สวัสดีค่ะ ทุกคน
วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์ผ่าตัดริดสีดวง และเป็นการผ่าตัดครั้งแรกในชีวิตให้ฟังค่ะ
ที่ผ่านมาหลายปีเราไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นริดสีดวงรึเปล่า เราไม่เคยมีอาการเจ็บหรือมีติ่งอะไรยื่นออกมาจากก้นเลย แล้วอยู่มาวันนึง(เป็นวันอังคาร) เรารู้สึกปวดมวนท้องแบบท้องจะเสีย เราเลยนั่งชักโครกนานมาก แล้วหลังจากวันนั้นก็รู้สึกเจ็บก้นแล้วเวลาอาบน้ำก็จับโดนก้อนติ่ง เลยเอามือถือมาถ่ายรูป แล้วลองเสิร์จ Google ดู เลยเดาว่าตัวเองเป็นริดสีดวง แล้วความเจ็บมันไม่ลดลงเลย มันเจ็บมากขึ้น นั่งลำบาก นอนก็เจ็บ เราเลยไปพบหมอตอนวันอาทิตย์ เราหาข้อมูลก่อนไปนิดหน่อยว่ามีกี่ระยะ ต้องรักษายังไงบ้าง ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นหนัก เราไปช่วงเช้า พอคุณหมอตรวจเช็ค คุณหมอบอกเราว่าเป็นริดสีดวงระยะ 3-4 คือใกล้จะแตกแล้ว ไม่ได้เพิ่งเป็นอย่างที่ตัวเองคิด ต้องทำการรักษาโดยการผ่าตัดออก หมอนัดเราผ่าคืนนั้นเลย(วันอาทิตย์) เราบอกคุณหมอว่าขอกลับไปตรียมตัวก่อน และได้ทำนัดผ่าเป็นวันถัดไป
วันจันทร์ วันนัดผ่า เรามาโรงพยาบาลแต่เช้า 8.00 น. เพื่อทำการตรวจเลือด ตรวจคลื่นหัวใจ X-ray ปอด ตรวจ ATK และเข้าห้องพัก งดน้ำ งดอาหาร และรับยาระบายเป็นน้ำ 4 ขวด ประมาณขวดละ 500 ml. ต้องกินให้หมดก่อน 13.00น.เพราะเรานัดผ่า 19.30น. เราถ่ายท้องประมาณ 8-9 รอบ เพื่อให้ลำไส้สะอาด เพราะคุณหมอจะมีการตรวจลำไส้ใหญ่ให้ด้วย ตอนถ่ายท้องนี่เรียกว่าน่าจะเป็นช่วงที่ทรมานที่สุดแล้ว เจ็บริดสีดวงมาก จนแบบอยากจะรีบผ่าไปให้จบๆ ช่วงบ่ายก็มีคุณหมอดมยามาคุยด้วย ว่าแพ้ยาอะไรมั๊ย สอบถามทั่วไป 18.30น. พยาบาลมารับไปห้องผ่าตัด แอบตื่นเต้นนิดหน่อย คิดในใจว่าห้องผ่าตัดจะเหมือนใน Grey's Anatomy มั๊ยนะ
ถึงเวลาผ่าเราก็ถูกเข็นเข้าห้อง มีคุณหมอดมยา คุณหมอที่ตรวจเรา และพยาบาลอีก 2 คน ทุกคนพูดคุยกันแบบอารมณ์ดีหัวเราะ เปิดเพลงด้วย เราไม่รู้ว่าเป็นเทคนิคของเค้ารึเปล่าที่ไม่ให้คนไข้รู้สึกกลัว คุณหมอดมยา ก็เริ่มฉีดยานอนหลับเข้าเส้นน้ำเกลือเรา เราหันไปพูดกับหมอว่า 1 2 3 หลับ แล้วเราก็หลับไปจริงๆ รู้สึกตัวอีกทีเราอยู่ในห้องพักฟื้นติดกับห้องผ่าตัด ตื่นประมาณใกล้ๆ 4 ทุ่ม ความรู้สึกแรกและคำพูดแรกที่พูดกับพยาบาลคือ ปวดอึ๊ค่ะ พยาบาลบอกเราคงไม่ได้ปวดอึ๊(เพราะก่อนผ่า เราถ่ายท้องไป 8-9 รอบละ น่าจะไม่เหลืออะไรแล้วล่ะ) มันเป็นความรู้สึกหลังผ่าตัดเฉยๆ เราคิดว่าน่าจะโดนฉีดยาที่บริเวณก้นด้วย เพราะตอนตื่นมันไม่เจ็บ มันชาๆไปอีกสักพักเลย พอสัก 4 ทุ่มก็เข็นเรากลับห้องพัก เราต้องแอดมิน 2 คืนกลับห้องเราก็กินข้าว กินน้ำ คือเราหิวน้ำมาก เพราะงดน้ำตั้งแต่เช้า กินเสร็จเราก็นอน พยาบาลเข้ามาดู ฉีดยาแก้ปวด และยาฆ่าเชื้อทางสายน้ำเกลือ น่าจะทุกๆ 2 ชั่วโมงได้ พอเช้าวันรุ่งขึ้นเราก็พยายามจะฉี่ ก็ฉี่ได้ปกติ พยาบาลบอกว่าถ้าฉี่ไม่ออกต้องสวนนะ ด้วยความที่กลัวเจ็บ ก็ฉี่จนออก แล้ววันแรกเราสามารถถ่ายอุจาระได้ด้วย เดินได้ อาบน้ำเองได้ ตั้งแต่วันแรกเลย
วันอังคาร นอนพักอีกวัน ส่วนมากก็หลับแทบจะตลอดเลย เราว่าคงเพลียจากการผ่าตัด พยาบาลก็เข้ามาดูและให้ยาตลอดคุณหมอก็เข้ามาคุย มาเช็คแผล คุณหมอมาอธิบายการผ่าตัด ว่าผ่าริดสีดวงออกไป 2 ก้อน ก้อนนึงประมาณ 2 เซน อีกก้อนเล็กหน่อย และลำไส้ที่มีการส่องกล่อง เจอก้อนเนื้อ ได้ทำการตัดออกไปตรวจ แต่ดูแล้วไม่น่าใช่เนื้อร้ายอะไร
วันพุธ เตรียมตัวกลับบ้าน คุณหมอก็เข้ามาเช็คแผล แผลแห้งดี อธิบายการดูแลตัวเองว่าให้กินอาหารยังไง ห้ามสูบบุหรี่นะอะไรประมาณนี้ วันนี้ก็ยังเพลียๆ อยู่ นั่งรถกลับก็หลับ กลับถึงบ้านก็หลับ แต่หลังจากการผ่าตัด เรารู้สึกว่าดีแล้วที่ตัดสินใจผ่าออก มันไม่เจ็บอย่างที่คิด หรือที่กลัวเลย ความรู้สึกตรงแผลก็รู้สึกเหมือนแค่แสบๆ เราว่าตอนมีก้อนริดสีดวงอยู่ ทรมานกว่ามาก เรารู้สึกว่าคุณหมอเค้าให้ยาจนทำให้คนไข้รู้สึกสบายตัวที่สุด ไม่ทรมานอะไรเลย
หลังจากที่เรากลับบ้านมา ก็ทานยาตามที่ได้รับ มียาฆ่าเชื้อ แก้ปวด Probiotic ไฟเบอร์ ยาระบาย ยารักษาปลายประสาท ยาแก้เลือดออก เราก็ทานไปจนครบ ดูแลตัวเองโดยการกินอาหารอ่อนๆ ไม่เผ็ด ไม่ดิบ ไม่ดอง พวกเนื้อสัตว์กินแบบย่อยง่ายๆกินผักเยอะ กินน้ำเยอะๆ เรากินน้ำ 3 ลิตรต่อวัน(คุณหมอบอกเยอะไป 2 ลิตรก็พอ) ซับแผลให้แห้งเวลาเข้าห้องน้ำ วันเสาร์เราไปทำงานได้แล้ว วันอาทิตย์เรียกได้ว่าไม่เจ็บแผลแล้ว ตั้งแต่กลับบ้านมา เราก็สามารถขับถ่ายได้ปกติเลย อาจจะมีเจ็บๆบ้าง แต่ไม่มาก พยายามไม่เบ่ง
เราว่าคุณหมอดีมากๆเลย เราอีเมลไปถามอาการ เย็นวันนั้นคุณหมอก็โทรมาคุยเลย ใจดีมาก สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่กำลังมีปัญหาริดสีดวงอยู่ แล้วอยากรักษา เราแนะนำคุณหมอคนนี้เลยนะ ตอนแรกเราก็ไม่รู้จะไปที่ไหน แล้วเราเสิร์จ Google แล้วเห็นบทความของที่สมิติเวชขึ้นเยอะ เราก็เลยตกเป็นเหยื่อ Marketing ไป แต่เราก็คิดแหละ ว่าเค้าคงมีผู้เชี่ยวชาญแหละ ไม่งั้นเค้าไม่โฆษณาหรอก เลยตัดสินใจไปที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท และได้พบคุณหมอพรเทพ ประทานวณิช
ส่วนตัวเราทำประกันสุขภาพเอาไว้ ประกันเลยรับผิดชอบให้ สามารถเคลมได้หมด ราคาก็แรงอยู่ บิลมาที่ 200,000 บาทนิดๆ ได้ เรียกได้ว่าค่าเบี้ยที่จ่ายไปตั้งแต่ปีแรก คืนทุนหมดเลยงานนี้ แต่เราได้ถามคุณหมอมาด้วยว่าประจำโรงพยาบาลรัฐบ้างมั๊ย คุณหมอมีประจำที่โรงพยาบาลตากสินด้วยนะ น่าจะใช้สิทธิ์ 30 บาทกับประกันสังคมได้ แต่ที่นั่นก็ถ้าเป็นเคสผ่าริดสีดวงจะรอนานหน่อย เพราะจะมีเคสผ่ามะเร็งค่อนข้างเยอะ เรารู้สึกประทับใจคุณหมอจริงๆ จนมาลงมือเขียนรีวิวซะยาวเยียด ไม่เคยเขียนรีวิวอะไรมาก่อนในชีวิตเลย ไม่ได้เป็นหน้าม้าใดๆทั้งสิ้น เพราะเจ็บจริง ผ่าเองจริง
จบละค่าาา
[CR] รีวิวการผ่าตัดริดสีดวงครั้งแรกในชีวิต ไม่ได้เจ็บอย่างที่คิด
วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์ผ่าตัดริดสีดวง และเป็นการผ่าตัดครั้งแรกในชีวิตให้ฟังค่ะ
ที่ผ่านมาหลายปีเราไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นริดสีดวงรึเปล่า เราไม่เคยมีอาการเจ็บหรือมีติ่งอะไรยื่นออกมาจากก้นเลย แล้วอยู่มาวันนึง(เป็นวันอังคาร) เรารู้สึกปวดมวนท้องแบบท้องจะเสีย เราเลยนั่งชักโครกนานมาก แล้วหลังจากวันนั้นก็รู้สึกเจ็บก้นแล้วเวลาอาบน้ำก็จับโดนก้อนติ่ง เลยเอามือถือมาถ่ายรูป แล้วลองเสิร์จ Google ดู เลยเดาว่าตัวเองเป็นริดสีดวง แล้วความเจ็บมันไม่ลดลงเลย มันเจ็บมากขึ้น นั่งลำบาก นอนก็เจ็บ เราเลยไปพบหมอตอนวันอาทิตย์ เราหาข้อมูลก่อนไปนิดหน่อยว่ามีกี่ระยะ ต้องรักษายังไงบ้าง ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นหนัก เราไปช่วงเช้า พอคุณหมอตรวจเช็ค คุณหมอบอกเราว่าเป็นริดสีดวงระยะ 3-4 คือใกล้จะแตกแล้ว ไม่ได้เพิ่งเป็นอย่างที่ตัวเองคิด ต้องทำการรักษาโดยการผ่าตัดออก หมอนัดเราผ่าคืนนั้นเลย(วันอาทิตย์) เราบอกคุณหมอว่าขอกลับไปตรียมตัวก่อน และได้ทำนัดผ่าเป็นวันถัดไป
วันจันทร์ วันนัดผ่า เรามาโรงพยาบาลแต่เช้า 8.00 น. เพื่อทำการตรวจเลือด ตรวจคลื่นหัวใจ X-ray ปอด ตรวจ ATK และเข้าห้องพัก งดน้ำ งดอาหาร และรับยาระบายเป็นน้ำ 4 ขวด ประมาณขวดละ 500 ml. ต้องกินให้หมดก่อน 13.00น.เพราะเรานัดผ่า 19.30น. เราถ่ายท้องประมาณ 8-9 รอบ เพื่อให้ลำไส้สะอาด เพราะคุณหมอจะมีการตรวจลำไส้ใหญ่ให้ด้วย ตอนถ่ายท้องนี่เรียกว่าน่าจะเป็นช่วงที่ทรมานที่สุดแล้ว เจ็บริดสีดวงมาก จนแบบอยากจะรีบผ่าไปให้จบๆ ช่วงบ่ายก็มีคุณหมอดมยามาคุยด้วย ว่าแพ้ยาอะไรมั๊ย สอบถามทั่วไป 18.30น. พยาบาลมารับไปห้องผ่าตัด แอบตื่นเต้นนิดหน่อย คิดในใจว่าห้องผ่าตัดจะเหมือนใน Grey's Anatomy มั๊ยนะ
ถึงเวลาผ่าเราก็ถูกเข็นเข้าห้อง มีคุณหมอดมยา คุณหมอที่ตรวจเรา และพยาบาลอีก 2 คน ทุกคนพูดคุยกันแบบอารมณ์ดีหัวเราะ เปิดเพลงด้วย เราไม่รู้ว่าเป็นเทคนิคของเค้ารึเปล่าที่ไม่ให้คนไข้รู้สึกกลัว คุณหมอดมยา ก็เริ่มฉีดยานอนหลับเข้าเส้นน้ำเกลือเรา เราหันไปพูดกับหมอว่า 1 2 3 หลับ แล้วเราก็หลับไปจริงๆ รู้สึกตัวอีกทีเราอยู่ในห้องพักฟื้นติดกับห้องผ่าตัด ตื่นประมาณใกล้ๆ 4 ทุ่ม ความรู้สึกแรกและคำพูดแรกที่พูดกับพยาบาลคือ ปวดอึ๊ค่ะ พยาบาลบอกเราคงไม่ได้ปวดอึ๊(เพราะก่อนผ่า เราถ่ายท้องไป 8-9 รอบละ น่าจะไม่เหลืออะไรแล้วล่ะ) มันเป็นความรู้สึกหลังผ่าตัดเฉยๆ เราคิดว่าน่าจะโดนฉีดยาที่บริเวณก้นด้วย เพราะตอนตื่นมันไม่เจ็บ มันชาๆไปอีกสักพักเลย พอสัก 4 ทุ่มก็เข็นเรากลับห้องพัก เราต้องแอดมิน 2 คืนกลับห้องเราก็กินข้าว กินน้ำ คือเราหิวน้ำมาก เพราะงดน้ำตั้งแต่เช้า กินเสร็จเราก็นอน พยาบาลเข้ามาดู ฉีดยาแก้ปวด และยาฆ่าเชื้อทางสายน้ำเกลือ น่าจะทุกๆ 2 ชั่วโมงได้ พอเช้าวันรุ่งขึ้นเราก็พยายามจะฉี่ ก็ฉี่ได้ปกติ พยาบาลบอกว่าถ้าฉี่ไม่ออกต้องสวนนะ ด้วยความที่กลัวเจ็บ ก็ฉี่จนออก แล้ววันแรกเราสามารถถ่ายอุจาระได้ด้วย เดินได้ อาบน้ำเองได้ ตั้งแต่วันแรกเลย
วันอังคาร นอนพักอีกวัน ส่วนมากก็หลับแทบจะตลอดเลย เราว่าคงเพลียจากการผ่าตัด พยาบาลก็เข้ามาดูและให้ยาตลอดคุณหมอก็เข้ามาคุย มาเช็คแผล คุณหมอมาอธิบายการผ่าตัด ว่าผ่าริดสีดวงออกไป 2 ก้อน ก้อนนึงประมาณ 2 เซน อีกก้อนเล็กหน่อย และลำไส้ที่มีการส่องกล่อง เจอก้อนเนื้อ ได้ทำการตัดออกไปตรวจ แต่ดูแล้วไม่น่าใช่เนื้อร้ายอะไร
วันพุธ เตรียมตัวกลับบ้าน คุณหมอก็เข้ามาเช็คแผล แผลแห้งดี อธิบายการดูแลตัวเองว่าให้กินอาหารยังไง ห้ามสูบบุหรี่นะอะไรประมาณนี้ วันนี้ก็ยังเพลียๆ อยู่ นั่งรถกลับก็หลับ กลับถึงบ้านก็หลับ แต่หลังจากการผ่าตัด เรารู้สึกว่าดีแล้วที่ตัดสินใจผ่าออก มันไม่เจ็บอย่างที่คิด หรือที่กลัวเลย ความรู้สึกตรงแผลก็รู้สึกเหมือนแค่แสบๆ เราว่าตอนมีก้อนริดสีดวงอยู่ ทรมานกว่ามาก เรารู้สึกว่าคุณหมอเค้าให้ยาจนทำให้คนไข้รู้สึกสบายตัวที่สุด ไม่ทรมานอะไรเลย
หลังจากที่เรากลับบ้านมา ก็ทานยาตามที่ได้รับ มียาฆ่าเชื้อ แก้ปวด Probiotic ไฟเบอร์ ยาระบาย ยารักษาปลายประสาท ยาแก้เลือดออก เราก็ทานไปจนครบ ดูแลตัวเองโดยการกินอาหารอ่อนๆ ไม่เผ็ด ไม่ดิบ ไม่ดอง พวกเนื้อสัตว์กินแบบย่อยง่ายๆกินผักเยอะ กินน้ำเยอะๆ เรากินน้ำ 3 ลิตรต่อวัน(คุณหมอบอกเยอะไป 2 ลิตรก็พอ) ซับแผลให้แห้งเวลาเข้าห้องน้ำ วันเสาร์เราไปทำงานได้แล้ว วันอาทิตย์เรียกได้ว่าไม่เจ็บแผลแล้ว ตั้งแต่กลับบ้านมา เราก็สามารถขับถ่ายได้ปกติเลย อาจจะมีเจ็บๆบ้าง แต่ไม่มาก พยายามไม่เบ่ง
เราว่าคุณหมอดีมากๆเลย เราอีเมลไปถามอาการ เย็นวันนั้นคุณหมอก็โทรมาคุยเลย ใจดีมาก สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่กำลังมีปัญหาริดสีดวงอยู่ แล้วอยากรักษา เราแนะนำคุณหมอคนนี้เลยนะ ตอนแรกเราก็ไม่รู้จะไปที่ไหน แล้วเราเสิร์จ Google แล้วเห็นบทความของที่สมิติเวชขึ้นเยอะ เราก็เลยตกเป็นเหยื่อ Marketing ไป แต่เราก็คิดแหละ ว่าเค้าคงมีผู้เชี่ยวชาญแหละ ไม่งั้นเค้าไม่โฆษณาหรอก เลยตัดสินใจไปที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท และได้พบคุณหมอพรเทพ ประทานวณิช
ส่วนตัวเราทำประกันสุขภาพเอาไว้ ประกันเลยรับผิดชอบให้ สามารถเคลมได้หมด ราคาก็แรงอยู่ บิลมาที่ 200,000 บาทนิดๆ ได้ เรียกได้ว่าค่าเบี้ยที่จ่ายไปตั้งแต่ปีแรก คืนทุนหมดเลยงานนี้ แต่เราได้ถามคุณหมอมาด้วยว่าประจำโรงพยาบาลรัฐบ้างมั๊ย คุณหมอมีประจำที่โรงพยาบาลตากสินด้วยนะ น่าจะใช้สิทธิ์ 30 บาทกับประกันสังคมได้ แต่ที่นั่นก็ถ้าเป็นเคสผ่าริดสีดวงจะรอนานหน่อย เพราะจะมีเคสผ่ามะเร็งค่อนข้างเยอะ เรารู้สึกประทับใจคุณหมอจริงๆ จนมาลงมือเขียนรีวิวซะยาวเยียด ไม่เคยเขียนรีวิวอะไรมาก่อนในชีวิตเลย ไม่ได้เป็นหน้าม้าใดๆทั้งสิ้น เพราะเจ็บจริง ผ่าเองจริง
จบละค่าาา
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้