ส่องดวงเมืองผ่านดวงดาว 2566 (ตอนที่ 3)
ดาวพฤหัสบดี (5) ในราศีเมษ
ดาวพฤหัสบดี (5) ประธานดาวศุภเคราะห์ เป็นดาวที่คอยคุ้มครองชะตาบ้านเมืองให้มีความเจริญรุ่งเรืองสงบสันติ มีความเจริญก้าวหน้า ความเพิ่มพูนของโภคทรัพย์ แต่ถ้าดาวพฤหัสบดีถูกเบียนจากดาวบาปเคราะห์อย่างรุนแรงหรือตกอยู่ในเกณฑ์ร้าย จะทำให้เกิดความเสียหายแก่สิ่งที่กล่าวมา ในโหราศาสตร์ชะตาบ้านเมืองได้ให้ความหมายดาวพฤหัสบดีไว้ว่าหมายถึง นักบวช ผู้เป็นใหญ่ในวงการศาสนา สถานที่สำคัญทางศาสนา ผู้พิพากษา ครู อาจารย์ นายธนาคาร แพทย์ นักกฎหมาย ที่ปรึกษา เหรัญญิก ผู้ก่อตั้งธุรกิจ บุคคลที่มีทรัพย์อันอิสระ ฯ
นอกจากนี้ ยังมีความหมายถึง โครงการขนาดใหญ่ที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ซึ่งจะต้องทำโดยการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือกับรัฐบาลต่างชาติ ดาวพฤหัสบดีมีคุณสมบัติของการขยายตัว การฉวยโอกาส ความเที่ยงธรรม การบุกเบิก ความก้าวหน้า การพัฒนาอย่างต่อไป เรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย และยังหมายถึงการค้าเสรีที่ไม่ต้องมีการควบคุม ลัทธิเสรีนิยม ผลประโยชน์และความช่วยเหลือจากต่างประเทศ ฯลฯ
ในช่วงต้นปีดาวพฤหัสบดีอยู่ในราศีมีน ในลักษณะโคจรอย่างรวดเร็ว (เสริด) ตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. 2566เป็นต้นไปและยกเข้าสู่ราศีเมษในเวลา 21.02 น. ของวันที่ 19 เม.ย. 2566 จนกระทั่งวันที่ 18 มิ.ย. 2566 จึงกลับมาโคจรในอัตราความเร็วปกติ และจะมีการโคจรพักร์องศา (เดินถอยหลัง) ในราศีเมษ ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. 2566 – 8 ม.ค. 2567 ดาวพฤหัสบดี (5) จะโคจรอยู่ในราศีเมษจนถึงวันที่ 30 เม.ย. 2567 จึงย้ายราศีพฤษภ
เมื่อดาวพฤหัสฯ โคจรเข้าสู่ราศีเมษโดยมีวิถีโคจรสวนทางกับราหู (8) จึงเกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างเทพและมาร ขณะที่ดาวเสาร์ (7) ได้ยกเข้าราศีกุมภ์ตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค. ส่งกำลังด้วยเกณฑ์พิเศษ (ฤทธิโยค) ถึงราหูคู่มหามิตรอย่างเต็มที่ และมีดาวมฤตยู (๐) เจ้าแห่งภัยอาเพศในราศีพฤษภเป็นศูนยพาหะ ดาวพฤหัสบดี (5) จึงตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของดาวบาปเคราะห์ร้ายแรงถึงสามดวง อุปมาดั่งราชครูในหมู่โจร แม้ว่าพฤหัสบดีจะเป็นประธานแห่งดาวศุภเคราะห์ แต่เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้จะทำอะไรก็ไม่สะดวกนัก ทั้งฝ่ายเทพและมารได้แต่ตรึงกำลังกันไว้
สถานการณ์ดังกล่าวส่อไปถึงความตึงเครียดในทางการเมืองและสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนที่จะถูกแบ่งแยกออกเป็นหลายฝ่าย โดยเฉพาะในประเด็นด้านการเมืองซึ่งเป็นช่วงที่อยู่ในระหว่างการหาเสียงของนักการเมืองเพื่อช่วงชิงความนิยมจากประชาชน อย่างไรก็ดี เมื่อดาวพฤหัสบดี (5) เข้ากุมลัคนาเมืองและมีดาวอาทิตย์ (๑) คู่มหามิตรเป็นจุดตั้งรับในพื้นดวงเมืองเช่นนี้ ก็ยังพอเชื่อได้ว่าสถานการณ์ความขัดแย้งในบ้านเมืองจะไม่เกิดความรุนแรงจนถึงขั้นจะต้องใช้กำลังเข้าปะทะกัน แต่อาจจะมีเรื่องฟ้องร้องเป็นคดีความขึ้นโรงขึ้นศาลกันมาก และมีการต่อรองของผู้เล่นทางการเมืองในเรื่องผลประโยชน์เป็นอันมาก
ดาวพฤหัสบดี (5) มีความหมายถึง โครงการขนาดใหญ่ที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ซึ่งจะต้องทำโดยการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือกับรัฐบาลต่างชาติ มาโคจรร่วมกับราหู (8) เจ้าเรือนลาภะ และได้รับอิทธิพลจากดาวเสาร์ (7) เจ้าเรือนกัมมะ ซึ่งเข้ามาสถิตในราศีกุมภ์ ภพลาภะของดวงเมือง พยากรณ์ว่า รัฐบาลจะมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลหลายโครงการ โดยเฉพาะด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเตรียมความพร้อมในการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมยุคใหม่ของประเทศ ซึ่งบางโครงการก็เป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากที่เคยทำมาแล้ว และบางอย่างก็เป็นโครงการใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการจ้างงานมากขึ้นและเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ดาวพฤหสบดี (5) กับดาวเสาร์ (7) นั้นได้ชื่อว่าเป็นคู่ดาวแห่งวิวัฒนาการ คู่ดาวแห่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ ทำให้ในระยะแรกจึงต้องมีความขัดแย้ง มีคนไม่เห็นด้วย เกิดการคัดค้านการต่อต้านขึ้นในหลายพื้นที่ หลายโครงการ ทว่าชะตาเมืองได้เดินทางผ่านจุดที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่มาแล้วตั้งแตาปี 2563 คือการโคจรมากุมกันของดาวคู่นี้ในราศีธนู นั่นคือจุดกำเนิดของการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย การพัฒนาจึงไม่อาจหยุดยั้งได้
วันที่ 17 ต.ค. 2566 ราหูย้ายเข้าสู่ราศีมีน ภพวินาศของดวงเมือง ขณะที่ดาวมฤตยู (๐) สถิตในราศีพฤษภ เป็นศูนยพาหะแก่ลัคนาเมือง เท่ากับว่าลัคนาเมืองถูกดาวบาปเคราะห์ขนาบหน้าหลังในลักษณะที่มีการเคลื่อนตัวห่างออกไปทุกขณะ โดยมีดาวพฤหัสฯ กุมลัคนาเมืองในราศีเมษ การบริหารงานของรัฐบาลจะเริ่มเดินหน้าได้อย่างสะดวกมากขึ้น แม้จะมีอุปสรรคอยู่เป็นระยะก็สามารถจะแก้ไขไปได้ โดยได้กำลังสนับสนุนจากพระเสาร์ (7) ในราศีกุมภ์ ภพลาภะ โยคหลังดาวพฤหัสบดี (5) และดาวอาทิตย์ (๑) ในพื้นดวงเมือง อันเป็นตำแหน่งของการให้โอกาสแก่ผู้บริหารประเทศ แต่ตัวผู้นำรัฐบาลก็จะถูกโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามอย่างหนักหน่วงต่อเนื่อง
พระเสาร์ (7) ดาวตัวแทนรัฐบาลจะโคจรพักร์องศา (เดินถอยหลัง) ในราศีกุมภ์ตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย. -23 ต.ค. 2566 การบริงานของรัฐบาลจะมีอุปสรรค เกิดความไม่ราบรื่นในการดำเนินตามนโยบายที่ได้วางแผนไว้ เกิดความคิดเห็นไม่ลงรอยกันในหมู่สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่ดาวพฤหัสฯ (5) จะโคจรพักร์องศาวันที่ 29 ส.ค. 2566 – 8 ม.ค. 2567 ในราศีเมษ การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายจะไม่มีความคืบหน้า ต้องมีการทบทวนกันใหม่หรือถูกดองเอาไว้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจเริ่มมีปัญหาหรืออาจเกิดการหดตัวทางเศรษฐกิจ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐเกิดการสะดุดชะงักงัน มีปัญหาบางอย่างที่ต้องมาทบทวนแก้ไขกันใหม่
ดาวพฤหัสบดี (5) สถิตในราศีเมษ ภพตนุของดวงเมือง ซึ่งเป็นเรือนของดาวอังคาร (๓) และดาวพฤหัสฯ ถูกห้อมล้อมด้วยดาวบาปเคราะห์ร้ายแรง ขณะที่สถานการณ์โลกกำลังตึงเครียดด้วยภาวะสงคราม มีโอกาสเป็นไปได้ว่าจะมีการเจรจาโน้มน้าวให้ประเทศไปมีส่วนร่วมในสงคราม หรือถูกกดดันให้มีการเลือกข้างระหว่างคู่ขัดแย้งในสงครามนั้น อย่างไรก็ดี เชื่อได้ว่าผู้นำ ผู้มีอำนาจทั้งหลายจะนำพาประเทศให้รอดพ้นจากสถานการณ์ที่ยากลำบากได้อย่างแน่นอน
ส่องดวงเมืองผ่านดวงดาว 2566 (ตอนที่ 3) โดย พล พยากรณ์
ดาวพฤหัสบดี (5) ในราศีเมษ
นอกจากนี้ ยังมีความหมายถึง โครงการขนาดใหญ่ที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ซึ่งจะต้องทำโดยการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือกับรัฐบาลต่างชาติ ดาวพฤหัสบดีมีคุณสมบัติของการขยายตัว การฉวยโอกาส ความเที่ยงธรรม การบุกเบิก ความก้าวหน้า การพัฒนาอย่างต่อไป เรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย และยังหมายถึงการค้าเสรีที่ไม่ต้องมีการควบคุม ลัทธิเสรีนิยม ผลประโยชน์และความช่วยเหลือจากต่างประเทศ ฯลฯ
ในช่วงต้นปีดาวพฤหัสบดีอยู่ในราศีมีน ในลักษณะโคจรอย่างรวดเร็ว (เสริด) ตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. 2566เป็นต้นไปและยกเข้าสู่ราศีเมษในเวลา 21.02 น. ของวันที่ 19 เม.ย. 2566 จนกระทั่งวันที่ 18 มิ.ย. 2566 จึงกลับมาโคจรในอัตราความเร็วปกติ และจะมีการโคจรพักร์องศา (เดินถอยหลัง) ในราศีเมษ ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. 2566 – 8 ม.ค. 2567 ดาวพฤหัสบดี (5) จะโคจรอยู่ในราศีเมษจนถึงวันที่ 30 เม.ย. 2567 จึงย้ายราศีพฤษภ
เมื่อดาวพฤหัสฯ โคจรเข้าสู่ราศีเมษโดยมีวิถีโคจรสวนทางกับราหู (8) จึงเกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างเทพและมาร ขณะที่ดาวเสาร์ (7) ได้ยกเข้าราศีกุมภ์ตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค. ส่งกำลังด้วยเกณฑ์พิเศษ (ฤทธิโยค) ถึงราหูคู่มหามิตรอย่างเต็มที่ และมีดาวมฤตยู (๐) เจ้าแห่งภัยอาเพศในราศีพฤษภเป็นศูนยพาหะ ดาวพฤหัสบดี (5) จึงตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของดาวบาปเคราะห์ร้ายแรงถึงสามดวง อุปมาดั่งราชครูในหมู่โจร แม้ว่าพฤหัสบดีจะเป็นประธานแห่งดาวศุภเคราะห์ แต่เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้จะทำอะไรก็ไม่สะดวกนัก ทั้งฝ่ายเทพและมารได้แต่ตรึงกำลังกันไว้
สถานการณ์ดังกล่าวส่อไปถึงความตึงเครียดในทางการเมืองและสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนที่จะถูกแบ่งแยกออกเป็นหลายฝ่าย โดยเฉพาะในประเด็นด้านการเมืองซึ่งเป็นช่วงที่อยู่ในระหว่างการหาเสียงของนักการเมืองเพื่อช่วงชิงความนิยมจากประชาชน อย่างไรก็ดี เมื่อดาวพฤหัสบดี (5) เข้ากุมลัคนาเมืองและมีดาวอาทิตย์ (๑) คู่มหามิตรเป็นจุดตั้งรับในพื้นดวงเมืองเช่นนี้ ก็ยังพอเชื่อได้ว่าสถานการณ์ความขัดแย้งในบ้านเมืองจะไม่เกิดความรุนแรงจนถึงขั้นจะต้องใช้กำลังเข้าปะทะกัน แต่อาจจะมีเรื่องฟ้องร้องเป็นคดีความขึ้นโรงขึ้นศาลกันมาก และมีการต่อรองของผู้เล่นทางการเมืองในเรื่องผลประโยชน์เป็นอันมาก
ดาวพฤหัสบดี (5) มีความหมายถึง โครงการขนาดใหญ่ที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ซึ่งจะต้องทำโดยการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือกับรัฐบาลต่างชาติ มาโคจรร่วมกับราหู (8) เจ้าเรือนลาภะ และได้รับอิทธิพลจากดาวเสาร์ (7) เจ้าเรือนกัมมะ ซึ่งเข้ามาสถิตในราศีกุมภ์ ภพลาภะของดวงเมือง พยากรณ์ว่า รัฐบาลจะมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลหลายโครงการ โดยเฉพาะด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเตรียมความพร้อมในการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมยุคใหม่ของประเทศ ซึ่งบางโครงการก็เป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากที่เคยทำมาแล้ว และบางอย่างก็เป็นโครงการใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการจ้างงานมากขึ้นและเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ดาวพฤหสบดี (5) กับดาวเสาร์ (7) นั้นได้ชื่อว่าเป็นคู่ดาวแห่งวิวัฒนาการ คู่ดาวแห่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ ทำให้ในระยะแรกจึงต้องมีความขัดแย้ง มีคนไม่เห็นด้วย เกิดการคัดค้านการต่อต้านขึ้นในหลายพื้นที่ หลายโครงการ ทว่าชะตาเมืองได้เดินทางผ่านจุดที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่มาแล้วตั้งแตาปี 2563 คือการโคจรมากุมกันของดาวคู่นี้ในราศีธนู นั่นคือจุดกำเนิดของการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย การพัฒนาจึงไม่อาจหยุดยั้งได้
วันที่ 17 ต.ค. 2566 ราหูย้ายเข้าสู่ราศีมีน ภพวินาศของดวงเมือง ขณะที่ดาวมฤตยู (๐) สถิตในราศีพฤษภ เป็นศูนยพาหะแก่ลัคนาเมือง เท่ากับว่าลัคนาเมืองถูกดาวบาปเคราะห์ขนาบหน้าหลังในลักษณะที่มีการเคลื่อนตัวห่างออกไปทุกขณะ โดยมีดาวพฤหัสฯ กุมลัคนาเมืองในราศีเมษ การบริหารงานของรัฐบาลจะเริ่มเดินหน้าได้อย่างสะดวกมากขึ้น แม้จะมีอุปสรรคอยู่เป็นระยะก็สามารถจะแก้ไขไปได้ โดยได้กำลังสนับสนุนจากพระเสาร์ (7) ในราศีกุมภ์ ภพลาภะ โยคหลังดาวพฤหัสบดี (5) และดาวอาทิตย์ (๑) ในพื้นดวงเมือง อันเป็นตำแหน่งของการให้โอกาสแก่ผู้บริหารประเทศ แต่ตัวผู้นำรัฐบาลก็จะถูกโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามอย่างหนักหน่วงต่อเนื่อง
พระเสาร์ (7) ดาวตัวแทนรัฐบาลจะโคจรพักร์องศา (เดินถอยหลัง) ในราศีกุมภ์ตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย. -23 ต.ค. 2566 การบริงานของรัฐบาลจะมีอุปสรรค เกิดความไม่ราบรื่นในการดำเนินตามนโยบายที่ได้วางแผนไว้ เกิดความคิดเห็นไม่ลงรอยกันในหมู่สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่ดาวพฤหัสฯ (5) จะโคจรพักร์องศาวันที่ 29 ส.ค. 2566 – 8 ม.ค. 2567 ในราศีเมษ การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายจะไม่มีความคืบหน้า ต้องมีการทบทวนกันใหม่หรือถูกดองเอาไว้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจเริ่มมีปัญหาหรืออาจเกิดการหดตัวทางเศรษฐกิจ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐเกิดการสะดุดชะงักงัน มีปัญหาบางอย่างที่ต้องมาทบทวนแก้ไขกันใหม่
ดาวพฤหัสบดี (5) สถิตในราศีเมษ ภพตนุของดวงเมือง ซึ่งเป็นเรือนของดาวอังคาร (๓) และดาวพฤหัสฯ ถูกห้อมล้อมด้วยดาวบาปเคราะห์ร้ายแรง ขณะที่สถานการณ์โลกกำลังตึงเครียดด้วยภาวะสงคราม มีโอกาสเป็นไปได้ว่าจะมีการเจรจาโน้มน้าวให้ประเทศไปมีส่วนร่วมในสงคราม หรือถูกกดดันให้มีการเลือกข้างระหว่างคู่ขัดแย้งในสงครามนั้น อย่างไรก็ดี เชื่อได้ว่าผู้นำ ผู้มีอำนาจทั้งหลายจะนำพาประเทศให้รอดพ้นจากสถานการณ์ที่ยากลำบากได้อย่างแน่นอน