ครอบครัวสามีมีปัญหาการเงินจนเรายอมคืนสินสอดเพื่อเอาไปช่วย ถ้าเรารู้สึกเคือง ผิดมั้ยคะ

เพื่อให้เห็นภาพของสถานการณ์มากขึ้น เราขออนุญาตเล่าดังนี้ค่ะ ยาวหน่อยนะคะ

ครอบครัวสามี เป็นครอบครัวใหญ่ มีลูกมาก แต่ทางคุณพ่อและคุณแม่ค่อนข้างจะรักลูกคนเล็กมากที่สุด
พอดีครอบครัวลูกคนเล็กมีปัญหาการเงิน ทางคุณพ่อคุณแม่เลยช่วยแบบทุ่มสุดตัว
พูดง่ายๆคือถึงขั้นกู้หนี้ยืมสินมาช่วย ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ได้รับเงินรายเดือนจากลูกๆด้วย รวมลูกทุกคนคือหลักหมื่นต่อเดือน
แต่หนี้ทางครอบครัวลูกคนเล็กเหมือนหลุ่มที่ถมไม่เต็ม นอกจากหนี้เค้าไม่จบ คุณพ่อคุณแม่ก็มีหนี้ตาม 

จนสุดท้าย คุณพ่อคุณแม่พูดบีบคั้นแฟนเราให้ช่วยใช้หนี้ให้
คือยอดหนี้จริงประมาณ 5 แสน แต่เค้าขอประมาณ 3 แสน ส่วนที่เหลือเค้าจะหาเพิ่มเอง

โดยส่วนตัวเรากับแฟน มีเงินส่วนนั้นค่ะ แต่เป็นเงินเรากับแฟนเก็บร่วมกัน เพื่อสำหรับอนาคต
และก่อนหน้านี้ แฟนได้พยายามช่วยทางครอบครัวอยู่เรื่อยๆ ปีนึงๆ ไม่ต่ำกว่าแสน (ไม่รวมเงินรายเดือนที่ให้)

เรารู้สึกรับไม่ได้ ที่เงินที่เราและแฟนช่วยกันหามา ต้องเอาไปใช้หนี้ให้คนอื่น
เพราะเรากับแฟนลำบากด้วยกันมา กว่าจะมีบ้าน มีรถของตัวเอง โดยครอบครัวแฟนไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเรื่องเงินเลย
(เป็นครอบครัวฝั่งเราที่ทนเห็นเราลำบากไม่ได้ เคยให้ยืมเงินมาจำนวนหนึ่ง สมัยที่เราลำบาก)

เราเลยเสนอให้คืนสินสอดที่ทางบ้านสามีให้มาตอนแต่งงาน บวกกับเงินจำนวนหนึ่งให้ไป
แม้ไม่ครบ 3 แสน แต่ก็ขาดไปไม่มาก แต่ตอนนั้นที่ครอบครัวแฟนทราบว่าพวกเราช่วยทั้งหมดไม่ได้ ก็แสดงท่าทีไม่พอใจ
 
ทั้งนี้ ตอนเราแต่งงาน เราไม่ขอสินสอดใดๆเลย แต่ทางบ้านสามีก็ให้เป็นทองมาส่วนหนึ่งค่ะ
เงินซองงานแต่งส่วนที่ไม่ใช่ของญาติเราให้ เราก็ให้ฝั่งบ้านสามีทั้งหมด เพราะถือว่าเค้าช่วยจัดงานให้ ซึ่งก็ได้ส่วนต่างคุ้มกับที่จัดอยู่
(ตอนแต่งงาน เป็นความตั้งใจของเราและครอบครัวที่ไม่ต้องการสินสอด เพราะเรารักลูกเค้าจริงๆ อยากอยู่ด้วยกัน
ครอบครัวเราก็ขอแค่เรามีความสุข เค้ายอมหมด สินสอดที่ฝั่งนู้นให้ก็ยกให้เรากับสามีเอาไว้ตั้งตัวค่ะ)

ซึ่งตอนตัดสินใจคืนสินสอด เป็นความตั้งใจของเรา เราไม่ได้ซีเรียส 
เพราะเราหาใหม่ได้ เราทำงาน มีเงินเดือนของตัวเอง ทองที่ให้ไปก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของที่เรามี
และที่เราไม่ให้หมด เพราะไม่ต้องการให้เค้ารู้ว่าเรายังพอมีทรัพย์สินอยู่ ไม่งั้นเค้าก็จะมาขอเรื่อยๆ

แต่จุดที่ทำให้เรารู้สึกไม่โอเคคือเค้าพูดไม่ดีกับสามีเรา เพราะไม่ให้เงินเค้าครบ 
รับสินสอดคืนและเงินส่วนหนึ่งไปแล้ว ก็ยังมีท่าทีไม่พอใจ
ถึงแม้ภายหลัง เค้าจะกลับมาพูดดีๆกับสามีเรา เพราะยังต้องพึ่งเงินรายเดือนที่สามีเราให้อยู่

แต่ใจเรารู้สึกเคืองไปแล้วน่ะค่ะ เคืองยังไงก็เคืองไม่หาย แม้ไม่แสดงออก แต่ทำหน้ายิ้มสู้เวลาเจอกันไม่ลง
เราผิดมั้ยคะที่ทำใจปล่อยวางไม่ลง หรือมันเป็นเรื่องปกติที่ควรจะมีเคืองอยู่แล้ว
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
สิ่งที่ต้องระวังคือเค้าจะมาขออีกค่ะ ไม่มีวันจบสิ้น

จากประสบการณ์ตรงคือแม่เราเอง ขอเล่าสั้นๆให้ฟังนะคะ
ตอนเริ่มทำงานเงินเดือนสองหมื่นถ้วน แม่เราขอเดือนละ5000 เราเลยถามจะเอาไปทำอะไรแม่ก็เล่าว่ามีหนี้บัตรอยู่สามแสน(จริงๆมีหนี้บ้านหนี้สหกรณ์อีกเยอะแยะเลยค่ะ หลายล้าน) ด้วยความเป็นลูกที่ถูกสอนมาให้กตัญญูบวกกับรู้ว่าดอกบัตรแพง เลยตัดสินใจเอาเงินเก็บที่มีไปปิดให้(เป็นเงินก้อนที่ปู่ให้ไว้ช่วงเรียนค่ะ) แม่บอกว่าถ้าปิดยอดนี้ได้แม่จะได้ไม่ต้องจ่ายเดือนละแปดพัน เงินห้าพันเราก็ไม่ต้องให้แล้ว แล้วแม่ยังมีเงินใช้เพิ่ม

พอสามปีผ่านไปแม่เร่งให้เราแต่งงานมาตลอดเราเลยแต่งให้แม่สบายใจ ทางฝ่ายชายเสนอสินสอดให้สามแสนแม่เราก็บอกกับทางบ้านแฟนว่าเดี๋ยวก็คืนให้เด็กๆเค้าไปตั้งตัวนั่นแหล่ะ ผ่านไปพักนึงใกล้วันงานแม่บอกว่าสามแสนนั้นแม่ขอนะจะเอามาจ่ายค่าบัตร(เหมือนโดนขายกินเลยค่ะ เร่งให้แต่งงานเพื่อจะเอาเงินบ้านแฟนเรา😢) เราเลยถามว่าเราปิดให้แล้วไม่ใช่หรอ แม่บอกว่าสามปีแล้วมันก็ต้องกินต้องใช้(หนี้ใหม่6แสนในสามปีค่ะ) เราหมดคำจะพูดเลยค่ะ ถ้าให้ก็คงต้องให้ต่อแบบไม่รู้จบเพราะคนวางแผนการเงินไม่เป็นใช้เงินเกินตัวมันแก้ยากค่ะ สุดท้ายเราเลยไม่คืนเงินสินสอดให้ ให้แม่แฟนโอนเข้าบัญชีร่วมวันงานวางสมุดบัญชีค่ะ

ถ้าเราจะให้เงินแม่ เงินนั้นต้องมาจากส่วนของเราไม่ใช่ส่วนร่วมของเรากับแฟนค่ะ การที่คนเรามีครอบครัวใหม่ ถ้าครอบครัวเดิมมีปัญหาก็ช่วยตามที่ไหวก่อนจะกระทบตัวเองกระทบครอบครัวใหม่ไปเป็นทอดๆ อนาคตเงินเก็บเงินเกษียณจะไม่พอเอาค่ะ
ความคิดเห็นที่ 2
เป็นเรื่อง ปกติ …
_ที่คุณจะเคือง ที่ช่วยเหลือไปเกือบสามแสน กลับถูกพูดไม่ดีใส่

เป็นเรื่องปกติ …
_ที่ทางบ้านสามีจะเคืองลูกชาย ที่ขอให้ช่วยน้องชายในจำนวนเงินที่คำนวณดูแล้วเห็นว่าช่วยได้
แต่กลับให้มาไม่ครบสามแสนตามที่ตกลง พวกเขาต้องลำบากหาเพิ่ม ซึ่งอาจจะได้หรือไม่ได้
จึงทำให้พวกเขาหงุดหงิด อารมณ์เสีย และใส่อารมณ์กับสามีคุณ

คู่กรณีทั้งสอง ต่างก็  เคือง เพราะ ความ “คาดหวัง”

คุณอุตส่าห์ขวนขวายรวบรวมเงินช่วยไป ก็อยากให้เขาระลึกถึงน้ำใจตรงนี้ พูดดีด้วย
เขาอยากได้รับเงินให้ครบเต็มจำนวน ถึงจะปลดเปลื้องทุกข์ครั้งนี้ได้ เมื่อได้ไม่ครบก็เครียดและหงุดหงิด จึงด่าฝากมาสักหน่อย

แต่ตอนนี้เขาก็เลิกด่าแล้ว
ถ้าคุณยังเคืองอยู่ ใจคุณก็ไม่มีความสุขเองอ่ะค่ะ

ทีหลังก็จำไว้ อย่าไปช่วยใคร ครึ่งๆกลางๆ นอกจากเขาจะไม่เห็นคุณความดี ยังโดนด่าฟรีอีกๆ

ในเมื่อรู้ตั้งแต่แรก ว่าหนี้น้องชายถมไม่เต็ม
ก็ไม่น่าจะต้องไปยอมตามใจเขา ช่วยชดใช้ให้เขา

แต่ไม่เป็นไร ไหนๆก็ช่วยไปแล้ว เอามาเป็นข้ออ้างที่ดีได้  ถ้าในอนาคต  ถูกขอมาอีก จะมีสิทธิ์ปฏิเสธได้เต็มปากเต็มคำ

ต่อไปนี้ ให้เพียงเงินเป็นรายเดือน ไว้กินไว้ใช้ตามปกติ เผื่อว่า ใครล้มขึ้นมา ยังมีค่าข้าวค่าน้ำไว้ให้กินประทังชีวิต

แล้วใจแข็งเข้าไว้ … ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับหนี้สินของน้องอีกแล้วนะคะ  
ยืนยันไปว่าไม่มีอย่างเดียว  ถ้าโดนด่าอีกที่ไม่ช่วย ก็แค่ฟังผ่านหูไปก็พอ    

เทียน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่