เผยความหมายสีสัน ดอกไม้ และความทรงจำผู้ป่วยอัลไซเมอร์ จาก A Hundred Flowers



เพจผู้ชายคนนั้นจากหนังเรื่องนี้ มีโอกาสได้สัมภาษณ์ ผู้กำกับ เก็งกิ คาวามุระ จากเรื่อง A Hundred Flowers ให้รักพาแม่กลับมา เขาได้เปิดเผยเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังที่น่าสนใจมากมายเกี่ยวกับไอเดียและแรงบันดาลใจในการทำภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ทำให้ทึ่งกับความละเอียดอ่อนของเขา
อยากชวนให้ทุกคนมาทำความรู้จักกับตัวเขาและแนวคิดเรื่องนี้ให้มากขึ้น
 
*** บทความนี้เป็นสัมภาษณ์หลังจากได้ชมภาพยนตร์แล้ว คำถามหลายข้อจึงเหมาะกับการมาอ่านซ้ำหลังจากชมหนัง แต่ถ้าอ่านไปก่อนก็ไม่เป็นการสปอยล์เนื้อหาแต่อย่างใดค่ะ  

A Hundred Flowers ให้รักพาแม่กลับมา เป็นอีกหนึ่งหนังดีจากญี่ปุ่นที่อยากให้ทุกคนได้ดูกัน นอกเหนือจากเนื้อหาที่ร้อยเรียงมาเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์แล้ว การแสดง การกำกับ การนำเสนอภาพก็ผ่านการคิดวิเคราะห์มาอย่างละเอียดละออมาก เลยค่ะ
ชมตัวอย่าง A Hundred Flowers
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

1. ก่อนอื่นเราอยากขอแสดงความยินดีที่ได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจาก San Sebastian International Film Festival ครั้งที่ 70 เราได้อ่านบทสัมภาษณ์ของคุณว่าคุณอุทิศหนังเรื่องนี้ให้กับคุณยายของคุณ คุณพอจะเล่าที่มาของแรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องนี้ได้ไหมคะ 

คุณยายของผมเป็นอัลไซเมอร์จริงๆ ครับ ตอนไปหาแล้วรู้ว่าท่านเป็นก็ช็อคมากๆ เลยไปหาบ่อยๆ เพื่อ ไปเยี่ยมท่าน แล้วก็มีเรื่องน่าสนใจมากมายระหว่างที่ไปหา อย่างเช่นเรื่องที่เคยไปจับปลากันตอนเด็กๆ 
คุณยายบอกว่าจับได้จาก “ทะเลสาบ” แต่ผมก็ไปเถียงยายว่าจับได้จาก “ทะเล” แต่พอกลับบ้านไปเช็คดูในอัลบั้มรูปก็พบว่าเป็นทะเลสาบจริงๆ  ก็เลยได้รู้ว่าแม้คุณยายจะลืม แต่มันก็มีบางส่วนที่ผมเองก็ลืมเหมือนกัน จุดตั้งต้นอยู่ตรงนี้เลยเขียนเป็นนิยายขึ้นมาครับ 


2.เราได้รับชมงานของคุณเก็งกิแล้ว ในฐานะที่เราเองก็เป็นผู้ดูแล แม่ผู้เป็นป่วยโรคสมองเสื่อม อยากจะขอชื่นชมมากๆ ว่า นำเสนออาการออกมาเป็นภาพที่ชัดเจน และถูกต้องมาก  การที่เสนอสิ่งที่ผู้ป่วยติดอยู่ในลูปเวลา ความทรงจำของตัวเองซ้ำ ๆ  คุณได้เจอประสบการณ์นี้มากับตัวเองไหมคะ  หรือทำการรีเสิร์ชข้อมูลอย่างไรถึงออกแบบฉากนี้ได้ 

แน่นอนครับนอกจากคุณยายของผมที่เป็นอัลไซเมอร์ ผมก็รีเสิร์ชหาข้อมูลเพิ่มขึ้น สอบถามกับผู้ป่วยมากกว่า 100 คน คุณยายของผมก็มีทั้งความทรงจำที่ลืมไปบ้าง แต่ที่จำได้แม่นก็มี ซึ่งความทรงจำเหล่านี้มันจะออกมาเป็น Loop วนๆ ซ้ำ ๆ เวลาที่เขาพูดถึงเรื่องที่เขาจำได้มันเหมือนกับดอกไม้ที่เบ่งบาน เพราะท่านจะพูดถึงด้วยความสุข อย่างเช่นเรื่องประสบการณ์ตอนที่อยู่กับลูก ตอนที่กินขนมอันนั้น อันนี้ คือท่านจะเลือกจำแต่เรื่องที่มีความสุขแฮปปี้ ในขณะที่พวกเราบางทีจะนึกถึงอะไรไม่ได้ใช้สมอง เราใช้วิธีจดในมือถือ หรือบางทีกลัวว่ามันจะหายไปเลยเอาไปอัพไว่ในคลาวด์ (cloud) ด้วยเพื่อไม่ให้มันหายไปซึ่งถือว่าเป็นการฝืนนะ เราต้องพยายาม แต่ยายของผมไม่ต้องฝืนไม่ต้องพยายาม ท่านเลือกจำเฉพาะที่เห็นว่ามันจำเป็น หรือเรื่องชอบ ก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าอิจฉาเหมือนกับครับ 

 
3. ชื่อเรื่อง A Hundred Flowers จำนวน 100 สำหรับคุณมีความหมายอย่างไร

 ชื่อเรื่องภาษาญี่ปุ่น  Hyakka 百花 หมายถึง ดอกไม้ร้อยดอก  ในภาษาญี่ปุ่นมันจะมีคำว่า เฮียกกะเรียวรัน 百花繚乱 หมายถึงดอกไม้บานสะพรั่งมากมาย (ฺBloom) ซึ่งการการเบ่งบานนี้หมายถึงการเบ่งบานของดอกไม้ไฟได้ด้วย ซึ่งทั้งดอกไม้และดอกไม้ไฟแม้จะเบ่งบานสวยงามอยู่ในความทรงจำของเรา แต่มันก็มีเวลาเกิดขึ้นและแตกดับไป หายไปได้ ก็เลยดึงจุดนี้มาใช้ในชื่อภาพยนตร์   และจำนวน 100 ในภาษาญี่ปุ่น จะหมายถึงจำนวนมาก ใช้ขยายความถึงจำนวนที่เยอะครับ (เหมือนภาษาไทยคำว่าร้อยแปด ) 



4. เราสังเกตได้ว่าคุณมีการใช้ดอกไม้ในเรื่องหลายครั้ง คุณต้องการสื่อความหมายในเชิงภาษาดอกไม้ไหมคะ 

.
- ดอกทิวลิปสีเหลืองที่อิซึมิให้แม่
ผมอยากให้สีเหลืองเป็นสีที่เแทนความทรงจำ บางอย่างเราจำได้แม่ลืม บางอย่างแม่จำได้เราลืม ซึ่งดอกไม้สีเหลืองนี้จะมาจากดอกไม้ดอกแรกที่อิซึมิให้แม่ เลยเลือกใช้อันนี้มาตลอด 
ส่วนเรื่องทำไมต้องเป็นดอกทิวลิป ไม่ได้มีภาษาดอกไม้อะไรหรอกผมชอบดอกทิวลิปเฉยๆ ครับ
.
***Note: เพิ่มเติม สีเหลืองได้รับการวิจัยว่าเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์ระลึกถึงได้มากที่สุดเนื่องจากทำให้นึกถึงดวงอาทิตย์ที่เห็นทุกวัน จึงเรียกร้องความสนใจได้ดี สีเหลืองเป็นสีที่ให้กำลังใจและทำให้วันสดใสขึ้นได้ การให้ดอกไม้สีเหลืองจึง หมายถึงการส่งความห่วงใย ความสุข สดชื่นต้องการให้คนที่ได้รับรู้สึกดีเหมือนแสดงสว่างของดวงอาทิตย์ 
.
ดอกทิวลิปสีเหลือง 💛คือ สัญลักษณ์ของความสุข ความสดชื่น ความเคารพหรือความภักดี และความชัดเจน เป็นสัญลักษณ์ของรักครั้งแรก ความหมายถึง การตกหลุมรักอย่างหมดหัวใจ  และการปกป้อง
 แต่ดอกทิวลิปสีเหลืองมีความหมายภาษาดอกไม้อีกนัยหนึ่ง ถึงความรักที่ไม่สมหวัง หรือการโดนปฏิเสธ หากได้ดอกทิวลิปสีเหลืองจากใคร หมายถึงเขาคนนั้นเต็มใจดูแลและรักคุณ แต่เขารู้ว่าความรักครั้งนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ รักนี้จึงเป็นแค่ความปรารถนาดี และเป็นรักที่ไม่ลุ่มหลง


-ดอกทานตะวัน ที่คาโอริ ซื้อให้แม่ และยังตั้งชื่อลูกว่าฮินาตะ 
.
เหตุผมที่ผมชอบดอกไม้เพราะว่าดอกไม้สื่อถึงฤดูกาล อย่างดอกทานตะวันแสดงถึงฤดูร้อน ชื่อฮินาตะก็แปลว่าแสงอาทิตย์ และตัวยูริโกะคุณแม่ในเรื่องก็จะแต่งตัวด้วยสีเหลืองเป็นสีประจำตัว 

.
***Note: เพิ่มเติม  ดอกทานตะวัน เป็นดอกไม้ที่แทนสัญลักษณ์ของความเชื่อมั่น ความมั่นคง รักเดียวใจเดียว และมีนัยถึงศิลปะที่งดงาม ถ้าได้รับดอกทานตะวันเหมือนได้รับสารว่า "รักของฉันมั่นคงและภักดีต่อเธอเสมอ ดุจดั่งทานตะวันที่ไม่เคยหันมองผู้ใดนอกจากดวงอาทิตย์"

-ดอกไม้ที่แม่เปลี่ยนแจกันทุกวัน อันนี้ไม่ทราบว่าดอกอะไรขอทราบข้อมูลได้ไหมคะ   
.
เป็นการแนะนำวัฒนธรรมญี่ปุ่นในหนังเรื่องนี้ครับ เพราะคนญี่ปุ่นจะรู้สึกกึงฤดูกาลด้วยดอกไม้
ดอกไม้ที่เห็นเปลี่ยนทุกวัน ๆ ก็จะเป็นดอกไม้ตามฤดูกาลครับไม่ได้เจาะจงอะไร 

.
-ดอกไม้ที่ศูนย์ดูแลผู้ป่วยในห้องแม่ เป็นดอกไม้สีขาว และมีสามดอก 
.
อันนี้น่าจะเป็นดอกคอสมอสนะครับ คุณแม่ไปอยู่โรงพยาบาลแล้ว แกไม่ได้เป็นคนทำเอง เจ้าหน้าที่เป็นคนจัดให้ ปกติแล้วคุณแม่จะจัดดอกเดียว แต่พอเป็นสามดอกเลยแสดงว่าเป็นคนอื่นทำ 

.
***Note: เพิ่มเติม ดอกคอสมอส  เป็นดอกไม้แห่งความสงบ ในสมัยโบราณเชื่อว่าดอกคอสมอสเป็นดอกไม้สิริมงคลแก่คนเกิดวันอาทิตย์ ส่วนบางตำราก็บอกว่าดอกคอสมอส หมายถึง ความสันติสุข ความตั้งใจ ความบริสุทธิ์ใจของหญิงสาว และสำหรับชาวญี่ปุ่น ดอกคอสมอสหรือดอกดาวกระจาย มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ดอกคอสมอสมีรูปร่างเหมือนซากุระ ดังนั้นชื่อของดอกคอสมอส(秋桜)ในตัวอักษรคันจิของญี่ปุ่นจึงมีความหมายว่า ซากุระแห่งฤดูใบไม้ร่วง และยังหมายถึงเด็กสาวที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาอีกด้วย

คอสมอสสีขาวคือ "ความสง่างาม" และ "สวยงาม" ภาษาดอกไม้ของ คอสมอสคือ "จุดจบของความรัก"


5.สีต่างๆ ในเรื่องนี้คุณใช้ในการสื่อความหมายแทนตัวละคร ช่วยขยายความเรื่องสีในเรื่องหน่อยค่ะ 
-สีเหลืองที่คุณใช้ตั้งแต่หน้าปกฉบับนิยาย จนมาถึงใช้เป็นสีประจำตัวยูริโกะ
ลองสังเกตดูนะตอนสาวๆ จะใส่เสื้อผ้าสีเหลืองสด พอเริ่มความจำเสื่อมก็จะอ่อนลงมา พอตอนสุดท้ายที่ป่วยอยู่โรงพยาบาลก็จะกลายเป็นสีขาว ฉากที่เล่นเปียโนคือใส่ชุดขาวเลย สีเหลืองความเข้มของมันก็เปรียบได้กับความทรงจำนั่นเอง

-สีน้ำเงิน- ม่วงแดง ของอิซึมิ
เป็นสีที่อยู่ตรงกันข้ามกับคุณแม่ เปรียบเทียบว่าเป็นคนที่ต่างกันสุดขั้วเลย เข้ากันไม่ได้ แต่ตามคู่สี Color Chart สองสีนี้ถ้ามาผสมรวมกันจะเกิดเป็นสีที่สวยมาก ก็เปรียบเทียบกับความสัมพันธ์ของแม่กับลูกที่ต่างกัน แต่ถ้าพวกเขามาอยู่รวมกันได้ก็จะได้สีที่สวยงามที่สุด 

-สีแดงโทนเบส และสีแดงของ คาโอริ 
-สีเทา ของ ฮาซาเบะซัง  ชุดสีเทารถไฟฮันคิว และของขวัญสีเทา 

สีของตัวละครมีความหมายแฝงไว้ทั้งหมดเลยครับ ถ้าไม่บอกก็อาจจะนึกไม่ถึง สีของคาโอริเป็นสีเบส สีเอิร์ธโทน สีแดงบ้างบางครั้งเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นตัวกลางเชื่อมสัมพันธ์ แม่กับลูก 

ฮาซาเบะซังเป็นสีเทา ให้อิมเมจของความเป็นผี เลือนลาง มีความจางๆ ไม่ชัดเจน เพราะการกระทำท่าทางของเขาก็ไม่ชัดเจนว่ามีอยู่จริงหรือไม่จริง เพราะเขาไม่ได้มีตัวตนจริงๆ ในหนังแต่เขามาจากเรื่องเล่าจากเขามาจากเรื่องเล่าประสบการณ์ของแม่ในไดอารี่  

-เพื่อนแม่ที่โกเบ เป็นสีแดงเลยเพื่อแสดงออกถึงความแพรวพราว
คนที่ทำงานในบริษัท จะใช้เสื้อสีขาวหรือสีชมพูเข้มๆเพื่อสร้างแคแร็คเตอร์  
พวกลุงป้าคนไข้คนอื่น ใส่สีขาว เหมือนคนที่ความทรงจำหมดแล้ว

6. ในเรื่องนี้มีฉากที่มีรถไฟอยู่ เช่น Hankyū Kōbe Main Line ที่ฮาซาเบะซังพูดถึง
รถไฟ  และ รถไฟ Moha モハ สีเหลืองที่ยูริโกะ ขึ้น ส่วนตัวคุณเป็นแฟนคลับคนรักรถไฟรึเปล่า 
สีที่เลือกใช้รถไฟสองสายนี้เกี่ยวกับตัวละครไหม

ผมมีคอนเซ็ปของสีอยู่  มันเป็นความบังเอิญด้วยครับ ผมไม่สามารถเปลี่ยนสีรถไฟได้ แต่โลเคชั่นที่เลือกใช้ มีรถไฟสีนั้นนั้นอยู่แล้ว ครับ ส่วนตัวผมไม่ได้เป็นแฟนรถไฟอะไรขนาดนั้นครับ ไม่ได้มีความหมายสื่ออะไรเป็นพิเศษ 
  

7.แผ่นดินไหวใหญ่ฮันชิน ค.ศ. 1995 มีส่วนสำคัญกับเรื่องราวนี้ด้วย คุณคิดอย่างไรถึงเลือกเหตุการณ์นี้มาเสนอ 

แผ่นดินไหวเป็นส่วนสำคัญของวิถีชีวิตคนญี่ปุ่น  เพราะที่นี่เกิดขึ้นบ่อยมากตัวผมเองก็เคยเจอ
แผ่นดินไหวเป็นเหตุการณ์ที่สามารถชี้เป็นชี้ตายได้เลย และเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้คนได้รู่ว่าอะไรคือสิ่งสำคัญในชีวิตจริงๆ ซึ่งตัวผมเองมีเพื่อนที่เป็นเหมือนตัวละครยูริโกะในเรื่องเลย หนีตามชู้ไป แต่พอแผ่นดินไหวแล้ว ตัดสินใจกลับมาบ้าน ถ้าไม่ใกล้ตายก้ไม่รู้ว่าอะไรสำคัญ (ภาษาไทยไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา) 

8.คุณเคยกล่าวเอาไว่ว่าตอนเขียนเรื่องนี้ไม่ได้คิดเลยว่าจะเอามาทำเป็นภาพยนตร์ และยากที่จะนำนิยายมาทำเป็นหนัง แล้วอะไรคือสาเหตุที่คุณคิดจะทำเรื่องนี้ และเป็นผลงานการกำกับครั้งแรกของคุณอีกด้วย 

ผมเคยคิดว่านิยายที่ตัวเองเขียนจะไม่เอามาทำเป็นหนังเพราะคิดว่าสิ่งที่จิตนาการเป็นตัวหนังสือน่าจะถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์ได้ยาก  พอดีเมื่อ 4 ปีที่แล้วผมนำหนังสั้นที่ผมร่วมกำกับชื่อเรื่อง Duality ไปฉายที่ เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ (เข้าชิงรางวัล Short Film Palme d'or กำกับร่วมกับ ซาโต้มาซาฮิโกะ) แล้วผมได้เห็นว่าเทคนิคในการเล่าของเรื่องนั้น น่าจะเอามาปรับใช้กับหนังเรื่องนี้

เรื่อง Duality เป็นหนังสั้นความยาว 14 นาที เล่าเรื่องของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าพ่อของเขาคือใครแม่เขาก็ไม่ยอมบอกออกมาตรงๆ แต่เลือกที่จะพาเดินทางไปในที่ต่างๆ เพื่อให้เขาตัดสินใจว่าจะไปพบพ่อหรือไม่  ระหว่างเดินทางพวกเขาก็ได้เจอกับทางเลือกต่าง ๆในชีวิต หนังไม่เปิดเผยถึงผลลัพธ์ว่าเลือกอะไร แต่แสดงให้เห็นเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งเมื่อเลือกสิ่งนั้นไป
 
ข่อมูลเกี่ยวกับ Duality : Duality 

9. หนังเรื่องนี้โดดเด่นในการใช้การถ่ายทำแบบ หนึ่งซีน = หนึ่งคัต ทำไมคุณถึงเลือกถ่ายแบบนี้ มีความท้าทายในการถ่ายทำอย่างไรบ้าง คุณช่วยขยายความของความหมายในการนำเสนอความทรงจำในรูปแบบนี้ได้ไหม

ที่เลือกถ่ายแบบนี้เพราะมันทำให้สื่อถึงชีวิตจริงๆ ได้อย่างเช่นตอนที่เรากำลังสัมภาษณ์กันอยู่ ผมอาจจะนึกถึงผัดไทที่ได้กินไปเมื่อวานแล้วก็ได้ สามารถเชื่อมโยงอดีตและปัจจุบันมาเสนอในเรื่องได้แบบขนานกันไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่