[CR] ทำเลสิคมา 1 ปื จากคนสายตามสั้นมากแต่เด็ก แฮปปี้โลกสดใส แต่แอบมีข้อเสียนะ

          เราทำเลสิคมาครบ 1 ปีละ เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ ทั้งข้อดีข้อเสีย ให้ใครที่กำลังคิดอยู่ว่าควรทำดีมั้ย ทำแล้วเวลาผ่านไปจะกลับมาสั้นอีกรึป่าว วิธีการดูแลดวงตาที่คุณหมอแนะนำ
          จะบอกว่าเป็นคนที่ทนอยู่กับสายตาสั้นมากๆๆๆ (ขวา700 ซ้าย 600) มานานเป็นสิบปี เสียเงินค่าตัดแว่น และค่าคอนเทคเลนส์มามากมายนับไม่ถ้วน แล้วเราเป็นคนชอบทำกิจกรรม outdoor มากกกก ช่วงหลังมาเสพติดการดำน้ำเข้าไปอีก เลยเริ่มรู้สึกว่าการใส่คอนเทคเลนส์เนี่ย นอกจากจะทำให้ตาแห้งแล้ว มันยังไม่สะดวกกับไลฟ์สไตล์ของเราเอาซะเลย เลยตัดสินใจว่าเราจะต้องลงทุนกับการทำเลสิค น่าจะคุ้มค่าในระยะยาว ใช้เวลาในการตัดสินใจประมาณ 1 เดือนถ้วน แต่ขอสารภาพว่าไม่ได้ดูรีวิวอะไรเยอะแยะ เพราะกลัวว่าดูเยอะรู้เยอะแล้วจะไม่กล้าทำ หลักๆเลยที่ใช้ประกอบการตัดสินใจก็มีอยู่ไม่กี่ข้อ นั่นก็คือ.....
#อันดับแรก คุณหมอต้องเก่ง ไว้ใจได้ น่าเชื่อถือคุยกันรู้เรื่อง ซึ่งเราก็หาข้อมูลเรื่องนี้ และไปเจอคุณหมอท่านหนึ่งที่เพื่อนแนะนำ
#อันดับสอง รพ.ที่ใกล้บ้าน เดินทางสะดวก เพราะต้องมีการ follow up อยู่ประมาณ 1 ปีเลยนะ เราโชคดีมากที่คุณหมอเข้ารพ. ใกล้บ้าน
#อันดับสาม อันดับสุดท้าย แต่สำคัญที่สุด คือ Budget นั่นเอง ใดๆก็คือเลือกทำแบบที่ไม่เกินงบ ถ้าปรึกษาคุณหมอแล้วโอเคทำได้ ก็ลุยจ้า
มาต่อ พอปรึกษาคุณหมอ คุณหมอแนะนำให้ทำเลสิคแบบ SBK ราคาประมาณ 37,000 บาทถ้าจำไม่ผิด คือมันเป็นเลสิคแบบที่ใช้ใบมีดอยู่นะ แต่ใช้เวลาฟื้นตัวเร็ว มองเห็นชัดแจ๋วกภายในเวลาข้ามคืน ซึ่งข้อกังวลของเราก็คือ เราตาแห้งค่อนข้างมาก แต่หลังจากคุณหมอตรวจเสร็จเรียบร้อยก็บอกทำได้ไม่มีปัญหา หลังทำเสร็จก็เน้นหยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ
          ก่อนทำเลสิค คุณหมอแนะนำให้ถอดคอนเทคเลนส์ไปเลยอย่างน้อย 7-10 วัน แล้ววันทำก็อาบน้ำสระผมให้เรียบร้อย
ก่อนเข้าห้องผ่าตัด เราก็ต้องไปล้างหน้ากันอีกรอบเพื่อความสะอาดหมดจด ตอนเข้าไปในห้องผ่าตัดคือลุ้นมากนะเอาจริงๆ เพราะไม่เคยดูรีวิวอะไรเลย แต่ก็มีคนบอกว่าน่ากลัวอยู่บ้าง ซึ่งตอนที่เราเข้าไปในห้องเรียบร้อยเค้าก็เหมือนจะมีการหยอดยาซักอย่างถ้าเราทำไม่ผิด น่าจะขยายรูม่านตา แล้วก็มียาชานี่แหละ (ตรงนี้ลำดับผิดขออภัยนะคะ ผ่านมานานเริ่มจำไม่ได้) แล้วก็จะโดนถ่างตาด้วยเครื่องมือที่มองไม่เห็น ซึ่งถามว่าเจ็บมั้ย เราก็ว่าไม่มากนะ มันทนได้ แค่มันไม่สบายเท่านั้นเอง แล้วซักพักคุณหมอก็จะบอกให้เรามองที่จุดแสง มองจ้องไว้อย่ากลอกตาไปมานะ จ้องเข้าไว้ แล้วซักพักก็ได้กลิ่นไหม้จ้ะ 5555 นั่นแหละจบ เปลี่ยนไปทำแบบเดียวกันอีกข้าง ใช้เวลาทำทั้งสิ้นประมาณ 10 นาทีได้มั้ง คือมันแปปเดียวแหละ ไม่ต้องทรมานใจนาน

          หลังทำเสร็จเราก็จะโดนปิดตาด้วยที่ปิดตาที่มีรู แล้วคุณพยาบาลก็มาอธิบายวิธีดูแลรักษาตัวเอง วิธีล้างตาล้างแผลหยอดยาฆ่าเชื้อต่างๆ ซึ่งในวันนั้นแน่นอนว่าห้ามโดนน้ำ แล้วเราก็ต้องปิดที่ครอบตาไปประมาณ 1 อาทิตย์ อ้อออ ลืมบอกไปว่าตอนทำออกมาเนี่ย ตาเราจะยังมองเห็นไม่ชัดนะคะ มันจะเป็นฝ้าๆ หมอกๆ เหมือนอยู่ภูทับเบิกตลอดเวลา ก็ไม่ต้องตกใจไป ถ้าใครขับรถมาเองก็ขอแนะนำให้พกคนขับติดตัวมาด้วยจะดีกว่าค่ะ

          วันแรกรู้สึกตึงๆนิดๆ ไม่ได้เจ็บอะไร เราก็รีบนอน พอตื่นมาอีกวันรู้สึกดีขึ้น เห้ยยยย โลกสดใสขึ้นนะ มันชัดอ่ะ มันชัดแบบตื่นมามองทุกอย่างชัดเลย มันเป็นความรู้สึกมหัศจรรย์ที่จะต้องเกิดขึ้นกับคนสายตาสั้นทุกคนแน่นอน โมเม้นหลังทำเลสิคแบบนี้ อาจจะมีหมอกที่ภูทับเบิกอยู่บ้าง แต่บางลงจากเมื่อวานมาก เราจะยังโดนน้ำล้างหน้าไม่ได้ไปประมาณ 1 อาทิตย์นะ แล้วก็ไม่ได้แต่งหน้าแต่งตา ยังคงต้องใช้สำลี
เช็ดน้ำเกลือเช็คตากันต่อไป ว่ายน้ำน่าจะโดนห้ามไปอีกครึ่งเดือน ส่วนดำน้ำงดไปเลยจ้ะเกือบ 2 เดือน แต่ไม่เป็นไร อดทนได้ การดำน้ำครั้งต่อไปของเราจะต้องสดใสอย่างแน่นอน

          พูดด้านดีที่มันช่วยเปลี่ยนโลกเบลอๆของคนสายตาสั้นให้สดใสขึ้นไปละ แต่มันก็มีข้อเสียอยู่ สำหรับเรา (อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน) ที่เราเจอหลังทำเลสิคผ่านมา 1 ปีก็คือ การขับรถตอนกลางคืนต้องระวังมากๆ มันจะไม่ได้ชัดแจ๋วแบบตอนกลางวันนะ การมองเห็นในที่มืดเราแย่ลงจากตอนก่อนทำเลสิค เวลาที่เรามองแสงไฟ ไฟทาง ไฟรถต่างๆ มันจะมีความแตกกระจายเป็นแฉกๆ หมอบอกว่ายิ่งเราสายตาสั้นเยอะ เรามีโอกาสเห็นแสงแตกเยอะกว่าคนที่สายตาสั้นน้อยกว่า นอกจากเรื่องนี้ก็จะมีสำหรับพนังงานออฟฟิสอย่างเราที่ต้องจ้องคอมจ้องมือถือกันตลอดทั้งวัน ทำให้โอกาสที่สายตาจะกลับมาสั้นอีกเพิ่มมากขึ้น เราเลยต้องอาศัยการดูแลรักษาสายตาค่อยข้างมาก การพักสายตา ทุกๆ 1 ชม. และที่ขาดไม่ได้ คือการทานอาหารที่ช่วยบำรุงสายตา เพราะถ้าสายตาเรากลับไปสั้นอีกรอบนี้ หมอบอกว่าจะไปทำเลสิคอีกรอบก็ไมได้แล้ว (คาดว่าด้วยเรื่องของความหนากระจกตา) ผักผลไม้ที่เราเน้นเลย เช่น พวกผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ ผักผลไม้ที่สีเหลืองสีส้ม หรือผักใบเขียวต่างๆ เพราะในดวงตาเรามีสารลูทีน และซีแซนทีนที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ช่วยกรองแสงสีฟ้าในตอนกลาคืน และช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมรวมไปถึงต้อกระจก แอบบอกว่าตอนนี้เรากำลังทาน เยส แคร์ จาก เรียล อิลิคเซอร์ เป็นวิตมินบำรุงสายตาที่พี่ยุ้ย จีรนันท์ มโนแจ่ม เป็นพรีเซนเตอร์อยู่ คุณแม่เราเองก็ทานอยู่เหมือนกัน เพราะมีปัญหาเรื่องตาพร่า สู้แสงแดดไม่ไหว เห็นรีวิวว่ามีสารสกัดทุกตัวที่ดวงตาต้องการ และใส่ในปริมาณที่ไม่จะไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย ส่วนตัวว่ามันก็เห็นผลอยู่นะ ตอนนี้เราลองทานมาได้ 3 เดือนละ เราปวดตาน้อยลงเวลาใช้สายตาตอนกลางคืน ไม่ค่อยปวดหัว และที่สำคัญตาเราก็ไม่ค่อยแห้งแล้วด้วย

ยังไงก็หวังว่าการมาแชร์ของเราครั้งนี้จะมีประโยชน์กับคนที่คิดว่ากำลังอยากทำเลสิคกันอยู่นะ

ชื่อสินค้า:   รีวิวประสบการณ์การเตรียมตัว การดูแลรักษาดวงตา และปัญหาที่เจอจากการทำเลสิค
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่