JJNY : เพื่อไทยโต้ดีลบางพรรค│"พท."เตือนระวังสัญญาณร้าย│‘ก้าวไกล’โฟกัส‘เปลี่ยนชื่อ’สถานีกลาง│‘ศศิน’ขยี้ปัญหากรมอุทยานฯ

เพื่อไทยแถลงการณ์ โต้ดีลบางพรรคตั้งรัฐบาล ลั่นเดินหน้าแลนด์สไลด์ แก้วิกฤตศก.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7443727

 
 
เพื่อไทยแถลงการณ์ โต้จับมือบางพรรคตั้งรัฐบาล ซัดฝีมือบางฝ่าย หวังลดทอนความน่าเชื่อถือ ลั่นเดินหน้าแลนด์สไลด์ แก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจให้คนไทย
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 ม.ค.2566 ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรค อ่านแถลงการณ์พรรคเพื่อไทย เรื่อง ไม่ได้จับมือพรรคใดตั้งรัฐบาล เน้นเดินหน้าแลนด์สไลด์ เพื่อแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจให้คนไทย
 
ตามที่มีการเสนอข่าว รวมทั้งวิเคราะห์การเมืองว่า พรรคเพื่อไทยได้จับมือกับพรรคการเมืองบางพรรค เพื่อจัดตั้งรัฐบาลภายหลังเลือกตั้งแล้วนั้น พรรคเพื่อไทยเคารพในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง แต่ขอปฏิเสธกระแสข่าวเรื่องการจับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคต่างๆ ดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง การวิเคราะห์ของบางสื่ออาจทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่พรรคเห็นว่ามีการปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารหรือไอโอของบางฝ่าย เพื่อลดทอนความน่าเชื่อถือของพรรค สร้างความสับสนและเบี่ยงเบนกระแสเดินหน้าสู่ชัยชนะแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย
 
ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจึงขอแถลงดังนี้
 
1. พรรคเพื่อไทยตระหนักว่า ภารกิจอันสำคัญยิ่งของรัฐบาลหน้าคือ การแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจ และสร้างประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ดังนั้น พรรคเพื่อไทยตั้งใจอย่างแน่วแน่ในการเดินหน้ารณรงค์การเลือกตั้งสู่ชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ เพื่อแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ และทำให้ชีวิตของคนไทยดีขึ้น รวมทั้งการชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์ได้ ส.ส.ตั้งแต่ 251 คนขึ้นไปจะเพิ่มโอกาสเอาชนะการโหวตของ ส.ว.ในการเห็นชอบตัวนายกรัฐมนตรีในรัฐสภา ทั้งนี้ เพื่อให้ได้รัฐบาลตามเจตจำนงของประชาชนที่แท้จริง และเข้มแข็งในการแก้ไขปัญหาของชาติอย่างมีประสิทธิภาพ
 
2. พรรคเพื่อไทยตระหนักดีว่า หลักการประชาธิปไตยที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ การเคารพเสียงของประชาชนผ่านการเลือกตั้ง พรรคเห็นว่า การจับมือกันของพรรคการเมืองเพื่อตั้งรัฐบาลก่อนที่จะทราบผลเลือกตั้งนั้น ไม่เหมาะสม และเป็นการไม่เคารพหลักการข้างต้น ซึ่งพรรคจะไม่ทำเช่นนั้น นอกจากนั้นหลักเกณฑ์ที่สำคัญในการตั้งรัฐบาลคือ อุดมการณ์ประชาธิปไตยและนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ต้องยึดมั่นเป็นหลักในการตั้งรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้ง
 
3. พรรคเพื่อไทยขอยืนยันอย่างหนักแน่นอีกครั้งว่า พรรคไม่ได้จับมือกับพรรคใดตั้งรัฐบาลตามที่เป็นข่าว และไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร พรรคขอกราบเรียนว่า นี่คือท่าทีและจุดยืนอันมั่นคงของพรรคมิเคยเปลี่ยนแปลง
 
พรรคเพื่อไทยจะมุ่งมั่นตั้งใจเดินหน้าสู่การเลือกตั้งและนำเสนอนโยบายเพื่อตอบโจทย์ประเทศ แก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้ชีวิตของคนไทยดีขึ้น รวมทั้งการทำให้กฎกติกาสูงสุดของประเทศมีความเป็นประชาธิปไตย เพื่อพี่น้องคนไทยทุกคน



"พท." ออกโรงเตือนระวังสัญญาณร้าย หลัง "IMF" ชี้ศก.ทรุด ย้ำรัฐบาลใหม่ต้องมืออาชีพ นโยบายเน้นแก้วิกฤตประเทศได้
https://siamrath.co.th/n/412302
  
"เพื่อไทย" ออกโรงเตือนรบ.ระวังสัญญาณร้าย เงินเฟ้อพุ่ง ค่าครองชีพสูง หลัง "IMF" ชี้เศรษฐกิจโลกทรุด ย้ำ รัฐบาลใหม่ต้องมืออาชีพ นโยบายเน้นแก้วิกฤตประเทศได้
 
วันที่ 4 ม.ค.2566 จากกรณีนายคริสตาลีน่า จอร์เจียวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกแถลงการณ์เตือนประชาคมโลกให้เตรียมรับมือกับปัญหาทางเศรษฐกิจ หลังจากประมาณการว่าประเทศต่างๆทั่วโลกราว 1 ใน 3 จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ซึ่งเป็นภาวะตามหลังเงินเฟ้อ และค่าครองชีพสูงที่เป็นผลจากภาวะสงคราม อันเป็นเหตุให้เศรษฐกิจสำคัญของโลกออกมาตรการต่างๆ เพื่อเผชิญกับผลกระทบนั้น ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย นำโดย นายจักรพงษ์ แสงมณี กรรมการบริหาร นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส. เชียงใหม่ เขต 3 นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส. หนองคาย เขต 1 และนายภาควัต ศรีสุรพล ส.ส. ขอนแก่น เขต 5 ได้แสดงความกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย ในขณะที่ความสามารถของรัฐบาลปัจจุบันมีอยู่เพียงเท่านี้
 
โดยนายภาควัตกล่าวว่าไทยต้องเตรียมรับมือความต้องการสินค้าไทยและการลงทุนจากต่างประเทศมีความเสี่ยงที่จะลดลง รัฐบาลจึงต้องให้ความสำคัญกับการพึ่งพาการบริโภคในประเทศให้มากขึ้น ซึ่งทำได้ด้วยการอัดฉีดภาคแรงงานให้มีรายได้เพียงพอในการจับจ่ายใช้สอย ควบคู่ไปกับการลงทุนขนาดใหญ่อย่างระบบบริหารจัดการน้ำเพื่อป้องกันมิให้เกิดน้ำท่วมน้ำแล้งซ้ำซากซึ่งสร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจและความเดือดร้อนต่อประชาชนเป็นอย่างมากแทบทุกปี โครงการลักษณะนี้สามารถสร้างงานสร้างรายได้ให้คนในประเทศไปในเวลาเดียวกัน ในส่วนสินค้าส่งออกยังคงต้องให้ความสำคัญโดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่ต้องดูแลให้การเพาะปลูกมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดเพื่อความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกที่อาจแข่งขันกันอย่างรุนแรงด้วยการเกษตรแม่นยำ และมุ่งเพาะปลูกพืชที่ตรงกับความต้องการของตลาดโลก วิกฤตจึงยังมีโอกาส  
 
ด้านนายจักรพล กล่าวว่า การรับมือครั้งนี้ต้องมุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง เพราะรายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็น 1 ใน 3 ของรายได้รวมของประเทศ เพื่อให้ไทยเป็นเป้าหมายที่น่ามาท่องเที่ยว เป็นอันดับต้นๆของโลก ทั้งในเรื่องของความสวยงาม และความสะอาดของ แหล่งท่องเที่ยว ความสะดวกสบาย ราคาที่เหมาะสม และความปลอดภัยเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มากขึ้นกว่าภาวะปกติขณะเดียวกันก็ต้องมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด19 ให้รัดกุมด้วยการวางแผนการทำงานให้สามารถเข้าถึงประเทศเป้าหมายเพื่อให้มีเที่ยวบินที่เพียงพอเข้าสู่สนามบินนานาชาติที่มีอยู่ทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดท่องเที่ยวหลักอื่นๆ อย่าง เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา เป็นต้น รวมทั้งการที่จะต้องใส่ใจดูแลให้มีเที่ยวบินที่เพียงพอที่จะเชื่อมต่อไปยังสนามบินในประเทศแห่งอื่นๆ ด้วย ซึ่งอาจต้องหารือกับสายการบินต่างๆ ในเรื่องความเหมาะสมหรือจำเป็นในการให้ลดภาระค่าใช้จ่าย หรือให้สิทธิประโยชน์กับสายการบินต่างๆ และต้องเลิกคิดจัดเก็บค่าเหยียบแผ่นดินที่ได้ไม่คุ้มเสีย เพื่อรักษาระดับราคาค่าโดยสารเครื่องบินมาไทยให้สามารถแข่งขันได้ แต่อาจกำหนดให้มีการตรวจ RT PCR หรือ เอทีเค จากบางประเทศต้นทางก่อนเดินทางเข้าไทย หรือเมื่อเดินทางมาถึง หากสถานการณ์มีความรุนแรง หรืออาจควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวต่อวันสำหรับประเทศต้นทางที่มีระดับผู้ติดเชื้อสูง เป็นต้น ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ไทยมีโอกาสรักษาฐานกลุ่มนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ต้องการความมั่นใจ ซึ่งรวมถึงกลุ่มที่ใช้จ่ายสูง (High Spending) ให้เข้ามามากกว่าเดิมด้วย 
 
ด้านนายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ กล่าวว่าหากรัฐบาลมีความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจและมีหลักคิดในการบริหารงานไม่ดีพอ จะทำให้สภาวะเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจนถดถอยลงไปอีกทั้งๆที่ควรจะฟื้นตัวได้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีมาตรการรองรับเงินเฟ้อและต้นทุนสินค้าที่สูงขึ้น ควบคู่กับการใส่ใจที่จะดูแลให้แรงงานมีรายได้ที่ควรต้องสูงขึ้น ให้เพียงพอกับการครองชีพ  รัฐบาลต้องช่วยภาคอุตสาหกรรมทั้งขนาดใหญ่ และธุรกิจเอสเอ็มอี สามารถรับมือกับภาวะเช่นนี้ได้ ด้วยการยกเครื่องธุรกิจและสร้างภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจไปพร้อมๆกันได้ ด้วยการลดภาระต่างๆ ให้ผู้ประกอบการตรึง ค่าไฟฟ้า และรักษาระดับค่าน้ำมัน ซึ่งเป็นต้นทุนหลักของภาคเอกชน จัดสรรเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ ลดหรืองดเว้นภาษีธุรกิจ รวมถึงการส่งเสริมการใช้เครื่องจักรกลและเพิ่มทักษะแรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการผลิต ขณะเดียวกันประสานงานให้มีการบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนให้เหมาะสมเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งและคู่ค้า เพื่อให้สินค้าส่งออกของไทยอยู่ในระดับราคาที่แข่งขันได้ 
 
"ประเทศไทยจะผ่านวิกฤตเศรษฐกิจโลกครั้งนี้ไปได้ อยากเสนอให้พี่น้องประชาชนพิจารณานโยบายของพรรคการเมืองที่เน้นการแก้ไขปัญหาปากท้องเป็นสำคัญ รัฐบาลที่จะเข้ามาบริหารประเทศต่อไปต้องมีมาตรการรองรับที่ดี มีประสบการณ์ ในการแก้ไปปัญหาเศรษฐกิจ และเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ เพราะประเทศชาติและประชาชนจะเดินได้ต้อง "มีกิน อิ่มท้อง" ขณะเดียวกันอยากเสนอให้ประชาชนสะท้อนความคิดเห็นให้ทุกพรรคการเมืองและกลุ่ม ส.ว. ที่เหลือวาระเพียงหนึ่งปีรู้ซึ้งถึงปัญหาของประเทศที่กำลังต้องเผชิญว่า การเลือกพรรคการเมืองที่เป็นนั่งร้านของเผด็จการที่ความสามารถไม่ถึงเข้ามาจะเป็นการซ้ำเติมประเทศที่กำลังเผชิญทั้งวิกฤตเศรษฐกิจเดิม และกำลังจะเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจโลกใหม่ ให้เคราะห์ซ้ำกรรมซัดด้วยวิกฤตการเมืองจนประเทศชาติและประชาชนจมดิ่งลงไปยิ่งกว่านี้" นายจักรพงษ์กล่าว



‘ก้าวไกล’ โฟกัส ‘เปลี่ยนชื่อ’ สถานีกลาง ทำคนงงหนัก แนะใช้ทั้ง 2 ชื่อ ไม่ต้องเทงบเปลี่ยนป้าย
https://www.matichon.co.th/politics/news_3755528

‘ก้าวไกล’ โฟกัส ‘เปลี่ยนชื่อ’ สถานีกลางบางซื่อ ทำผู้ใช้บริการงงหนัก แนะใช้ทั้ง 2 แบบ ไม่ต้องเทงบเปลี่ยนป้าย
 
จากกรณีที่ นายเติมพงษ์ เหมาะสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าบริษัทได้ลงนามในสัญญาจ้างก่อสร้างกับ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในการก่อสร้างโครงการปรับปรุงป้ายชื่อ สถานีกลางบางซื่อ เป็น สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และ ตราสัญลักษณ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย วงเงินกว่า 33 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2565 จนเกิดกระแสวิจารณ์สนั่นว่าใช้งบประมาณสูงเกินจริงหรือไม่นั้น
  
ขณะที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ส่งมอบปลัดกระทรวงไปตรวจสอบแล้ว ต้องดูว่าราคากับปริมาณงานเป็นอย่างไร เพราะเป็นป้ายแบบพิเศษ ตัวหนังสือก็ใหญ่อย่างที่เห็น ยืนยันว่า มีหน่วยงานตรวจสอบแน่นอน อาทิ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หากผิดก็ว่าไปตามกฎหมาย คาดว่าจะได้รับความชัดเจนไม่เกิน 7 วัน
 
ต่อมา รฟท.ออกคำชี้แจง พร้อมยืนยันว่าโครงการดังกล่าวดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐอย่างเคร่งครัด ทั้งการกำหนดราคากลาง กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งคำนึงถึงประโยชน์ในการใช้งาน ความคุ้มค่าของงบประมาณ ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อโครงสร้างภายในสถานี ประชาชนผู้ใช้บริการ และเหมาะสมกับการเป็นศูนย์กลางการเดินทางระบบรางที่สำคัญของภูมิภาคเป็นสำคัญ

ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 มกราคม นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุถึงเรื่องนี้ว่า เปลี่ยนป้ายสถานีกลางบางซื่อ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ราคา 33 ล้านบาท หรือซื้อของตามระเบียบไหม แต่อยู่ที่จะเปลี่ยนชื่อทำไมให้สับสน เปลืองเงิน หลังจากที่มีประเด็นตั้งคำถามในสังคมถึงความเหมาะสมในการเปลี่ยนป้ายสถานีกลางบางซื่อมีการจัดซื้อจัดจ้างกว่า 33 ล้านบาทเกิดขึ้น นายศักดิ์สยามรีบให้ข่าวทันทีว่าจะดูให้ว่าการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปตามระเบียบหรือไม่ ทั้งบอกว่ามี สตง. ตรวจสอบอยู่แล้วจะกลัวอะไร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่