พ่อเราไม่อยากให้ลูกไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศ

เรามีความคิดอยากจะไปเรียนต่อหรือทำงานที่ต่างประเทศ (ตอนที่เราเก่งภาษาอังกฤษแล้ว) แต่เราได้ยินพ่อคุยกับยาย ถึงเรื่องคนที่พ่อรู้จัก เขามีลูก แล้วลูกเขาไปทำงานต่างประเทศ พ่อเราบอกว่าไปต่างประเทศไม่ดีหรอก และก็ให้เหตุผลแบบนี้

1. ไปทำงานต่างประเทศ ได้เงินเดือนเยอะกว่าไทย แต่ค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพ ก็สูงกว่าไทย ดังนั้นไปอยู่ต่างประเทศก็ไม่เห็นจะดีกว่าอยู่ไทยตรงไหน ฉะนั้นอยู่ไทยดีกว่า เพราะได้อยู่ใกล้ครอบครัว

2. ถ้ากลายเป็นพลเมืองของประเทศนั้นๆแล้ว การจะกลับมาไทยก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเกิดพ่อแม่ที่ไทยป่วย ลูกก็ไม่สามารถกลับมาได้ทันที บางทีพ่อแม่ตายแล้วลูกยังกลับมาไม่ได้เลย

3. ต่อจากข้อ 2. พอเป็นแบบนี้ พ่อแม่ก็รู้สึกเหมือนไม่มีลูก แล้วแบบนี้จะมีลูกทำไมตั้งแต่แรก และถึงแม้ลูกจะชวนพ่อแม่ไปอยู่ต่างประเทศด้วยกัน แต่พ่อแม่ที่มีงานทำอยู่ที่ไทย แถมใช้ชีวิตอยู่ในไทยมาตลอด ไม่รู้ภาษาต่างประเทศ ถ้าจะให้ไปอยู่ต่างประเทศกับลูก จะอยู่ได้ยังไง อยู่ไม่ได้หรอก

จากที่พ่อพูดมา เราก็คิดว่าการไปอยู่ต่างประเทศ เป็นผลดีต่อคนเป็นลูก แต่ไม่เป็นผลดีต่อคนเป็นพ่อแม่ ถ้าพ่อเราคิดแบบนี้ ชาตินี้เราคงไปอยู่ต่างประเทศไม่ได้ ต้องรอจนพ่อแม่ไม่อยู่แล้ว ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้นเราก็คงไม่ค่อยมีแรงจะไปอยู่แล้ว สรุปว่าคงไม่ได้ไปนั่นแหละ อยากถามคนที่ไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ ว่าเป็นอย่างที่พ่อเราพูดหรือเปล่า

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
พ่อแม่ไม่ได้เลี้ยงดูลูกจนตาย

วันที่พ่อแม่ตาย พ่อแม่ก็ไม่ได้เลี้ยงดูลูก

สุดท้าย ลูกที่”โตแล้ว” คือมนุษย์ที่เป็นอิสระของตัวเอง
ใช้ชีวิตได้ตามใจตนเอง เพราะสุดท้ายถ้าไม่มีแดรกก็อดตายด้วยตัวเอง (แม้ว่าพ่อแม่จะรักแค่ไหน ก็ฝืนความตายตัวเองไม่ได้)

ใช้ชีวิตตามที่ตัวเองต้องการดูแลตัวเองครับ พ่อแม่เป็นผู้ให้คำปรึกษาแนะนำเท่านั้น มันมีขอบเขตการเคารพดูแลอยู่

รักได้ แต่ต้องไม่ทำร้ายตัวเองครับ


ปล. มันก็เหมือนแนวคิดที่ว่า ลูกโตไปต้องดูแลพ่อแม่ไหมนั่นแหละ พ่อแม่ที่พอจะมีกินก็จะไม่คาดหวังให้ลูกต้องดูแล แต่ลูกที่ถูกเลี้ยงมาดีก็พร้อมที่จะข่วยเหลือบางส่วน “โดยที่ไม่ลำบากชีวิตของตัวเองเกินไป”
แต่พ่อแม่บางคนอาจจะเกินไป คิดว่าลูกมีหน้าที่หลักคือการเลี้ยงดูพ่อแม่โดยไม่ต้องใช้ชีวิตของลูกเองเลย แบบนี้มันก็ข้ามเส้นที่พอดีเกินไป
ความคิดเห็นที่ 37
เป็นพ่อคนนะ อ่านที่คุณถามแล้ว สงสัยมากพ่อแม่แบบไหนกันที่พูดกับลูกอย่างนั้น
เลยลองไปอ่านกระทู้เก่าๆคุณดู ชัดเลยครับ คุณพ่อไม่ได้คิดถึงตัวเองหรอกครับ เค้าห่วงคุณมากต่างหาก

แต่ความเป็นพ่อเป็นแม่อ่ะนะ รักลูกแบบไม่มีเงื่อนไข ลูกเป็นผู้ใหญ่แล้ว หมดช่วงวัยสั่งสอนชี้แนะแล้ว ส่วนใหญ่เค้าไม่พูดอะไรตรงๆให้ลูกเสียใจหรอก พ่อแม่ส่วนใหญ่ยอมโกหก ยอมเจ็บ ยอมผิดแทนเพื่อลูกทั้งนั้น

ตอนแรกผมว่าจะไม่ยุ่ง แต่เห็นบางเม้นท์ใส่พ่อคุณยับเลย ผมกลัวคุณเข้าใจพ่อคุณผิด ผมเลยอยากพูดกับคุณแบบตรงไปตรงมาเลยนะ ผมแน่ใจว่าเรื่องที่ผมจะพูด พ่อแม่คุณเห็นชัด แต่ไม่กล้าพูด กลัวคุณเสียใจ

พ่อคุณดูออกครับ ว่าคุณจะทุกข์ทรมานสาหัสครับ ถ้าคุณไปอยู่ต่างประเทศ

สิ่งที่เค้าเห็นในตัวคุณ
- คุณทำอะไรไม่เป็นเลย แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ ดูแลตัวเอง ทำกับข้าว ทำงานบ้าน ขับรถ คุณเคยชินกับการที่มีคนทำอะไรให้ทุกอย่างในชีวิต
- คุณเป็นอินเตอร์เวิร์นแบบร้ายแรง นอกจากคุณไม่ค่อยพูดแล้ว คุณยังเข้ากับใครไม่ค่อยได้
- คุณ 30+ แล้วมีความฝันไปอยู่ต่างประเทศนานแล้ว แต่จนถึงตอนนี้คุณยังไม่ทำแม้แต่เรียนภาษาให้คล่อง

แค่ 3 ข้อข้างบน คุณไปอยู่ในโซนไหนก็ตาม US EU AU หรือแม้แต่จีน บอกเลยครับ นรกดีๆนี่เอง ยิ่งบางสังคมคุณอาจโดนบูลลี่เลยล่ะครับ ความเป็นเอเซี่ยน ความเป็นบราวน์ มันก็ยาก ก็โดดเดี่ยวระดับหนึ่งอยู่แล้ว 3 ข้อข้างบนยิ่งทำให้หนักขึ้นไปอีก มันเป็นชีวิตที่ยากมากๆเลยนะ

ยิ่งแผนคุณคือจะไปต่อโท แล้วหางานทำ คุณก็จะต้องเตรียมตัว ภาษาอันดับแรก หาที่เรียน เข้าเรียนแล้วทำงานพาร์ทไทม์ เรียนจบคุณมีเวลาหางานตามสายอาชีพเป็นกรอบสั้นๆ จากค่าเล่าเรียน ค่ากินอยู่ที่แพงระยับ แล้วคุณต้องทำในสภาพที่ใช้ภาษาที่สอง โดยตัวคนเดียว ทุกอย่าง

ตอนนี้การเป็นพลเมืองไม่ได้ง่ายแล้ว เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก กลุ่มประเทศที่ 1 นี่เค้าตกหนักกว่าเราเยอะ คนเขายังตกงาน คนไร้บ้านเกลื่อนเมือง แต่คู่แข่งพวกคนเกาหลี อินเดีย เวียตนามนี่เค้าเก่งจริงๆนะ เก่งแบบเปิดโลกเลย คุณต้องไปแย่งงานกันทำ ถ้าคุณไม่ได้มีสกิลพิเศษอะไรจริงๆมันยากมากครับ ผมว่าพ่อคุณมองตรงนี้ออกแหละแล้วคิดว่าไม่คุ้มเลย ไม่ใช่ไม่คุ้มเงินที่เขาต้องเสียนะครับ แต่ไม่คุ้มกับสิ่งที่ชีวิตคุณต้องเสียไปเลย เค้ากลัวลูกเค้าจะลำบากครับ ต่อให้คุณทำตามแผนคุณทั้งหมดตามฝันจริงๆ ชีวิตคุณอาจไม่ได้ดีอย่างที่คุณหวังไว้ก็ได้

ส่วนตัวไม่อยากไปขัดความฝันใครนะครับ ผมเคยไปทำงาน ไปเที่ยวมาหลายประเทศ ได้อะไรมาเยอะ คือมันก็ได้เห็นทั้งสิ่งดีและไม่ดี แต่นั่นแหละเพราะได้เห็นเองถึงรู้ว่าเมืองไทยมันดี และอยู่ง่ายอยู่สบายกว่าหลายๆที่ในโลกจริงๆ ส่วนตัวเชียร์ทุกคนที่อยากไปให้ได้ไป แต่อย่าลืมคิดต้นทุนกับโอกาสของเรา "ตามจริง" อย่าไปคิดว่าถ้าฉันได้วีซ่าไม่ว่าอะไรก็ตาม ลงเครื่องปุ๊บแล้วทุกๆสิ่งความฝันฉันจะสวยงาม ทุกๆอย่างในประเทศโลกที่หนึ่งมันคือสวรรค์ คุณอาจไปเจอนรกก็ได้ คิดให้ดีให้ละเอียด ให้ถ้วนถี่ ให้เห็นจริงๆอย่าไปฟังใคร หรือฟังกระแสไหนครับ

คหสต ชีวิตที่โน่นมันดิ้นรนกว่าที่ไทยมากนัก คำแนะนำผมคืออย่าไปแค่เพราะไม่ชอบที่นี่ แล้วไปหวังว่าที่นั่นจะดีกว่า ใครที่ไปเพราะเหตุผลนั้น ส่วนใหญ่ไปแล้วจะรีบกลับมาหรือล้มเหลว บางครั้งเราโทษว่าปัญหามาจากการที่เราอยู่ไทย แต่ถ้าความจริงปัญหามาจากตัวเราเองล่ะก็ ไปอยู่ที่โน่นยิ่งหนักครับ

ครอบครัวคุณเป็นคนไทยเชื้อสายจีน มีฐานะ พ่อคุณเป็นนักธุรกิจ ผมว่าพ่อคุณก็รู้จักโลกมีประสบการณ์พอสมควรแหละ อย่าไปติดภาพว่าเค้าเป็นแค่คนแก่ ผมว่าเค้ามองออก แต่บางอย่างเค้าอาจไม่ได้พูดกับคุณตรงๆ พูดถนอมน้ำใจคุณมากกว่า
ความคิดเห็นที่ 28
สำหรับข้อ 3. เราว่าบางทีพ่อแม่อาจจะไม่ได้ต้องการให้ลูกอยู่ใกล้ๆเพื่อปรนนิบัติดูแลพวกท่านเสมอไป  อาจจะแค่คิดถึงและอยากใช้เวลากับลูกมากกว่า ไม่อยากให้เหมารวมมองพ่อแม่ที่ไม่อยากอยู่ห่างลูกในแง่ร้ายว่ามีลูกเพราะอยากให้ลูกมารับใช้ตอนแก่เฒ่าไปซะหมด  เรานึกภาพว่าถ้าตัวเองเป็นแม่คน ก็คงรู้สึกใจหายเหมือนกัน  

อย่างไรก็ตาม ชีวิตคุณ คุณมีสิทธิตัดสินใจเลือกทางเดินของตัวเอง  ถ้ายังอยู่ภายใต้การควบคุมของพ่อแม่ก็จะไม่โตเป็นผู้ใหญ่สักที  ขอแค่ว่าเลือกทางไหน ก็รับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองเลือกให้ดีที่สุดก็พอ
ความคิดเห็นที่ 6
เราเพิ่งมาเรียนต่อ สถานการณ์แตกต่างจาก จขกท. มาก

ทำไมบ้านเราบอกไปแล้วอีก 5 ปีค่อยกลับมานะ เราอุตส่าห์บอกว่า เรียนจบเดี๋ยวจะกลับมาเที่ยวนะ ที่บ้านบอก ไม่ต้องมา 55555555

เพี้ยนเพลีย

ตอบข้อ 1. เรามองว่าทำงานได้เงิน เหนื่อยคุ้มนะ จริงอยู่ค่าใช้จ่ายสูงแต่ถ้าบริหารดี ๆ คืออยู่ได้เลย มีเหลือเก็บด้วย
สมมติเราทำงานพาททามวีคนึงได้ 150 บาท เราซื้ออาหารเข้าบ้านวีคละ 20 บาท (ทำกับข้าวกินเอง) อยู่ได้เป็นอาทิตย์เลย บ้านก็หาอยู่ที่ไม่แพงมาก แชร์กันก็ได้ ช่วยเซฟได้เยอะ ขึ้นอยู่กับเราเลือกนะ ถ้าทำงานฟูลทามได้เงินเยอะขึ้นค่อยขยับขยายเอา

ตอบ 2-3 การมีสองสัญชาติเรามองว่ามีข้อดีมากกว่าข้อเสีย สิทธิ์ในฝั่งบ้านเขา กับสิทธิ์ในฝั่งบ้านเรา เห็นหลายคนก็ถือสองพาสปอร์ต ไม่มีใครสละสัญชาติอะไรเลยนะ

และการกลับไทยง่ายมาก สายการบินเยอะแยะ ถ้าคิดถึงก็วิดีโอคอลหากัน โทรหากัน เราใช้ซิมที่โทรต่างประเทศ 500 นาทีเดือนนึงโทรกลับบ้านสบาย เหลือ ๆ เลย โทรบ่อยจนที่บ้านบอกว่า ไม่ต้องโทรมาบ่อยก็ได้ 5555

ที่บ้านเราบอกตลอด พวกเขาอยู่ได้สบายมาก ไม่ต้องห่วง ชวนให้มาอยู่ไม่มีใครอยากมาเลยบอกว่าหนาว

เราว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเราค่ะ ถ้าเราสามารถทำให้ที่บ้านสบายใจ เราว่าสิ่งอื่น ๆ พ่อแม่ก็จะได้ไม่ต้องกังวลและกล้าที่จะปล่อยให้เราออกไปเติบโตในโลกกว้าง คงไม่มีใครอยากกักขังลูกไว้กับตัวเองตลอดชีวิตหรอก วันนึงเขาต้องเติบโตในเส้นทางของเขา เราคิดว่าพ่อแม่คงห่วงมากกว่า

เรามาคนเดียว บินเดี่ยว บินยุโรปครั้งแรกด้วย ไม่มีเพื่อน ไม่มีญาติพี่น้องที่ต่างแดนเลย ที่บ้านบอกว่า อยู่ได้ก็อยู่ไป อยู่ไม่ได้ก็กลับมาบ้านเรา แค่นี้เลย สั้น ๆ

ตอนนี้เราทำให้ที่บ้านสบายใจได้มาก ๆ เลยว่าเรามาอยู่สบาย ไม่ลำบาก ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น

เรื่องครอบครัวค่อนข้างละเอียดอ่อน แต่ละครอบครัวก็ต่างกัน จขกท. ต้องคุยกับครอบครัว บอกเหตุผลกับพวกเขาไป การอยู่ต่างแดนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถมนุษย์ ทักษะการเอาตัวรอดต้องสูง ถ้าสามารถทำให้ที่บ้านเชื่อว่า จขกท. อยู่ได้ เราเชื่อว่าพ่อแม่น่าจะเข้าใจและอยากให้จขกท. ออกไปผจญภัยในโลกกว้างค่ะ อย่าเชื่อมากเขาเล่ามา เขาเล่ามา แต่ละคน แต่ละเคส ชีวิตมันไม่เหมือนกันหรอก อยากรู้ต้องลองทำดูซักครั้ง

อมยิ้ม04
ความคิดเห็นที่ 7
บ้านอาเราเป็นชาวนาชาวไร่ค่อนข้ายากจน อยู่ตามมีตามเกิด ไม่เบียดเบียนใครแต่ก็ไม่ได้สบาย ลูกก็ตั้งสามสี่คน
ลูกสาวคนโตเรียนสายอาชีพทำอาหาร ตอนนางเรียนจบ นางฝีมือดีแหละ ครัวสถานทูตสธารณรัฐเช็คเขาติดต่อผ่านสถาบันมา แล้วนางได้รับเลือกไป

นางก็มาปรึกษา เรานี่ดันสุดชีวิตประสบการณ์เอย สวสดิการเอย
สุดท้ายพ่อแม่นางก็ไม่ให้ไป
ได้เป็นครูรับจ้างในโรงเรียนเอกชนเล็กๆอยู่ปี่หนึ่งก็แต่งงานมีลูก แล้ว ก็กัดก้อนเกลือกินต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่