แชร์ประสบการณ์ โดนมิจฉาชีพหลอกขอความช่วยเหลือ พล็อตเรื่องเก่าๆ แต่ก็ยังโดนหลอก

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับ
ผมมีประสบการณ์โดนมิจฉาชีพหลอกเอาเงินด้วยพล็อตเรื่องเก่า(ทราบจากอากู๋ภายหลัง) แต่ก็ยังใช้ได้ (กับผม) อยู่
จริงๆ พอมาคิดทบทวนอีกครั้งก็มีจุดจับผิด และสามารถแก้ไขด้วยวิธีอื่นได้อีกมาก แต่ ณ ขณะนั้น "มึน" ครับ
เลยอยากจะเอาเรื่องราวมาแบ่งปัน เผื่อเพื่อนๆคนไหนยังไม่เคยทราบ จะได้ระวังตัวเอาไว้ครับ

****************************

เรื่องเกิดเมื่อคืนนี้ 3 กันยายน 2556 ประมาณ 21:00 น.
หลังที่ผมทานข้าวกับเพื่อนที่ CTW เสร็จ กำลังรอแท๊กซี่หน้า รพ.ตำรวจ

มีชายอายุประมาณ 40-45 ปี แต่งตัวดี แต่ค่อนข้างโทรมๆ เหมือนเดินมาไกล
เข้ามาหาผม สอบถามเส้นทางไปศูนย์สิริกิตติ์ ว่าขึ้นรถไฟฟ้าไปได้หรือไม่อย่างไร ผมก็ตอบๆ ไป
เขาบอกว่า ได้ไปประชุมที่ศูนย์สิริกิตติ์ ห้องอะไรซักอย่าง จำไม่ได้ และก็ยังบอกชื่อผู้จัดการห้องประชุมด้วยทั้งชื่อและนามสกุล
(ก็จำไม่ได้อีก เพราะพูดเร็วมาก เหมือนเขาเหนื่อย และต้องการขอความช่วยเหลือจริงๆ แต่มีข้อมูลเยอะมาก จนอธิบายไม่ถูก)
หลังประชุมเสร็จเขาก็พอมีเวลาเหลือ ได้แวะไปเดิน CTW และเขาทำกระเป๋าสตางค์หาย

หลังจากที่ผมบอกวิธีเดินทางให้เขาไป เขาย้อนถามกลับมาว่าศูนย์ประชุมปิดกี่โมง และจะมีเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่หรือไม่
ซึ่งผมก็ตอบไปว่า ไม่ทราบเหมือนกัน

เขาก็ทำท่าทีกระวนกระวายใจ เขาถามว่าน้องชื่ออะไร และเขาก็แนะนำตัว เขาเป็นข้าราชการทหารอากาศ ชื่อ เรืออากาศเอกกัน และก็ยื่นบัตรประจำตัวให้ดูเร็วๆ

ตอนนั้นผมคงทำหน้ายุ่งๆ เขาจึงทำท่าเหมือนจะผละไป บอกว่าไม่เป็นไรๆ ด้วยความสงสารผมจึงเรียกเขาไว้ (พลาดครั้งที่ 1)

แล้วเขาก็เล่าว่า มาจากเชียงใหม่เพื่อมาประชุมที่ศูนย์สิริกิตติ์โดยเฉพาะ มีนายทหารเข้าร่วมประชุมหลายท่าน
แล้วเขาก็เอ่ยชื่อนายทหารท่านหนึ่ง (ซึ่งก็จำไม่ได้อีก) แล้วเขาก็ถามว่าผมพักอยู่ที่ไหน มีบ้านที่เชียงใหม่หรือไม่
เป็นไปได้ไหมที่น้องจะหาทางช่วยเหลือพี่ให้เดินทางกลับเชียงใหม่

ตอนนั้นในใจก็กะจะปล่อยเค้าไปล่ะ เขาพูดต่อประมาณว่า ถ้าน้องช่วยเหลือพี่ จะพอเป็นไปได้ไหมว่าจะได้คบหาเป็นพี่เป็นน้องต่อไป
น้องพอจะช่วยพี่ให้ไปขึ้นสนามบินกองทัพอากาศดอนเมืองได้หรือเปล่า ถ้าน้องช่วยเหลือพี่ให้พี่ได้ไปขึ้นที่สนามบินได้พี่
จะได้ติดเครื่องบินโดยสารของกองทัพทหารอากาศกลับเชียงใหม่ ตอนนั้นผมก็กลัวถูกหลอกเหมือนกัน

พอผมนิ่งๆไป เค้าก็ขอโทษ และท่าจะผละไปอีก ด้วยความสงสาร (และโง่) ผมจึงรั้งเขาไว้อีก (ครั้งที่ 2 ล่ะนะ)

ผมถามถึงค่าตั๋วโดยสารเครื่องบิน..... เขาตอบมาว่า 1650 บาท และทันทีที่ไปถึงเชียงใหม่ จะรีบโอนเงินคืนให้
โดยขอหมายเลขโทรศัพท์ของผมไปก่อน

แล้วผมก็ทำท่าลังเล เนื่องจากเป็นเงินพอสมควรที่จะให้คนแปลกหน้า  เขาก็กล่าวขอบคุณและบอกว่าไม่รบกวนแล้ว และเดินจากไป
แต่ๆๆ คราวซวยจะมาเยือนซะอย่าง ผมเรียกเขาไว้ (ครั้งที่ 3 !!! )

ตอนนั้นคิดว่า ถ้าคนนี้ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ แล้วปล่อยไป คงจะเสียใจที่ไม่ได้ช่วย และเงิน 2,000 สำหรับผม ถ้าไม่ได้คืนจริงๆ ก็ไม่เดือดร้อนอะไร จึงตัดสินใจจะช่วย

ซึ่งระหว่างที่ผมชั่งใจอยู่ เขาก็พูดโน้มน้าวไปเรื่อย และมีอยู่ตอนหนึ่ง “พี่เป็นเรืออากาศเคยรับพระราชทานกระบี่จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พี่สาบานได้ว่าพี่ไม่ได้โกหก ถ้าพี่โกหก ขอให้พี่มีอันเป็นไปภายในคืนนี้เลย”

ช่วงที่หยิบเงินให้ เขาก็ยังหว่านล้อม ว่าในอนาคตสามารถคบหาช่วยเหลือผมได้ ถามว่าทำงานที่ไหน เป็นคนจังหวัดอะไร และอื่นๆ
และเขาหยิบสมุดฉีกออกมาเขียนชื่อที่อยู่ (ปลอม) ของเขาส่งให้

ก่อนจากกันมีเค้ายกมือไหว้ขอบคุณ สีหน้าดีใจมาก นัยตาแดงก่ำ

แล้วผมก็ขึ้นแท๊กซี่ไป ด้วยความตะหงิดๆ จึงถามอากู๋ ด้วย คีย์เวิร์ด "มิจฉาชีพ ทหารอากาศ ดอนเมือง 1650"
แล้วก็ โดนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
พล็อตเรื่องนี้ มีมาตั้งแต่ปี 2006 !!!!!!!!!!!!!!!!!!! (เป็นอย่างน้อย)
เลยรู้ตัวว่าพลาดไปแล้ว ซึ่งจริงๆ ก็ยังออกไปไม่ไกล จะตามกลับไปก็ยังทัน แต่คิดไปคิดมา กลัวจะโดนทำร้าย
เสียเงินแล้วยังต้องเจ็บตัวอีกเลยตัดใจ T____T

*****************************************************

มานั่งคิดๆ คนนี้มีจิตวิทยาดีเลยทีเดียว
เขาเริ่มเข้าหาเราด้วยการสอบถามเส้นทาง ไม่ได้ขอเงินในทันที เพื่อดูท่าทีนิสัยของเรา ชอบช่วยเหลือคนหรือเปล่า

เขามีจังหวะจะโคนการพูด ทุกครั้งที่ผมทำท่าทางลังเลว่าจะช่วยดีไม่ช่วยดี เขาก็จะเรียกชื่อผม
มีการสบตาผมตลอดเวลา ไม่มีหลบตาเลย ไหนจะสาบาน  รวมถึงการแต่งกายยังเหมาะกับสถานการณ์
ท่าทางโทรมๆจากการเดินมาไกล แต่ก็ไม่ได้ถึงกับซกมก

มีการอ้างอิ่งชือคนใหญ่ คนโต เพือให้มั่นใจว่าสามารถคืนเงินให้เราได้แน่ๆ
แล้วยังมีการเสนอตัวคบหา เสนองาน พร้อมจะให้การช่วยเหลือเราในอนาคต
พอจะจากก็ยังมีการจับมือถือแขนบีบด้วยความตื้นตันใจ และดวงตาแดงนิดๆ

เท่าที่ผมจำรายละเอียดก็ประมาณนี้ ยังมีข้อมูลอื่นๆอีกที่จำไม่ได้
คงเป็นเพราะความสงสาร ด้อยประสบการณ์(การโดนหลอก) ความโง่ และคราวซวยของผมเอง
บอกตรงๆว่า เหตการณ์ครั้งนี้ ผมไม่เสียดายเงินสองพัน แต่เสียความรู้สึกมากๆ
เราตั้งใจจริงที่จะช่วยเหลือคนเดือดร้อน แต่กลับโดนหลอกซะงั้น แว๊บแรกที่เข้ามาในหัว คือทีหลังจะไม่ยุ่งกับใครอีกแล้ว ช่างหัวมัน
แต่พอได้นอนหลับ ตื่นขึ้นมาก็ดีขึ้น  ต่อไปคงไม่ถึงกับปฎิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือคนแปลกหน้าไปเลย
แต่อาจจะต้องคิดให้มากขึ้น รอบคอบให้มากขึ้น อาจจะไปให้เงินที่สถานีตำรวจ ถ่ายรูปเก็บเอาไว้
ซึ่งถ้าคนที่เดือดร้อนจริงๆ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

ที่ผมโพสต์นี่ก็เพื่อเล่าสู่กันฟัง เผื่อใครยังไม่เคยได้ยิน หรือเคยทราบแต่อาจลืมไปแล้ว
ถ้าใครไปพบเจอเหตุการณ์คล้ายๆกันจะได้ระวังเอาไว้ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่