟนและสื่อ (ต่างประเทศ) เขาจะเรียกมันว่า จักรวาลภาพยนตร์ดีซี (DC Cinematic Universe)
เพราะฝั่งมาร์เวล (ที่มาก่อนแถมประกาศอย่างเป็นทางการ) ระบุว่าจงเรียกผลงานพวกข้าในนาม จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (Marvel Cinematic Universe) ซะ
-
-
แต่ต่อมาอีกไม่กี่ปี, นักเขียนของนิตยสาร Entertainment Weekly ที่ชื่อน่าจะอ่านว่า คีธ สตาซคีวิกซ์ (Keith Staskiewicz)
ดันถือวิสาสะเรียกเอาเองแบบขำๆ ต่างจากชาวบ้าน ว่าจักรวาลขยายดีซี
ในบทความเกี่ยวกับ Batman v Superman: Dawn of Justice ของเขาเมื่อปี 2015
แล้วอีท่าไหนไม่รู้ มนุษย์ทั้งหลายกลับพากันเรียกนามนี้ตาม แบบไฟลามทุ่ง
ทั้งที่ตัวสตูดิโอวอร์เนอร์เอง ไม่เคยประกาศชื่อแฟรนไชส์เหมือนค่ายคู่แข่ง
-
ล่วงเข้าปี 2017 สื่อที่ตามจิกว่า ตกลงพวกอั๊วะควรเรียกจักรวาลนี้ยังไง ? ก็มี (เป็นต้นว่า
screenrant)
แต่ดูเหมือนคนของทางวอร์เนอร์ ไม่เคยมีใครกล้าให้คำตอบชี้ชัด
เพราะความปล่อยให้เรียกเสรีของต้นสังกัด ความเข้าใจผิดบางประการจึงบังเกิด ณ ค.ศ. 2018
สื่อตปท.บางส่วนตีความว่า คำโปรย "ยินดีต้อนรับสู่โลกของดีซี" (Welcome to the Worlds of DC) ที่ปรากฏในงานพบปะแฟน (ซานดิเอโกคอมมิกคอน)
คือการประกาศเรื่อง ชื่อเรียกของแฟรนไชส์ ว่าเป็นโลกของดีซี (Worlds of DC), ซึ่งวอร์เนอร์ก็ยัง ไม่อินังขังขอบเช่นเคย
-
-
จนกระทั่งเลยมาถึงยุคสตรีมมิ่ง (กรณีนี้คือค.ศ. 2020) นั่นแหละที่การดีเบต (ถกเถียง) ยุติ
เพราะบน HBO Max มีตัวอักษรเรียงเป็นคำว่า 'DC Extended Universe' เหนือคอนเทนท์ในหมวดหมู่
ของจักรวาลที่ปล่อยชาวบ้าน กังขาเกี่ยวกะนามกร มาตลอด
-
-
แซ็ค สไนเดอร์
-
เมื่อ Man of Steel คือรากฐาน, แถมผู้กำกับของสารตั้งต้นดังกล่าว "แซ็ค สไนเดอร์" กลายเป็นผู้กำหนดทิศทาง ให้จักรวาล
ไหนเขาจะยังได้ร่วมวงกะ 'คริส เทอร์ริโอ' ผู้เขียนบทที่เคยคว้าออสการ์
ฉะนั้น BvS (2016) ก็น่าจะกลายเป็นปรากฏการณ์ เปิดศักราชแห่งดีซี...
ทว่าเมื่อมันฉาย ผลลัพธ์ด้านคำวิจารณ์ (ของหนังที่เดิมทียาว 3 ชั่วโมง แต่โดนหั่น) ดันเลวร้ายสุดกู่
หนังรวมทีมวายร้ายกู้โลกปีเดียวกัน Suicide Squad (2016) ก็ไม่ช่วยกู้หน้า และพาสถานการณ์แย่ลง
-
เดวิด เอเยอร์ (ผกก.SS) เจอผลกระทบไม่หนักนัก หากเทียบกับแซ็ค
อารมณ์คือเจ็บแต่จบ เนื่องจากถึงโดนมองว่าหนังแย่ เขาก็แค่เปล่าทำภาคสอง
ส่วนแซ็ค ที่ยังต้องกำกับหนังรวมฮีโร่ (Justice League) ต่อ เจอมรสุมอีก
ส่วนหนึ่งอาจเพราะความแข็งกร้าวของเฮียเค้า เช่น ที่ฟาดปากใส่ใครไม่รู้บนโลกออนไลน์
แจกคำหยาบคายให้ตอนโต้ตอบ ข้อตำหนิโทษฐาน ปล่อยแบทแมนฆ่าผู้ร้ายตายเกลื่อน (ที่มา:
heroichollywood)
-
-
เรื่องที่เป็นความลับ (สำหรับตอนนั้น) คือระหว่างถ่ายทำ JL ในปี 2016
เควิน สึจิฮาระ/ประธานและซีอีโอบริษัท หวั่นใจหลาย, ว่าขืนปล่อยแซ็คทำอะไรสไตล์เจ้าตัวซ้ำ มีหวังทัวร์ลงอีก
เลยจัดแจงให้จอน เบิร์ก/หัวหน้าฝ่ายผลิตร่วม กับเจฟฟ์ จอห์นส์/หัวหน้าฝ่ายสร้างสรรค์ แวะกดดันแถวกองถ่ายทุกวัน
แซ็คเล่าว่าสึจิฮาระเช่นกัน, อยากให้หนังยาวไม่เกิน 2 ชั่วโมง ทั้งที่ผู้ร้ายกะฮีโร่หลายคน ยังขาดการแนะนำตัวอย่างเหมาะสม
-
แต่หายนะของแท้ เริ่มปี 2017 เมื่อลูกสาวอายุ 20 ของสไนเดอร์ชื่อ ออทัมน์ (Autumn) ปลิดชีพตน หลังดิ้นรนต่อสู้กับโรคซึมเศร้ามานาน
นั่นคือสาเหตุที่ทำให้แซ็คไม่เหลือพลังใจ ไปดื้อแพ่งใส่ค่ายหนัง
ทางฉากหน้าของสังคม, วอร์เนอร์ประกาศว่าแซ็คเลือก "จอส วีดอน" ผู้เคยกำกับ The Avengers (2012) มาสืบทอดหน้าที่
แม้ภายหลัง (หลายปี) แซ็คกับอดีตผู้บริหารซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม ชี้แจงว่านั่นมันเรื่องโกหก
-
-
วีดอนมิใช่ผู้กอบกู้ของ JL (2017) อย่างที่หลายคนหวัง
สาเหตุมีสารพัด, แต่คาดว่าส่วนหนึ่งเกิดจาก การต่อต้านในกองโดยเหล่าดารานำผู้รับบทฮีโร่ ที่ยังภักดีต่อสไนเดอร์
เพราะถึงเฮียชอบจัดโหดบนจอ อย่างปลิดชีพตัวละครง่าย ๆ หรือให้วีรชนฆ่าคน จนผู้ชมจำนวนมากไม่ปลื้ม
ทว่าในโลกความจริง มีหลายเสียงยืนยันว่า ตาคนนี้ทำตัวเป็นมิตรในกองถ่าย
-
และยังมีกลุ่มแฟนเดนตาย ของผลงานสไตล์แซ็ค ในต่างประเทศอยู่
เหล่าสาวกเชื่อว่า JL ตามวิสัยทัศน์ผกก.ดั้งเดิมมีจริง, แม้ทางวอร์เนอร์ปฏิเสธเสียงแข็ง
พวกเขาจู่โจมผ่านโลกโซเชียล กดดันให้เผยแพร่ JL ที่แท้ทรูมา แบบไม่รู้จักย่อท้อ
จนกระทั่งสัมฤทธิ์ผล Zack Snyder's Justice League ได้ฉายผ่านสตรีมมิ่ง (HBO Max) ปี 2021
-
-
อนึ่ง ช่วงเดียวกับที่ผู้คนทราบว่า JL ฉบับแซ็คมีจริง
'เดวิด เอเยอร์' เผยว่าผลงานของเขาก็โดนเบื้องบนแทรกแซง จนแตกต่างจากที่ตนต้องการมาก
แต่กระแสจุดไม่ติด, โครงการ David Ayer's Suicide Squad จึงเป็นหมัน
-
-
ต้องหลากหลายสิ ถึงจะดี (แน่รึพี่จ๋า ?)
-
ช่วงค.ศ. 2017-2018 ค่ายหนังดีซี/วอร์เนอร์ เจอความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง
บุคลากรตำแหน่งสำคัญหลายราย พากันลุกจากเก้าอี้ที่เคยนั่ง ด้วยสารพัดสาเหตุแสนสวยงาม
อาทิเช่น อยากเพิ่มเวลาอยู่กะครอบครัว, ต้องการทำสิ่งที่ตัวเองถนัดยิ่งกว่า, หรือว่าหลีกทางให้คนเหมาะสมกว่า เข้ามาแทน
การเปลี่ยนผ่านผู้มีอำนาจชุดเก่าออก ไม่เกี่ยวข้องกับ ดราม่าหนังดีซีทั้งหลายหรอกมั้ง (?)
แต่คงเพราะข้อตกลงควบรวมกิจการ ของ AT&T กับวอเนอร์, ที่ลุล่วงเมื่อปี 2018
-
BvS, SS และ JL (2017) ที่ข้องแวะกับเหตุทำนอง พลังงานจากเบื้องบนบุก, มีปัญหาหนักด้านคำวิจารณ์
ขณะที่ Wonder Woman กับ Aquaman ซึ่ง (คิดว่า) ไร้การครอบงำ (และเนื้อหาเป็นเอกเทศ) ไม่พบความบอบช้ำ
ผู้ดูแลดีซีชุดถัดมา อันนำโดย 'วอลเตอร์ ฮามาดะ' ผู้เคยปั้นแฟรนไชส์ 'The Conjuring' จึงหันมาเน้นความหลากหลาย
-
แต่ขณะนั้น "เควิน สึจิฮาระ" เจ้าเก่ายังอยู่, แถมเขาคือผู้ประกาศว่า จากนี้เราจะเน้นความเป็นเอกเทศ
(หลังรายรับรวมทั่วพิภพ Aquaman ทะลุพันล้านตอนค.ศ. 2018)
หากจะมองว่าแท้จริงแล้ว สึจิฮาระ (ผู้ยังมีอำนาจสูง) ก็คือคนทำให้ DC EU (ยุคหลังแซ็ค สไนเดอร์ออกนอกสนาม) กลายเป็นแบบทุกวันนี้เช่นกัน, มันอาจถูกต้องยิ่งกว่า
-
-
เพราะข่าวฉาวเกี่ยวกับ กรณีคุกคามทางเพศ, สึจิฮาระจึงลุกออกจากเก้าอี้ประธาน ณ ค.ศ. 2019
นานวันเข้า แนวทางจักรวาลขยายยุคหลัง JL, พิสูจน์ตัวเองว่าคือก้าวเดินที่ใช่... ในแง่ 'วิธีเลี่ยงทัวร์ลง'
DC EU ไม่เคยเจอ กระแสด้านลบจัดเต็มอีกเลย, จนกระทั่ง Black Adam เผยแพร่ (ซึ่งจะว่าไปฝั่งคนดูส่วนใหญ่ คิดตรงข้ามพวกนักวิจารณ์)
ทว่าปี 2021 วอร์เนอร์มีเดีย ดันเปลี่ยนท่าที, และชี้ว่าพวกเขากำลังจะเพิ่ม ความเชื่อมโยงข้ามคอนเทนท์ในดีซีมากขึ้น
-
และเช่นเคย การเปลี่ยนท่าทีนี่คงเกิดเพราะ, การขยับตัวรอบใหญ่ขององค์กร
วอร์เนอร์มีเดียแยกตัวออกจาก AT&T แล้วเข้ารวมกับ บริษัทด้านสื่อชื่อดัง (Discovery)
กระบวนการเปลี่ยนวอเนอร์มีเดีย เป็นวอร์เนอร์บราเธอร์สดิสคัฟเวอรี่ (Warner Bros. Discovery) เริ่มแถวปี 2021 เสร็จตอน 2022
-
สิ่งที่ตามมาในยุคผู้บริหารสูงสุด และประธานใหม่ของบริษัท, อย่างคุณ เดวิด ซาสลาฟ (David Zaslav)
คือสารพัดเรื่องช็อค (สำหรับผู้ชื่นชอบจักรวาลขยายดีซี อย่างที่เคยเป็น)
ทั้ง Batgirl โดนแบน, เฮนรี่ คาร์วิลล์ อำลาบทซูเปอร์แมน, Black Adam จะยังไม่มีภาคต่ออีกนาน (หรืออาจไม่มีเลย) เป็นต้น
-
-
---ยังมีต่อนะ---
ประมวลรวมความเปลี่ยนแปลงสำคัญ ๆ ของค่ายหนังดีซี/วอเนอร์ ก่อน James Gunn เถลิงอำนาจ (by Filmaneo)
-
หากเป็นก่อน ค.ศ. 2000 หลายคนอาจไม่รู้สึกรู้สา เมื่อทราบว่าภาพยนตร์มนุษย์ค้าวคาวสาว (Batgirl) อดเผยแพร่
แต่สำหรับยุคที่ผู้ชมเข้าใจคำว่า "จักรวาลภาพยนตร์" กันเยอะแล้ว
ถ้าจะบอกว่า ใครติดตามจักรวาลขยายดีซี (DC Extended Universe) ควรประหลาดใจกับเหตุการณ์นี้ทุกคน ก็คงได้อยู่
-
อย่างไรก็ตาม เรื่องมันยังไม่จบแค่นั้น
DC EU [ที่พวกเรารู้จัก] อาจไม่เหลืออีกต่อไป ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า
ส่วนสาเหตุคือการเถลิงอำนาจ ของบุรุษผู้เดียว (ณ เวลานี้) ซึ่งสามารถกำกับหนังซูเปอร์ฮีโร่ ให้ทั้งกับมาร์เวลและดีซีได้
โดยไม่ถูกกระแสความเป็นคู่แข่งของ 2 ค่าย (รวมถึงข่าวฉาว) ทับแบนตาย
-
เนื่องในโอกาสที่มันชัดเจนละว่า, DC EU จะเดินตามโร้ดแม็ป (Roadmap) อันวางแผนล่วงหน้าสิบปี (สักที)
จึงคิดว่าสมควรแก่เพลา สำหรับการย้อนมองอดีตตั้งกะต้น จนถึงปัจจุบัน
เผื่อใครเปล่าตามข่าวตลอด (หรือเพิ่งมาตาม) จะได้โอกาสเพิ่มความกระจ่าง
ว่าเหตุใดสตูดิโอผลิตภาพยนตร์ ดันปลดดาราหน้าเดิม ๆ ที่เด่นดังออก
หรือเทหนังทุนสร้างกว่า 90 ล้านดอลลาร์ (3 พันกว่าล้านบาท) ทิ้งดื้อ ๆ
-
ความสำเร็จของ The Avengers (2012) ส่งผลให้ฮอลลีวูดที่ชักหาความสดใหม่ไม่เจอ, ตระหนักว่าการเปิด "จักรวาล" บนแผ่นฟิล์มคือทางออก
หลังจากค่ายวอร์เนอร์ เคยเอาคอมมิก (การ์ตูนฝรั่ง) มาดัดแปลงเป็นหนังสะเปะสะปะ
พอ Man of Steel (2013) ประสบความสำเร็จ พวกเขาจึงไม่รอช้าที่จะใช้มันตั้งฐานราก, สำหรับแฟรนไชส์ของตัวเองบ้าง
-
ก่อนสาธยายเรื่องทั้งเบื้องหน้า (ตัวผลงาน) และเบื้องหลัง (บริษัทวอร์เนอร์)
มีสิ่งที่เป็นเกร็ด ซึ่งอยากลงไว้ตรงนี้ด้วยก่อน (เนื่องจากมันสะท้อนบางอย่าง)
นั่นคือ "ชื่อ" ของแฟรนไชส์ที่ประวัติการเรียก แอบอีรุงตุงนังสังขยา
คือเดิมทีในกลุ่มแฟนและสื่อ (ต่างประเทศ) เขาจะเรียกมันว่า จักรวาลภาพยนตร์ดีซี (DC Cinematic Universe)
เพราะฝั่งมาร์เวล (ที่มาก่อนแถมประกาศอย่างเป็นทางการ) ระบุว่าจงเรียกผลงานพวกข้าในนาม จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (Marvel Cinematic Universe) ซะ
-
-
แต่ต่อมาอีกไม่กี่ปี, นักเขียนของนิตยสาร Entertainment Weekly ที่ชื่อน่าจะอ่านว่า คีธ สตาซคีวิกซ์ (Keith Staskiewicz)
ดันถือวิสาสะเรียกเอาเองแบบขำๆ ต่างจากชาวบ้าน ว่าจักรวาลขยายดีซี
ในบทความเกี่ยวกับ Batman v Superman: Dawn of Justice ของเขาเมื่อปี 2015
แล้วอีท่าไหนไม่รู้ มนุษย์ทั้งหลายกลับพากันเรียกนามนี้ตาม แบบไฟลามทุ่ง
ทั้งที่ตัวสตูดิโอวอร์เนอร์เอง ไม่เคยประกาศชื่อแฟรนไชส์เหมือนค่ายคู่แข่ง
-
ล่วงเข้าปี 2017 สื่อที่ตามจิกว่า ตกลงพวกอั๊วะควรเรียกจักรวาลนี้ยังไง ? ก็มี (เป็นต้นว่า screenrant)
แต่ดูเหมือนคนของทางวอร์เนอร์ ไม่เคยมีใครกล้าให้คำตอบชี้ชัด
เพราะความปล่อยให้เรียกเสรีของต้นสังกัด ความเข้าใจผิดบางประการจึงบังเกิด ณ ค.ศ. 2018
สื่อตปท.บางส่วนตีความว่า คำโปรย "ยินดีต้อนรับสู่โลกของดีซี" (Welcome to the Worlds of DC) ที่ปรากฏในงานพบปะแฟน (ซานดิเอโกคอมมิกคอน)
คือการประกาศเรื่อง ชื่อเรียกของแฟรนไชส์ ว่าเป็นโลกของดีซี (Worlds of DC), ซึ่งวอร์เนอร์ก็ยัง ไม่อินังขังขอบเช่นเคย
-
-
จนกระทั่งเลยมาถึงยุคสตรีมมิ่ง (กรณีนี้คือค.ศ. 2020) นั่นแหละที่การดีเบต (ถกเถียง) ยุติ
เพราะบน HBO Max มีตัวอักษรเรียงเป็นคำว่า 'DC Extended Universe' เหนือคอนเทนท์ในหมวดหมู่
ของจักรวาลที่ปล่อยชาวบ้าน กังขาเกี่ยวกะนามกร มาตลอด
-
เมื่อ Man of Steel คือรากฐาน, แถมผู้กำกับของสารตั้งต้นดังกล่าว "แซ็ค สไนเดอร์" กลายเป็นผู้กำหนดทิศทาง ให้จักรวาล
ไหนเขาจะยังได้ร่วมวงกะ 'คริส เทอร์ริโอ' ผู้เขียนบทที่เคยคว้าออสการ์
ฉะนั้น BvS (2016) ก็น่าจะกลายเป็นปรากฏการณ์ เปิดศักราชแห่งดีซี...
ทว่าเมื่อมันฉาย ผลลัพธ์ด้านคำวิจารณ์ (ของหนังที่เดิมทียาว 3 ชั่วโมง แต่โดนหั่น) ดันเลวร้ายสุดกู่
หนังรวมทีมวายร้ายกู้โลกปีเดียวกัน Suicide Squad (2016) ก็ไม่ช่วยกู้หน้า และพาสถานการณ์แย่ลง
-
เดวิด เอเยอร์ (ผกก.SS) เจอผลกระทบไม่หนักนัก หากเทียบกับแซ็ค
อารมณ์คือเจ็บแต่จบ เนื่องจากถึงโดนมองว่าหนังแย่ เขาก็แค่เปล่าทำภาคสอง
ส่วนแซ็ค ที่ยังต้องกำกับหนังรวมฮีโร่ (Justice League) ต่อ เจอมรสุมอีก
ส่วนหนึ่งอาจเพราะความแข็งกร้าวของเฮียเค้า เช่น ที่ฟาดปากใส่ใครไม่รู้บนโลกออนไลน์
แจกคำหยาบคายให้ตอนโต้ตอบ ข้อตำหนิโทษฐาน ปล่อยแบทแมนฆ่าผู้ร้ายตายเกลื่อน (ที่มา: heroichollywood)
-
-
เรื่องที่เป็นความลับ (สำหรับตอนนั้น) คือระหว่างถ่ายทำ JL ในปี 2016
เควิน สึจิฮาระ/ประธานและซีอีโอบริษัท หวั่นใจหลาย, ว่าขืนปล่อยแซ็คทำอะไรสไตล์เจ้าตัวซ้ำ มีหวังทัวร์ลงอีก
เลยจัดแจงให้จอน เบิร์ก/หัวหน้าฝ่ายผลิตร่วม กับเจฟฟ์ จอห์นส์/หัวหน้าฝ่ายสร้างสรรค์ แวะกดดันแถวกองถ่ายทุกวัน
แซ็คเล่าว่าสึจิฮาระเช่นกัน, อยากให้หนังยาวไม่เกิน 2 ชั่วโมง ทั้งที่ผู้ร้ายกะฮีโร่หลายคน ยังขาดการแนะนำตัวอย่างเหมาะสม
-
แต่หายนะของแท้ เริ่มปี 2017 เมื่อลูกสาวอายุ 20 ของสไนเดอร์ชื่อ ออทัมน์ (Autumn) ปลิดชีพตน หลังดิ้นรนต่อสู้กับโรคซึมเศร้ามานาน
นั่นคือสาเหตุที่ทำให้แซ็คไม่เหลือพลังใจ ไปดื้อแพ่งใส่ค่ายหนัง
ทางฉากหน้าของสังคม, วอร์เนอร์ประกาศว่าแซ็คเลือก "จอส วีดอน" ผู้เคยกำกับ The Avengers (2012) มาสืบทอดหน้าที่
แม้ภายหลัง (หลายปี) แซ็คกับอดีตผู้บริหารซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม ชี้แจงว่านั่นมันเรื่องโกหก
-
วีดอนมิใช่ผู้กอบกู้ของ JL (2017) อย่างที่หลายคนหวัง
สาเหตุมีสารพัด, แต่คาดว่าส่วนหนึ่งเกิดจาก การต่อต้านในกองโดยเหล่าดารานำผู้รับบทฮีโร่ ที่ยังภักดีต่อสไนเดอร์
เพราะถึงเฮียชอบจัดโหดบนจอ อย่างปลิดชีพตัวละครง่าย ๆ หรือให้วีรชนฆ่าคน จนผู้ชมจำนวนมากไม่ปลื้ม
ทว่าในโลกความจริง มีหลายเสียงยืนยันว่า ตาคนนี้ทำตัวเป็นมิตรในกองถ่าย
-
และยังมีกลุ่มแฟนเดนตาย ของผลงานสไตล์แซ็ค ในต่างประเทศอยู่
เหล่าสาวกเชื่อว่า JL ตามวิสัยทัศน์ผกก.ดั้งเดิมมีจริง, แม้ทางวอร์เนอร์ปฏิเสธเสียงแข็ง
พวกเขาจู่โจมผ่านโลกโซเชียล กดดันให้เผยแพร่ JL ที่แท้ทรูมา แบบไม่รู้จักย่อท้อ
จนกระทั่งสัมฤทธิ์ผล Zack Snyder's Justice League ได้ฉายผ่านสตรีมมิ่ง (HBO Max) ปี 2021
-
-
อนึ่ง ช่วงเดียวกับที่ผู้คนทราบว่า JL ฉบับแซ็คมีจริง
'เดวิด เอเยอร์' เผยว่าผลงานของเขาก็โดนเบื้องบนแทรกแซง จนแตกต่างจากที่ตนต้องการมาก
แต่กระแสจุดไม่ติด, โครงการ David Ayer's Suicide Squad จึงเป็นหมัน
-
ช่วงค.ศ. 2017-2018 ค่ายหนังดีซี/วอร์เนอร์ เจอความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง
บุคลากรตำแหน่งสำคัญหลายราย พากันลุกจากเก้าอี้ที่เคยนั่ง ด้วยสารพัดสาเหตุแสนสวยงาม
อาทิเช่น อยากเพิ่มเวลาอยู่กะครอบครัว, ต้องการทำสิ่งที่ตัวเองถนัดยิ่งกว่า, หรือว่าหลีกทางให้คนเหมาะสมกว่า เข้ามาแทน
การเปลี่ยนผ่านผู้มีอำนาจชุดเก่าออก ไม่เกี่ยวข้องกับ ดราม่าหนังดีซีทั้งหลายหรอกมั้ง (?)
แต่คงเพราะข้อตกลงควบรวมกิจการ ของ AT&T กับวอเนอร์, ที่ลุล่วงเมื่อปี 2018
-
BvS, SS และ JL (2017) ที่ข้องแวะกับเหตุทำนอง พลังงานจากเบื้องบนบุก, มีปัญหาหนักด้านคำวิจารณ์
ขณะที่ Wonder Woman กับ Aquaman ซึ่ง (คิดว่า) ไร้การครอบงำ (และเนื้อหาเป็นเอกเทศ) ไม่พบความบอบช้ำ
ผู้ดูแลดีซีชุดถัดมา อันนำโดย 'วอลเตอร์ ฮามาดะ' ผู้เคยปั้นแฟรนไชส์ 'The Conjuring' จึงหันมาเน้นความหลากหลาย
-
แต่ขณะนั้น "เควิน สึจิฮาระ" เจ้าเก่ายังอยู่, แถมเขาคือผู้ประกาศว่า จากนี้เราจะเน้นความเป็นเอกเทศ
(หลังรายรับรวมทั่วพิภพ Aquaman ทะลุพันล้านตอนค.ศ. 2018)
หากจะมองว่าแท้จริงแล้ว สึจิฮาระ (ผู้ยังมีอำนาจสูง) ก็คือคนทำให้ DC EU (ยุคหลังแซ็ค สไนเดอร์ออกนอกสนาม) กลายเป็นแบบทุกวันนี้เช่นกัน, มันอาจถูกต้องยิ่งกว่า
-
เพราะข่าวฉาวเกี่ยวกับ กรณีคุกคามทางเพศ, สึจิฮาระจึงลุกออกจากเก้าอี้ประธาน ณ ค.ศ. 2019
นานวันเข้า แนวทางจักรวาลขยายยุคหลัง JL, พิสูจน์ตัวเองว่าคือก้าวเดินที่ใช่... ในแง่ 'วิธีเลี่ยงทัวร์ลง'
DC EU ไม่เคยเจอ กระแสด้านลบจัดเต็มอีกเลย, จนกระทั่ง Black Adam เผยแพร่ (ซึ่งจะว่าไปฝั่งคนดูส่วนใหญ่ คิดตรงข้ามพวกนักวิจารณ์)
ทว่าปี 2021 วอร์เนอร์มีเดีย ดันเปลี่ยนท่าที, และชี้ว่าพวกเขากำลังจะเพิ่ม ความเชื่อมโยงข้ามคอนเทนท์ในดีซีมากขึ้น
-
และเช่นเคย การเปลี่ยนท่าทีนี่คงเกิดเพราะ, การขยับตัวรอบใหญ่ขององค์กร
วอร์เนอร์มีเดียแยกตัวออกจาก AT&T แล้วเข้ารวมกับ บริษัทด้านสื่อชื่อดัง (Discovery)
กระบวนการเปลี่ยนวอเนอร์มีเดีย เป็นวอร์เนอร์บราเธอร์สดิสคัฟเวอรี่ (Warner Bros. Discovery) เริ่มแถวปี 2021 เสร็จตอน 2022
-
สิ่งที่ตามมาในยุคผู้บริหารสูงสุด และประธานใหม่ของบริษัท, อย่างคุณ เดวิด ซาสลาฟ (David Zaslav)
คือสารพัดเรื่องช็อค (สำหรับผู้ชื่นชอบจักรวาลขยายดีซี อย่างที่เคยเป็น)
ทั้ง Batgirl โดนแบน, เฮนรี่ คาร์วิลล์ อำลาบทซูเปอร์แมน, Black Adam จะยังไม่มีภาคต่ออีกนาน (หรืออาจไม่มีเลย) เป็นต้น
-