✨🤍✨ เมื่อถูกคนแปลกหน้า มาขอความช่วยเหลือ คุณใช้อะไรเป็นเกณฑ์วัด ว่าเขาเดือดร้อนจริงๆ หรือ เป็นแค่มิจฉาชีพครับ

ผมรู้ครับ ว่าสังคมยุคนี้ คนหลอกลวงกันมากขึ้น  ไม่ได้ซื่อๆจริงใจเหมือนคนสมัยก่อน 

แต่บางที มันก็มีคนที่เดือดร้อนจริงๆ ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ไม่ใช่หรือ ? 

และเราก็ไม่ลำบากเลย ที่จะช่วยเหลือ และการทำบุญทำทานให้คนที่กำลังลำบาก ก็จะได้ผลบุญมาก ผมก็ไม่อยากปฏิเสธ
 เช่น
มีคนเดินมาขอค่ารถเมล์  บอกว่าทำกระเป๋าเงินหาย ขอ 28 บาท ผมให้ไปสี่สิบ 
มีคนมาขอค่าข้าว บอกว่าหิว (ท่าทางจะเป็นคนไร้บ้าน)  ผมให้ไปหกสิบ (เผื่อค่าน้ำให้ด้วย) 

พอมาเล่าให้เพื่อนในกลุ่มฟัง ผมก็ถูกด่าสิคร้าบ 😅

พวกมันบอกว่า ผมน่ะ ไม่ทันคน โง่ ถูกหลอกตลอดเลย 

ก็ผมสงสาร ผมแค่รู้สึกสงสาร ผมรู้แค่นั้น ก็ให้ไป 
มันบอกว่า เพราะมีคนโง่ๆอย่างผมเยอะแยะนี่แหละ มิจฉาชีพมันถึงได้ใจมีเกลื่อนเมืองอย่างทุกวันนี้ 

อ้าวววว ปัญหาสังคม เลยกลายมาเป็นความผิดผม ตามที่ (ไอ้) เพื่อนรัก ยัดข้อหาให้  🥹



ผมเลยสงสัยขึ้นมาว่า ในเมื่อคนเราไม่สามารถรู้วาระน้ำจิตคนอื่น ไม่รู้ว่าใครคิดอย่างไร 
เราจะใช้เกณฑ์อะไรในการดูคน  เราจะรู้ได้ไง ว่าใครมาหลอก ใครลำบากจริง



คุณ มีวิธีตัดสินใจ สำหรับเรื่องเหล่านี้เฉพาะตัวไหมครับ 

คุณที่มีลูก จะสอน ลูกๆ ให้มีน้ำใจต่อคนที่มาขอความช่วยเหลือแบบนี้ หรือ ให้เมินไปเลย เพราะกลัวถูกหลอกลวง 
ไม่เพิ่มการสนับสนุนคนร้าย ให้เป็นภัยสังคม ? 

มาช่วยกันแชร์ความคิดเถิดนะครับ
มาช่วยกันปลอบใจผมหน่อย  ว่าผม หรือ เพื่อน ใครคิดถูก
ถ้าคนส่วนใหญ่เข้าข้างผม ผมจะส่งลิ้งค์ไปให้มันอ่าน 😆 ถ้าคนส่วนใหญ่เข้าข้างมัน ผมจะอ่านเงียบๆคนเดียว 🥹

ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ 🙏🏻
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ผมเคยลองคิดเล่นๆ ว่า
ถ้าวันหนึ่งผมทำกระเป๋าเงินหาย โทรศัพท์หาย ไม่มีเงินติดตัวสักบาท
ผมจะทำอย่างไร

ผมจะเดินดื้อๆ ไปขอเงินคนที่ไม่รู้จัก เจอใครก็ขอมันดื้อๆ เหรอ  
ผมไม่ทำแน่นอน

นั่งขอทานริมทาง รอให้คนใจดีโยนเงินมาให้ในกระป๋องที่วางไว้เหรอ
ผมไม่ทำแน่นอน

สิ่งที่ผมจะทำ จะมีอยู่ 2 ทาง
1 เดินไปสถานีตำรวจ ไปลงบันทึกประจำวันว่าเอกสาร หรือ ขออะไรที่หายไปบ้าง
จากนั้นก็ขอยืมโทรศัพท์ไปหาคนรู้จัก หรือ ญาติ พี่น้อง ให้เขาโอนเงินมาให้ตำรวจ
แล้วให้ตำรวจกดเงินให้เราต่ออีกที

หรือ ถ้าแย่ว่านั้น ไปสถานีตำรวจไม่ได้
ผมก็จะเดินไปร้ายที่ขายอาหาร ก็บอกเขาไปตรงๆ ว่าผมทำกระเป๋าเงินหาย โทรศัพท์หาย หรือผมติดต่อใครไม่ได้เลย
ไม่ทราบว่า มีงานอะไรให้ผมทำเพื่อแลกกับเงินให้พอที่ผมกลับบ้านไหม

และสุดท้ายไม่ว่าผมจะได้เงินจากใคร
ผมจะขอชื่อ และ เบอร์โทรของเขา
เพื่อที่ว่า ผมจะเอากระเช้าของขวัญมาขอบคุณอย่างเป็นทางการในวันข้างหน้า
ความคิดเห็นที่ 1
ถ้าเราอยากจะทำทาน แล้วไม่เดือดร้อนเงินในกระเป๋า ก็ทำไปเถอะ แม้บางครั้งจะโดนหลอกเพราะเดาจิตใจคนไม่ออก ถ้าไม่อยากรับฟังคำหัวเราะเย้นหยัน ก็ไม่ต้องพูดให้ใครฟังค่ะ
ความคิดเห็นที่ 17
ถ้าเดินดุ่มๆมาขอเงินจะไม่ให้ค่ะ แต่จะเสนอพาไปหาตำรวจทุกครั้ง แล้วก็จะโดนปฏิเสธทุกครั้งพร้อมกับหนีไปเลย แต่เคยมีเคสมาขอข้าวกิน เราก็สั่งข้าวให้เขา เขากินเสร็จ ขอบคุณแล้วเขาก็ไป เราว่าแบบนี้โอเคเลย

ส่วนตัวเราไม่ค่อยชอบความคิดว่า ทำๆไปเถอะ ผู้รับจะเอาไปทำไรก็เรื่องของเขา ถ้าเรามีเจตนาดีเราก็จะได้บุญ มันทำให้เราคิดกลับกันเลย เคร ให้เงินขอทานเด็กเพราะหวังจะให้เด็กมีกิน แต่ความจริงเด็กยิ่งถูกบังคับให้ขอทานหนักขึ้น ถ้าคุณปล่อยปลา เพราะหวังให้มันมีชีวิตต่อไป แต่ดันไปปล่อยโซนนักล่า แล้วมันก็โดนจับกินตรงนั้น ปล่อยเต่าบกในน้ำให้มันจมน้ำตายแถวนั่น เนื่องจากแยกไม่ออกว่ามันเป็นเต่าบกที่ว่ายน้ำไม่เก่ง คือเห็นเป็นเต่าก็ปล่อยเลย หรือปล่อยปลาบางชนิดแล้วมันก็กลายเป็น alien species ทำลายระบบนิเวศน์บริเวณนั้น ยังมีอีกหลายเคสที่เป็นแบบนี้ เรารู้สึกเหมือนพวกนี้เอาแต่บอกว่า ก็ชั้นเจตนาดีและชั้นไม่รุ้ ชั้นจึงไม่ผิด (แต่ผลที่เกิดวอดวายไปถึงไหนแล้ว ตรงนี้ไม่ยักกะมีสำนึกของความรับผิดชอบกันแฮะ)

คือก็เข้าใจเรื่องเจตนาดี แต่ช่วยหาความรุ้ใส่ตัวประกอบด้วย อย่างน้อย ต้องฝึกตั้งคำถามทุกครั้ง การให้ครั้งนี้ "ได้กุศลจริงหรือไม่" เผื่อจะได้ช่วยลดโอกาสความวอดวายทางอ้อมลงบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้วอดวายเพราะความไม่รุ้แล้วยังคิดว่าตัวเองทำดีแล้ว แล้วก็ยืนกรานจะทำแบบนี้ต่อไปอีก เราว่าพวกนี้ไม่โอเคเลยค่ะ

จริงๆมันก็ dilemma อะนะ เดี๋ยวก็จะมีพวกมาบอกว่า งั้นก็ไม่ต้องทำดีอะไร เพราะใครจะไปรู้ว่า สิ่งที่ทำจะส่งผลเสียอะไรแค่ไหน การทำๆไปเถอะ โอกาสผุ้รับได้ประโยชน์มันเยอะกว่า(?)  เราก็คงจนปัญญาที่จะบอกว่า ก็ขยันหาข้อมูลสิ อ่านเยอะๆ ตามข่าวเยอะๆ แลกเปลี่ยนข้อมูลกับเพื่อนฝูงเยอะ คือไม่ได้จะให้ลดเป็น 0 แต่ขอให้มันค่อยๆไปในแนวทางที่ดีขึ้นได้ไหม แต่ถ้าดึงดันว่าตัวเองจะทำๆ ไม่สนไรทั้งนั้น ชั้นเป็นคนดี มีเจตนาดี ก็คงทำไรไม่ได้ล่ะค่ะ ก็ตามแต่วิจารณญาณของแต่ละท่านเลย
ความคิดเห็นที่ 2
การทำบุญได้บุญมากน้อยขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ของจิต
หากพิจารณาแล้วว่าสิ่งที่เราทำเป็นสิ่งที่ดี ช่วยเหลือผู้อื่น มิใช่การทำบาป
ก็ทำเลย ยิ่งคิดมากกังวลด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ ก็ยิ่งได้บุญน้อยลง

ส่วนคนที่มาหลอกก็จะได้รับผลแห่งกรรมนั้น นั่นเป็นเรื่องของเขามิใช่เรื่องของเรา

เว้นแต่ว่ารู้ว่าเขาหลอกแต่แกล้งทำเป็นรู้ไม่ทัน อันนี้ถึงจะเห็นชัดว่า
เป็นการสนับสนุนและควรถูกตำหนิ

มีคนไม่น้อยต้องเดินทางไปทำบุญที่วัด หมู่บ้านห่างไกลความเจริญ
แต่นี่มีคนมาขอให้เราช่วยถึงที่ และเราสามารถช่วยได้ ถือเป็นเรื่องดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่