เผย เอ็มโอยู ‘กสทช.-กกท.’ ระบุชัด กกท.ต้องดำเนินการให้ ‘ผู้รับใบอนุญาตจาก กสทช.’ ที่อยู่ในกำกับดูแลของ กสทช. ทุกประเภท รวม IPTV ถ่ายทอดสดบอลโลก แต่ กกท.กลับสวนทาง ทำ เอ็มโอยู ‘กกท.-ทรู’ ให้ทรูได้สิทธิผูกขาด (exclusive) ระบุไม่ให้มีการนำสัญญาณถ่ายทอดฟุตบอลโลก เผยแพร่บนระบบ IPTV
บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ระหว่าง กสทช. และ กกท. เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 เป็นการยืนยันว่า กกท. รับทราบเงื่อนไขการรับเงิน 600 ล้านจาก กสทช. โดยในเอ็มโอยูระบุชัดเจนถึงวัตถุประสงค์ของ กสทช. ในการมอบเงินสนับสนุนให้กับ กกท. ที่ว่า ผู้รับใบอนุญาตจาก กสทช. ที่อยู่ในการกำกับดูแลของ กสทช. ทุกประเภท (หมายรวมถึงผู้ประกอบการไอพีทีวี ที่ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. อาทิ AIS 3BB NT เป็นต้น) สามารถถ่ายทอดสดบอลโลกได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ดังปรากฏในเอกสารเอ็มโอยู
ตามเอ็มโอยูระหว่าง กสทช. และ กกท. ข้อ 1.2 และ 2.2 ระบุชัดเจนว่า ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการ ที่อยู่ในการกำกับดูแลของ กสทช. ทุกประเภท ณ ทีนี้ หมายรวมถึง ระบบโทรทัศน์ภาคพื้นดิน (Terrestrial Transmission), ระบบดาวเทียม (Satellite Transmission), ระบบเคเบิ้ล Cable Transmission) และระบบไอพีทีวี (IPTV Transmission) สามารถถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2022 (รอบสุดท้าย) ได้โดยชอบด้วยกฎหมายตามกฎ Must carry
ตามข้อ 2.8 และ 2.8 (2) กกท. ตกลง ยินยอม ให้ผู้รับใบอนุญาตภายใต้กำกับของ กสทช. ได้สิทธิในการแพร่ภาพแพร่เสียงการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2022 แบบไม่จำกัดจำนวนการรับส่งสัญญาณผ่านช่องทางและระบบ หรือรูปแบบการออกอากาศ ตลอดระยะเวลาที่กำหนด ตาม ข้อ 2.8 (2) ซึ่งหาก กกท. สละซึ่งสิทธิใดๆ ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น จะไม่มีผลกระทบต่อสิทธิของสำนักงาน กสทช. และผู้ที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด โดย กกท. จะดำเนินการเพื่อให้สำนักงาน กสทช.และผู้ที่เกี่ยวข้องยังคงได้รับหรือสามารถใช้สิทธิดังกล่าวได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
อีกทั้ง กกท. จะดำเนินงานตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมาย ประกาศหลักเกณฑ์ และระเบียบที่ กสทช. กำหนด รวมถึงมติที่ประชุม กสทช. ที่เกี่ยวข้องที่มีอยู่และที่จะมีต่อไปในภายหน้า ตามระบุในเอ็มโอยูข้อ 2.10
นอกจากนี้ เอ็มโอยู ข้อ 8.1 ยังระบุชัดเจน เรื่องการเรียกคืนเงิน 600 ล้าน หาก กกท. ไม่สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดในบันทึกข้อตกลงนี้ สำนักงาน กสทช. ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการสนับสนุนค่าใช้จ่าย รวมถึงมีสิทธิเรียกคืนเงินใดๆ ที่ได้สนับสนุนไปแล้วคืนจาก กกท. โดย กกท.จะต้องชำระคืนภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง
การที่ผู้ประกอบไอพีทีวีทุกรายที่ได้รับใบนุญาตจาก กสทช. ตัองจอดำ จึงไม่เป็นไปตาม ‘กฎมัสต์แครี่’ ที่เป็นเจตนารมณ์ของ กสทช. ในการสนับสนุนงบ 600 ล้าน ที่ต้องการให้คนไทยดูฟรีทีวีได้ทุกช่องทาง จึงเป็นเหตุให้ กสทช. จะเรียกเงินคืนทั้งหมด 600 ล้านจาก กกท.
---------------------
เมื่อวานนี้ (2 ธ.ค.) นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา อดีตคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน เปิดเผยในรายการเจาะข่าวเช้านี้ สถานีวิทยุจุฬา ถึงกรณี กสทช. แจ้งเรียกคืนเงินสนับสนุนค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 จำนวน 600 ล้านบาท จากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ภายใน 15 วัน นับแต่ได้รับแจ้งเป็นหนังสือ โดยจะต้องทำตามกฎของ กสทช.อย่างเข้มงวด
ขณะเดียวกัน หากเป็นการถ่ายทอดสดผ่านระบบทีวีดิจิทัล จะมีกฎมัสต์แครี่ว่า เนื้อหาในทีวีดิจิทัล ต้องออกอากาศครบทุกช่องทาง เพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึง เนื่องจากปัจจุบันคนไทยมีการรับชมผ่านเสาอากาศอยู่ 50% อีก 50% รับชมผ่านดาวเทียม เคเบิลทีวี และกล่องไอพีทีวี ดังนั้น หากจะรับชมได้เฉพาะทีวีดิจิทัลที่ต้องมีเสาอากาศ หรือมีหนวดกุ้ง จะส่งผลให้ประชาชนอีกครึ่งประเทศ โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ที่ใช้จานดาวเทียมไม่สามารถรับชมได้
กสทช.จึงมีการกำชับว่า ต้องสามารถรับชมได้ทุกช่องทาง
จากนั้น กกท.ได้เซ็นรับทราบบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) แต่เนื่องจากไม่สามารถหาเงินสนับสนุนได้ครบ จึงมีเอกชนรายหนึ่งเข้ามาเจรจา เพื่อขอสนับสนุนเงิน จำนวน 300 ล้านบาท แต่ กกท.ดันไปมอบสิทธิแต่เพียงผู้เดียว หรือสิทธิผูกขาด ทั้งดาวเทียม เคเบิลทีวี มือถือ ไอพีทีวี และโอทีที ด้วย ดังนั้น จึงแปลว่า หากเอกชนรายนี้ไม่อนุญาตให้ถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียมได้ ทำให้เกิดการจอดำทั่วประเทศ
แต่ขณะนี้ กกท.ยังไม่เพิกถอน และหลงประเด็นว่า ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯคุ้มครองอยู่ ซึ่งไม่เกี่ยว เพราะการเพิกถอนสิทธิผูกขาดกับเอกชนไม่ละเมิดคำสั่งศาล และจะทำให้คดีนี้จบทันที แต่ถ้า กทท.ไม่เพิกถอน ก็เป็นไปได้ว่าขัดต่อวัตถุประสงค์ของเอ็มโอยู จึงต้องคืนเงิน 600 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 15% ภายใน 15 วัน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ กกท.ยังไม่มีหนังสือตอบกลับมา แต่เท่าที่ทราบจากสื่อ กกท.ขอให้ กสทช. รอศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ก่อน ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน เพราะส่วนแรกส่วน คือ สิทธิในการถ่ายทอดสด ซึ่งก่อตั้งโดยกฎของกองทุน กทปส. ส่วนที่ 2 สำหรับศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ เป็นสิทธิที่ กกท.มอบให้กับเอกชน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับ กสทช. แต่บังเอิญว่าสิทธิที่มอบ ขัดกับวัตถุประสงค์ของเอ็มโอยู จึงขอสงวนสิทธิ์การสนับสนุนเงินในรอบแรก เพราะเงินสนับสนุน จำนวน 600 ล้านบาท ต้องสามารถรับชมการถ่ายทอดสดได้ทุกช่องทางของผู้ที่ได้รับในอนุญาตจาก กสทช.ดังนั้น จึงจะปิดกั้นไม่ได้
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ :
https://ch3plus.com/news/sport/weeken... -------------------------
CREDIT : จากเพจยูทูป เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ (Morning News Weekend) 3 ธันวาคม 2565
โอมายก๊อชชช.........
P.S. ขอขอบคุณทุกๆ ความคิดเห็น ครับผม
เอาแล้ว จากเรื่องเล่าสรยุทธ "จับโป๊ะ! เอ็มโอยู กกท.-ทรู ไม่ทำตามกฎ กสทช.จี้ต้องแก้ทันที ไม่งั้นยึดคืนเงิน 600 ล้าน"
บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ระหว่าง กสทช. และ กกท. เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 เป็นการยืนยันว่า กกท. รับทราบเงื่อนไขการรับเงิน 600 ล้านจาก กสทช. โดยในเอ็มโอยูระบุชัดเจนถึงวัตถุประสงค์ของ กสทช. ในการมอบเงินสนับสนุนให้กับ กกท. ที่ว่า ผู้รับใบอนุญาตจาก กสทช. ที่อยู่ในการกำกับดูแลของ กสทช. ทุกประเภท (หมายรวมถึงผู้ประกอบการไอพีทีวี ที่ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. อาทิ AIS 3BB NT เป็นต้น) สามารถถ่ายทอดสดบอลโลกได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ดังปรากฏในเอกสารเอ็มโอยู
ตามเอ็มโอยูระหว่าง กสทช. และ กกท. ข้อ 1.2 และ 2.2 ระบุชัดเจนว่า ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการ ที่อยู่ในการกำกับดูแลของ กสทช. ทุกประเภท ณ ทีนี้ หมายรวมถึง ระบบโทรทัศน์ภาคพื้นดิน (Terrestrial Transmission), ระบบดาวเทียม (Satellite Transmission), ระบบเคเบิ้ล Cable Transmission) และระบบไอพีทีวี (IPTV Transmission) สามารถถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2022 (รอบสุดท้าย) ได้โดยชอบด้วยกฎหมายตามกฎ Must carry
ตามข้อ 2.8 และ 2.8 (2) กกท. ตกลง ยินยอม ให้ผู้รับใบอนุญาตภายใต้กำกับของ กสทช. ได้สิทธิในการแพร่ภาพแพร่เสียงการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2022 แบบไม่จำกัดจำนวนการรับส่งสัญญาณผ่านช่องทางและระบบ หรือรูปแบบการออกอากาศ ตลอดระยะเวลาที่กำหนด ตาม ข้อ 2.8 (2) ซึ่งหาก กกท. สละซึ่งสิทธิใดๆ ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น จะไม่มีผลกระทบต่อสิทธิของสำนักงาน กสทช. และผู้ที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด โดย กกท. จะดำเนินการเพื่อให้สำนักงาน กสทช.และผู้ที่เกี่ยวข้องยังคงได้รับหรือสามารถใช้สิทธิดังกล่าวได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
อีกทั้ง กกท. จะดำเนินงานตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมาย ประกาศหลักเกณฑ์ และระเบียบที่ กสทช. กำหนด รวมถึงมติที่ประชุม กสทช. ที่เกี่ยวข้องที่มีอยู่และที่จะมีต่อไปในภายหน้า ตามระบุในเอ็มโอยูข้อ 2.10
นอกจากนี้ เอ็มโอยู ข้อ 8.1 ยังระบุชัดเจน เรื่องการเรียกคืนเงิน 600 ล้าน หาก กกท. ไม่สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดในบันทึกข้อตกลงนี้ สำนักงาน กสทช. ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการสนับสนุนค่าใช้จ่าย รวมถึงมีสิทธิเรียกคืนเงินใดๆ ที่ได้สนับสนุนไปแล้วคืนจาก กกท. โดย กกท.จะต้องชำระคืนภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง
การที่ผู้ประกอบไอพีทีวีทุกรายที่ได้รับใบนุญาตจาก กสทช. ตัองจอดำ จึงไม่เป็นไปตาม ‘กฎมัสต์แครี่’ ที่เป็นเจตนารมณ์ของ กสทช. ในการสนับสนุนงบ 600 ล้าน ที่ต้องการให้คนไทยดูฟรีทีวีได้ทุกช่องทาง จึงเป็นเหตุให้ กสทช. จะเรียกเงินคืนทั้งหมด 600 ล้านจาก กกท.
---------------------
เมื่อวานนี้ (2 ธ.ค.) นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา อดีตคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน เปิดเผยในรายการเจาะข่าวเช้านี้ สถานีวิทยุจุฬา ถึงกรณี กสทช. แจ้งเรียกคืนเงินสนับสนุนค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 จำนวน 600 ล้านบาท จากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ภายใน 15 วัน นับแต่ได้รับแจ้งเป็นหนังสือ โดยจะต้องทำตามกฎของ กสทช.อย่างเข้มงวด
ขณะเดียวกัน หากเป็นการถ่ายทอดสดผ่านระบบทีวีดิจิทัล จะมีกฎมัสต์แครี่ว่า เนื้อหาในทีวีดิจิทัล ต้องออกอากาศครบทุกช่องทาง เพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึง เนื่องจากปัจจุบันคนไทยมีการรับชมผ่านเสาอากาศอยู่ 50% อีก 50% รับชมผ่านดาวเทียม เคเบิลทีวี และกล่องไอพีทีวี ดังนั้น หากจะรับชมได้เฉพาะทีวีดิจิทัลที่ต้องมีเสาอากาศ หรือมีหนวดกุ้ง จะส่งผลให้ประชาชนอีกครึ่งประเทศ โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ที่ใช้จานดาวเทียมไม่สามารถรับชมได้ กสทช.จึงมีการกำชับว่า ต้องสามารถรับชมได้ทุกช่องทาง
จากนั้น กกท.ได้เซ็นรับทราบบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) แต่เนื่องจากไม่สามารถหาเงินสนับสนุนได้ครบ จึงมีเอกชนรายหนึ่งเข้ามาเจรจา เพื่อขอสนับสนุนเงิน จำนวน 300 ล้านบาท แต่ กกท.ดันไปมอบสิทธิแต่เพียงผู้เดียว หรือสิทธิผูกขาด ทั้งดาวเทียม เคเบิลทีวี มือถือ ไอพีทีวี และโอทีที ด้วย ดังนั้น จึงแปลว่า หากเอกชนรายนี้ไม่อนุญาตให้ถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียมได้ ทำให้เกิดการจอดำทั่วประเทศ
แต่ขณะนี้ กกท.ยังไม่เพิกถอน และหลงประเด็นว่า ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯคุ้มครองอยู่ ซึ่งไม่เกี่ยว เพราะการเพิกถอนสิทธิผูกขาดกับเอกชนไม่ละเมิดคำสั่งศาล และจะทำให้คดีนี้จบทันที แต่ถ้า กทท.ไม่เพิกถอน ก็เป็นไปได้ว่าขัดต่อวัตถุประสงค์ของเอ็มโอยู จึงต้องคืนเงิน 600 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 15% ภายใน 15 วัน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ กกท.ยังไม่มีหนังสือตอบกลับมา แต่เท่าที่ทราบจากสื่อ กกท.ขอให้ กสทช. รอศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ก่อน ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน เพราะส่วนแรกส่วน คือ สิทธิในการถ่ายทอดสด ซึ่งก่อตั้งโดยกฎของกองทุน กทปส. ส่วนที่ 2 สำหรับศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ เป็นสิทธิที่ กกท.มอบให้กับเอกชน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับ กสทช. แต่บังเอิญว่าสิทธิที่มอบ ขัดกับวัตถุประสงค์ของเอ็มโอยู จึงขอสงวนสิทธิ์การสนับสนุนเงินในรอบแรก เพราะเงินสนับสนุน จำนวน 600 ล้านบาท ต้องสามารถรับชมการถ่ายทอดสดได้ทุกช่องทางของผู้ที่ได้รับในอนุญาตจาก กสทช.ดังนั้น จึงจะปิดกั้นไม่ได้
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : https://ch3plus.com/news/sport/weeken... -------------------------
CREDIT : จากเพจยูทูป เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ (Morning News Weekend) 3 ธันวาคม 2565
โอมายก๊อชชช.........
P.S. ขอขอบคุณทุกๆ ความคิดเห็น ครับผม